|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไอซีทีร่วมกับ 5 โอเปอเรเตอร์มือถือ ตกลงจัดระเบียบการซื้อซิมการ์ดใหม่ในระบบเติมเงิน ให้ใช้บัตรประชาชนหรือบัตรที่สามารถแสดงตน เริ่ม 08.00 น. วันที่ 10 พ.ค. ส่วนซิมการ์ดเก่าหวังใช้มาตรการจูงใจด้านการส่งเสริมการขายลดราคาบัตรเติมเงินให้มาแสดงตน ย้ำไม่จำเป็นต้องออกกฏหมาย หลังตั้งคณะทำงานร่วม 5 โอเปอเรเตอร์ที่มีทีโอที กสท และกทช.เป็นเลขานุการร่วม จัดการรายละเอียดวิธีปฏิบัติ ขณะที่กทช.ออกตัวไม่สามารถทำอะไรได้จนกว่าผู้ประกอบการจะมีใบอนุญาต
นายคณวัฒน์ วศินสังวร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวภายหลังการประชุมจัดระเบียบซิมการ์ดในระบบเติมเงินซึ่งมีผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 5 ราย บริษัท ทีโอที บริษัท กสท โทรคมนาคม ตัวแทนจากคณะกรรมการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยเข้าร่วมประชุม ว่าที่ประชุมได้ข้อสรุปว่าในเวลา 08.00 น. วันที่ 10 พ.ค. ประชาชนที่ซื้อซิมการ์ดใหม่ในระบบเติมเงินจะต้องแสดงตนด้วยบัตรประชาชน โดยผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทั้ง 5 รายประกอบด้วยบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิสหรือเอไอเอส บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่นหรือดีแทค บริษัท ทีเอ ออเร้นจ์ บริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เรสมัลติมีเดียหรือฮัทช์ และกิจการร่วมค้าไทยโมบาย จะต้องมาลงนามในบันทึกความร่วมมือในการตัดระเบียบการจำหน่ายบัตรซิมการ์ด พรีเพดใหม่ ซึ่งจะมีคู่มือ รวมทั้งขั้นตอนวิธีการปฏิบัติในการให้บริการ ตลอดจนแบบฟฟอร์มในการรายงานกับทีโอที และกสทโดยมีกระทรวงไอซีทีและกทช.เป็นสักขีพยาน ในวันที่ 9 พ.ค.ที่จะถึงนี้
ทั้งนี้จะต้องมีการตั้งคณะทำงานที่ประกอบด้วยตัวแทนของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทั้ง 5 ราย โดยมีตัวแทนจากบริษัท ทีโอที บริษัท กสท โทรคมนาคมและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ทำหน้าที่เลขานุการในคณะทำงานดังกล่าว โดยคณะทำงานชุดนี้จะมีการประชุมในวันที่ 4 พ.ค. เพื่อจัดทำรายละเอียด วิธีปฏิบัติ และแบบฟอร์มต่างๆ การรายงานผลการจำหน่ายซิมการ์ดใหม่ในระบบเติมเงิน ตั้งแต่การขายส่ง จนกระทั่งลงไปจนถึงผู้ค้ารายย่อย ภายใต้หลักการว่าการซื้อซิมการ์ดใหม่ในระบบเติมเงินจะต้องแสดงตนด้วยประชาชน หรือบัตรข้าราชการ หรือบัตรอะไรที่สามารถแสดงความเป็นตัวเองได้ ส่วนการที่จะต้องเก็บสำเนาบัตรประชาชนไว้ด้วยหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่คณะทำงานจะต้องไปคุยกันเอง โดยที่ใครที่ไม่แสดงบัตรประชาชน ก็จะไม่สามารถซื้อซิมการ์ดได้
“เอกชนจะเป็นคนกำหนดกติกาเอง ในขณะที่ตัวแทนภาครัฐและกทช.จะเป็นเลขาในที่ประชุม โดยไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายหรือบทเฉพาะกาลใดๆมาพันธนาการผู้ให้บริการ”
นายคณวัฒน์กล่าวว่ากรณีการนำเอกสารปลอมมาซื้อซิมการ์ดนั้น เอกชนสามารถมาขอความร่วมมือกับภาครัฐอย่างกระทรวงไอซีที หรือกระทรวงมหาดไทยให้เข้าไปช่วยตรวจสอบได้ แต่ต้องยอมรับว่ามิจฉาชีพมีทุกวงการ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตำรวจจะต้องเข้าไปจัดการ ส่วนเรื่องช่องทางขายปัจจุบันที่ลงลึกไปถึงระดับรถขายไอศกรีมก็ต้องมีวิธีปฏิบัติว่าหากรับซิมการ์ดไปจำหน่ายจำนวนเท่าไหร่ ก็ต้องมีเอกสารกลับมาในจำนวนนั้น
ส่วนกรณีการจัดระเบียบซิมการ์ดเก่า 21.5 ล้านรายนั้น ยังเห็นว่าระยะเวลาประมาณ 6 เดือน น่าจะจัดการให้แล้วเสร็จ โดยให้การบ้านผู้ให้บริการทั้ง 5 ราย กลับไปคิดว่าจะดำเนินการด้วยวิธีการใด ซึ่งจะมีการพูดคุยกันในวันที่ 4 พ.ค. เช่นกัน โดยที่ประชุมผู้ให้บริการทุกรายเห็นพ้องตรงกันว่าการใช้การตลาดด้วยแนวทางส่งเสริมการขายผ่านบัตรเติมเงินน่าจะเป็นการจูงใจประชาชนให้มาแสดงตนได้
นอกจากนี้กทช.จะส่งนักกฏหมายเข้ามาในคณะทำงานเพื่อช่วยดูว่าอะไรที่เป็นกฏเกณฑ์ที่กทช.จะออกมาบังคับใช้พร้อมกับการให้ใบอนุญาตอยู่แล้ว ก็สามารถนำเข้ามาเป็นกฏเกณฑ์ในบันทึกข้อตกลงได้ทันที โดยเป็นความยินยอมของผู้ให้บริการทุกราย นายคณวัฒน์ กล่าวว่าเรื่องซิมการ์ดใหม่เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการมากกว่าซิมการ์ดเก่า เพราะซิมการ์ดเก่าอาจมีคนโทรเข้ามาระหว่างการเตรียมวางระเบิดซึ่งอาจเกิดระเบิดได้ และจากการตรวจสอบจากทั่วโลกพบว่าเหตุการณ์ระเบิดที่มาจากซิมการ์ดใหม่ของโทรศัพท์มือถือประมาณ 80% หากมีมาตรการดังกล่าวออกมาคาดว่าจะสามารถควบคุมให้การวางระเบิดจากการใช้ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือหายไปได้ประมาณ 80-90%
น.ส.วีณา อ่องจริต ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มธุรกิจพรีเพด ฮัทช์ กล่าวว่าบริษัทยอมรับในหลักการ แต่ยังมีรายละเอียดอีกมากในการหาข้อตกลงร่วมกันกับผู้ให้บริการรายอื่น ที่จะต้องหาแนวทางข้อตกลงแนวทางปฏิบัติ รวมถึงกระบวนการวิธีการจัดเก็บข้อมูล ให้เกิดความเสมอภาค ก่อนที่จะมีการลงนามร่วมกัน แต่เรื่องดังกล่าวหากเป็นในส่วนของร้านค้าใหญ่ หรือที่เป็นตัวแทนจำหน่ายจะไม่มีปัญหา เพราะจะสามารถเก็บเอกสารของผู้ซื้อได้โดยตรงอยู่แล้ว
“เรื่องช่องทางขายหากเป็นร้านเล็กๆ หรือเป็นตู้ เราเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเป็นใคร เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา แต่ฮัทช์ก็อยากจะได้ข้อมูลในส่วนนี้เช่นกัน”
นายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร เอไอเอส กล่าวว่า บริษัทพร้อมที่จะทำตามมติของที่ประชุมเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการปฏิบัติงานในครั้งนี้ และพร้อมจะหารือร่วมกับผู้ให้บริการทุกราย เพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่จะต้องช่วยกัน เพื่อประเทศชาติ
นายอธึก อัศวานันท์ รองประธานกรรมการและหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกฎหมาย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ในวันจันทร์ ที่ 25 เมษายนนี้ จะหารือร่วมกับผู้ประกอบการทุกราย เพื่อหาแนวทางกำหนดรายละเอียดของมาตรการที่จะนำมาใช้ ก่อนที่จะร่างเป็นแนวทางจัดทำเป็นข้อตกลงร่วมกันกับผู้ให้บริการทุกรายต่อไป
นายสุรนันท์ วิทยกำจร เลขาธิการ กทช. กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว กทช.จะนำไปกำหนดไว้ในใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม เพื่อบังคับใช้กับผู้ประกอบการที่จะเข้าไปขอใบอนุญาตใหม่กับ กทช.ต่อไป และจะนำผลที่ประชุมในครั้งนี้ไปรายงานให้ กทช.รับทราบในวันนี้(22 เมษายน) เพื่อนำไปใช้ในการออกเป็นกฎระเบียบควบคู่กับใบอนุญาตด้วย
**กทช.ออกตัวยังทำอะไรไม่ได้
พล.อ.ชูชาติ พรมพระสิทธิ์ ประธาน กทช.กล่าว ว่าวันนี้ (22 เม.ย.) ทาง กทช.จะมีการหารือกันในเรื่องการจัดระเบียบซิมการ์ดในเวลา 09.30 น. ว่าแนวทางควรจะเป็นอย่างไร สำหรับแนวทางในการพิจารณาเรื่องนี้นั้น ส่วนตัวคิดว่าขณะนี้ กทช.คงจะทำอะไรไม่ได้ เนื่องจาก พ.ร.บ.คลื่นความถี่จะสามารถบังคับใช้ได้ก็ต่อเมื่อผู้ประกอบการที่ให้บริการโทรศัพท์มอืถือมีใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดที่มีใบอนุญาตเลย ทุกรายเป็นเพียงคู่สัญญาเท่านั้น และคาดว่าผู้ประกอบการเหล่านี้จะมีใบอนุญาตประมาณเดือนกรกฎาคม โดยในใบอนุญาตนี้จะมีการกำหนดเงื่อนไขทุกอย่าง ตอนนี้คงทำได้เพียงขอความร่วมมือไปก่อน อีก 2 เดือนคิดว่าคงไม่นาน
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “มาตรการการควบคุมเหตุระเบิดเพิ่มเติม นอกเหนือจากการจัดระเบียบซิมการ์ดแล้วมีแน่ แต่อย่าไปพูดเลย พูดไปก็ไม่ดี เขากำลังทำงานอยู่ทั้งด้านเทคโนโลยีและด้านต่าง ๆ”
พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และ รมว.มหาดไทย กล่าวการที่จะให้ทางสภาความมั่นคง(สมช.)ไปหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาถึงการกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับซิมการ์ดว่า ได้มอบหมายให้ พล.อ.วินัย ภัทรทิยกุล เลขาธิการ สมช.ไปเป็นตัวแทนทางด้านความมั่นคงเพื่อหารือแล้ว ส่วนมาตรการที่ได้ผลนั้น คงต้องดูไปก่อนและตนมั่นใจ เนื่องจากได้มีการประสานกันกับทุกฝ่ายรวมถึงทางประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ที่ประสานกันทางด้านการข่าวด้วย ซึ่งปกติมีการร่วมมือกันอยู่แล้ว ทั้งทหาร ตำรวจและสันติบาล ซึ่งการประสานเหล่านี้ยืนยันว่าสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้แน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่าซิมการ์ดมีการขายกันทั่วโลก การควบคุมเป็นไปได้ยาก รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาจจะคุมยากก็จริงแต่ก็ยังดีกว่าปล่อยฟรี อย่างไรก็ตาม การควบคุมที่ได้ผลนั้นอย่างในต่างประเทศโดยเฉพาะที่ประเทศสิงคโปร์ ก็สามารถคุมได้ผล ดังนั้นมองว่าในทศวรรษนี้การยกระดับการรักษาความปลอดภัยของประเทศซึ่งทุกประเทศจะต้องมีแน่นอน จะช้าหรือเร็วก็ต้องยกระดับ
พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวว่านอกจากมาตรการคุมซิมการ์ด มันมีมาตรการอื่นตามอยู่แล้ว ซึ่งกำลังทำกันอยู่ แต่คงบอกไม่ได้ยืนยันว่าตามทันพวกโจรก่อการร้ายแน่นอน อย่างในสหรัฐ เขาก็ยังตามอยู่โดยเฉพาะที่ประเทศอิรักยังมีการก่อเหตุอยู่ ขนาดเขามีเทคโนโลยีสูง และตนก็ยังมั่นใจว่าสุดท้ายแล้วก็จะอยู่ที่ความร่วมมือของประชาชนที่จะช่วยกันแจ้งเบาะแส
ส่วนการควบคุมเครื่องมือสื่อสารอื่นนั้น พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวว่า ตอนนี้ยังคิดไม่ออก สำหรับผู้ประกอบการที่มองกันว่าพูดไม่ค่อยเต็มเสียง เท่าไหร่ในเรื่องนี้นั้นตนเชื่อว่าเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติคงพูดเต็มเสียง และให้ความร่วมมือแม้ว่าปีหนึ่ง ๆ จะได้กำไรมหาศาลก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นการคืนกำไรให้สังคม ส่วนชายแดนพม่าก็มีปัญหาเช่นกัน เนื่องจากคนพม่าจะเข้ามาซื้อซิมการ์ด จากประเทศไทยอย่างเดียว หากควบคุมก็จะทำให้กระทบต่อเศรษฐกิจตามแนวชายแดนไทยพม่าแน่นอน
นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศมุสลิมทั่วโลกเข้าใจการทำงานของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างดี ทั้งนี้รวมถึงสหประชาชาติ และ โอไอซี ถึงขนาดมีถ้อยแถลงออกมาว่า 1. ไม่เห็นด้วยกับการแบ่งแยกดินแดนในประเทศไทย 2.ไม่เห็นด้วยกับการแบ่งแยกเรื่องศาสนา 3.สนับสนุนการดำเนินการของประเทศไทย และ 4. ประณามการฆ่าผู้บริสุทธิ์ ตรงนี้ทำให้เห็นว่าพี่น้องมุสลิมทั้งหลายกว่า 50 ประเทศมีความเข้าใจการทำงานของประเทศไทยเป็นอย่างดีล่าสุดระหว่างไปเป็นผู้แทนในพิธีศพพระสันตะปะปา ได้พบผู้นำประเทศต่างๆ มากมาย ทุกประเทศก็เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
**ศุลกากรภาค4คุมเข้ม"ซิมเถื่อน"
นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการสั่งการให้ทุกด่านในการเฝ้าระวังการลักลอบขนซิมการ์ดเถื่อนเข้ามาจำหน่ายในประเทศแล้ว พร้อมกับการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ภาคสนามทุกคนที่ทำหน้าที่ในภาคใต้ ให้ทราบถึงกลุ่มเป้าหมายและขอบเขตของการทำงานระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เพื่อช่วยสังคมในการร่วมเฝ้าระวังด้านความมั่นคง
|
|
|
|
|