Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน19 เมษายน 2548
"แสนสิริ"เล็งขยายธุรกิจให้บริการ             
 


   
www resources

โฮมเพจ แสนสิริ

   
search resources

แสนสิริ, บมจ.
Accor
Real Estate




นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงธุรกิจบริการและธุรกิจให้เช่าว่า บริษัทได้วางแผนในการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากค่าเช่าและบริการ ซึ่งมีทั้งโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์ และอาคารสำนักงาน โดยในช่วง 3 ปีนับจากนี้ตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากค่าเช่าและบริการให้อยู่ที่ระดับ 30% ของรายได้ทั้งหมด จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 20% หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท และภายใน 5 ปีข้างหน้าตั้งเป้าเพิ่มรายได้ให้อยู่ที่ระดับ 50% ของรายได้ทั้งหมด

สำหรับธุรกิจการบริการดังกล่าวนั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างหาทำเลหรือโครงการที่จะเข้าไปลงทุน โดยสามารถเป็นได้ทั้งโครงการสร้างใหม่หรือเป็นการเข้าไปซื้อกิจการ ซึ่งจะพิจารณาการลงทุนจากผลตอบแทนที่จะได้รับต้องไม่ต่ำกว่า 5-6% ในกรณีที่โครงการนั้นๆ อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพหรือมีการท่องเที่ยวที่ดีในอนาคต หากเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ไม่มีศักยภาพมากพอก็จะต้องให้ผลตอบที่สูงกว่า

"บริษัทคาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนในธุรกิจให้เช่าและบริการประมาณ 10,000 ล้านบาท ส่วนแผนการลงทุนในธุรกิจข้างต้นนั้นยังไม่ได้ข้อสรุป ตอนนี้ดูไปเรื่อยๆ มองที่จังหวัดท่องเที่ยวและเป็นเมืองที่มีศักยภาพ แต่หากทำเลไม่มีศักยภาพก็จะต้องได้ผลตอบแทนที่สูง ไม่จำกัดว่าเป็นการเทกโอเวอร์หรือสร้างใหม่ โดยในช่วง 3 ปีนี้น่าจะขึ้นโครงการใหม่ประมาณ 1-2 โครงการ" นายเศรษฐากล่าว

นายเศรษฐา กล่าวว่า ภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้ลงทุนซื้อกิจการของโรงแรมโซฟิเทล สีลม กรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 2545 และได้ว่าจ้างให้กลุ่มแอคคอร์ (Accor) จากประเทศฝรั่งเศส เป็นผู้ดำเนินการบริหารงานให้ โดยมีการปรับปรุงสภาพการตกแต่งภายในให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทำให้มีผู้เข้าพักและใช้บริการที่โรงแรมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปี 2547 มีอัตราการเข้าพักอาศัยในโรงแรมเฉลี่ยต่อปี (Occupancy Rate) มีสัดส่วนสูงถึง 90% ในขณะที่อัตราค่าเช่าห้องพักเฉลี่ยต่อปี (Average Room Rate) 2,150 บาทต่อคืนต่อห้อง และสามารถสร้างผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงานประมาณ 140 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 73% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ ซึ่งในปัจจุบันบริษัทได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในโรงแรมดังกล่าวประมาณ 8%

กลุ่มแอคคอร์ เป็นกลุ่มธุรกิจบริหารด้านการโรงแรม การท่องเที่ยว และการบริการที่ใหญ่ที่สุดในโลก และดำเนินธุรกิจหลัก 2 ประเภทได้แก่ การโรงแรมและการบริการ โดยกลุ่มแอคคอร์ มีโรงแรมในเครือกว่า 4,000 แห่ง ใน 140 ประเทศทั่วโลก รวมห้องพักกว่า 400,000 ห้อง และในปี 2546 ที่ผ่านมา กลุ่มแอคคอร์มีรายได้จากการขายและบริการรวมทั้งสิ้นประมาณ 6,800 ล้านยูโร ส่วนการเข้ามาบริหารงานให้กับโรงแรมโซฟิเทล สีลม กรุงเทพฯ ของกลุ่มแอคคอร์นั้น เริ่มตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา โดยโรงแรมโซฟิเทล สีลม กรุงเทพฯ เป็นโรงแรมระดับ 5 ตัวอาคารสูง 38 ชั้น มีห้องพักทั้งสิ้น 454 ยูนิต 30 ห้องสูทและ 2 ห้องอีโมชั่นสวีท

ทั้งนี้ในปี 2548 มีการวางแผนไว้ว่า โรงแรมโซฟิเทล สีลม จะคงอัตราการเข้าพักอาศัยในโรงแรมต่อปี (Occupancy Rate) ในสัดส่วน 85-90% ในขณะที่สามารถปรับอัตราค่าเช่าห้องพักเฉลี่ยต่อปี (Average Room Rate) เพิ่มเป็น 2,400 บาทต่อคืนต่อห้อง ซึ่งจะทำให้สามารถสร้างผลกำไรสุทธิประมาณ 160 ล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 15% ส่วนในปี 2549 คาดว่าจะมีอัตราอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่คงสัดส่วน 85-90% เช่นกัน โดยอัตราคาเช่าห้องพักเฉลี่ยต่อปีน่าจะเพิ่มขึ้นถึง 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน ซึ่งจะส่งผลให้สามารถทำกำไรสุทธิได้ถึง 190 ล้านบาท

"การที่แสนสิริให้แอคคอร์มาบริหารโรงแรม โซฟิเทล สีลม ตลอดช่วงที่ผ่านมา สามารถสร้างผลการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้หากคิดกลับกันว่า การลงทุนในธุรกิจโรงแรมหรือธุรกิจบริการอื่นๆ ใดๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทน (Yield) ประมาณ 5% หรือสร้างผลกำไรสุทธิให้ได้ประมาณ 160 ล้านบาท ต้องใช้เงินลงทุนซื้อธุรกิจที่มีขนาดสินทรัพย์ประมาณ 3,200 ล้านบาท ยิ่งเมื่อเทียบต่อเนื่องไปถึงปี 2549 ที่โรงแรมโซฟิเทล สีลม ที่คาดว่าจะสามารถทำกำไรประมาณ 190 ล้านบาทในปีหน้า ผู้ลงทุนคงต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 3,900 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทซื้อโรงแรมดังกล่าวมาในราคาประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าการที่ซื้อกิจการดังกล่าว เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า" นายเศรษฐากล่าว

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า ธุรกิจโรงแรมในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าการท่องเที่ยวของไทยจะมีปัจจัยลบเข้ามากระทบหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ ไข้หวัดนกและอื่นๆ แต่นักท่องเที่ยวจากต่างชาติยังคงเดินทางมาเที่ยวอยู่เช่นเดิม เนื่องจากรัฐบาลให้การสนับสนุนในทุกด้าน นอกจากนี้หากสนามบินสุวรรณภูมิเปิดใช้บริการและรัฐบาลเปิดให้สายการบินต่างชาติมาลงจอดก็จะทำให้การท่องเที่ยวของไทยดีขึ้นอย่างมาก

ทั้งนี้เมืองท่องเที่ยวหรือสถานที่ท่องเที่ยวที่พึ่งนักท่องเที่ยวคนไทยเมื่อเกิดมีปัจจัยลบหรือเศรษฐกิจไม่ดีคนไทยก็จะไม่เที่ยว ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่เน้นไปที่ชาวต่างชาติไม่ไม่ค่อยกระทบเท่าใดนัก แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงและเชื่อว่าจะกระทบต่อการท่องเที่ยวมากที่สุดคือ ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากรัฐบาลสามารถควบคุมให้อยู่ในวงจำกัด หรือสามารถคลี่คลายลงได้ก็จะไม่กระทบต่อการท่องเที่ยวมากนัก เพราะหากเกิดปัญหารุกลามนักท่องเที่ยวต่างชาติจะไม่กล้าเข้ามาเที่ยวในเมืองไทย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us