พฤกษา เรียลเอสเตท โชว์รายได้ไตรมาสแรกปี 48 ทะลุ 1,650 ลบ. สูงสุดเป็นประวัติการโตกว่า 200% ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยรายได้หลักช่วงนี้มาจากแบรนด์พฤกษา 64% เดินหน้าขยายโครงการเข้าสู่เขตซีบีดี นำร่องโครงการภัสสร 5 The Elegance สาทร บนเนื้อที่ 24 ไร่ จำนวน 77 ยูนิต มูลค่า 570 ล้านบาท พร้อมจัดกิจกรรมคืนกำไรสู่สังคมด้วยการมอบทุนการศึกษาเพื่อเยาวชน มูลค่า 1 ล้านบาท
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด ผู้นำในการก่อสร้างบ้านด้วยเทคโนโลยี Precast เปิดเผยผลประกอบการบริษัทฯ ในไตรมาสแรกของปี 2548 ว่า สามารถทำรายได้ไตรมาสแรกสูงกว่า 1,650 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 550 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 200% นับว่าเป็น New High ในประวัติการดำเนินงานตลอดเวลา 12 ปีของการก่อตั้ง แสดงถึงศักยภาพความเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ ซึ่งรายได้เกือบ 64% จะมาจากแบรนด์พฤกษา และ 36% มาจากแบรนด์ภัสสร
สำหรับรายได้ที่ทำได้ในไตรมาสแรกนี้ ส่วนหนึ่งมาจากความสำเร็จในการนำโครงการภัสสรรุกตลาดบ้านเดี่ยว ในระดับราคา 3-5 ล้านบาท ที่บริษัทฯ ได้เห็นถึงโอกาสที่ดีและเพิ่มสัดส่วนของสินค้ามากขึ้นในโครงการภัสสร ซึ่งในทุกโครงการตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพและมีแนวความคิดในการออกแบบโครงการ รวมถึงแบบบ้าน ให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับกลาง และคุ้มค่าที่สุดเมื่อเทียบกับโครงการใกล้เคียงภายใต้แนวคิด "บ้านคุ้มค่าน่าอยู่" ส่งผลให้ยอดรายได้เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ซึ่งจากปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขยายโครงการภัสสรเข้าสู่กรุงเทพฯ ชั้นในมากขึ้น ได้แก่ โครงการภัสสร 7 The Elegance รัตนาธิเบศร์ เนื้อที่ 162 ไร่ จำนวน 463 ยูนิต โครงการภัสสร 8 The Classic บางใหญ่ สำหรับครอบครัวขนาดกลาง เนื้อที่ 132 ไร่ จำนวน 431 ยูนิต โครงการภัสสร 10 The Prestige สุวินทวงศ์ เนื้อที่ 45 ไร่ จำนวน 132 ยูนิต และโครงการภัสสร 11 The Elegance ประชาชื่น โครงการบ้านเดี่ยวพร้อมอยู่ในสังคมคุณภาพ ให้ความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตเพียง 65 หลัง เนื้อที่ 17 ไร่ ซึ่งโครงการเหล่านี้จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2548 นี้ และในปีนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขยายโครงการภัสสรเข้าสู่เขต CBD มากขึ้น โดยจะเปิดโครงการภัสสร 5 The Elegance สาทร บนเนื้อที่ 24 ไร่ จำนวน 77 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 570 ล้านบาท
ทั้งนี้ในปี 2548 บริษัทมีเป้ารวมที่จะเปิดโครงการทั่วเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 13 โครงการ แบ่งเป็นโครงการบ้านพฤกษา ทาวน์เฮาส์ มีแผนเปิดเพิ่มเติม 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7,745 ล้านบาท ขณะที่โครงการภัสสร บ้านเดี่ยวคุณภาพสูง มีแผนที่จะเปิดอีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,136 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการ 9,881 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายเพิ่มยอดขายจากปี 2547 ประมาณ 50%
โดยในปี 2547 บริษัทคาดว่าจะมียอดขายประมาณ 6,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2546 ที่ทำได้ 5,112 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตของยอดขาย 22% ซึ่งเป็นอัตราที่น่าพอใจ เมื่อประเมินจากสถานการณ์ที่มีปัจจัยลบมากมายในปี 2547 ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นราคาวัสดุก่อสร้างที่ทำให้ต้นทุนในก่อสร้างสูงขึ้นถึง 30% การขึ้นอัตราดอกเบี้ย ผลกระทบจากสถานการณ์ไข้หวัดนก รวมถึงการขึ้นราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่องตลอดปีที่ผ่านมา
ตามข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2544-2546 บริษัทมีกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่อง จากระดับ 353.60 ล้านบาท เพิ่มเป็น 745.722 ล้านบาท และ 917.811 ล้านบาท เรียงตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2547 อยู่ที่ 930 ส่วนกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 57.63 บาท 108.76 บาท และ 71.30 บาทต่อหุ้น อนึ่งบริษัทพฤกษาฯ อยู่ระหว่างเตรียมกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีทุนจดทะเบียนประมาณ 1,700 ล้านบาท
นอกจากนี้ความสำเร็จของบริษัท ยังได้รับผลดีจากการก่อสร้างโรงงาน Precast Concrete ที่ทันสมัยที่สุดในประเทศ ด้วยเทคโนโลยีชั้นนำเทียบเท่ายุโรป ขณะนี้ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จตามกำหนดและอยู่ระหว่างการทดสอบระบบและทดลองการผลิตซึ่งได้ชิ้นงานที่มีคุณภาพดีตามที่คาดไว้ ทำให้บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่า เมื่อโรงงานดำเนินการผลิตตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมา และจะสามารถผลิตอย่างเต็มกำลังในเดือนมิถุนายน48 จะสามารถผลิตชิ้นงานได้ 1,320,000 ตารางเมตรต่อปี หรือคิดเป็นการก่อสร้างบ้าน 3,840 หลังต่อปี ชิ้นงาน Precast ที่ผลิตจากโรงงาน Precast Concrete นี้ จะใช้ในการก่อสร้างบ้านในโครงการภัสสรและบ้านพฤกษาวิลเลจ ย่านรังสิตและรัตนาธิเบศร์ ทำให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มรอบในการก่อสร้างบ้านได้รวดเร็วขึ้น
นายทองมากล่าวเสริมว่า บริษัทฯ ยังได้จัดกิจกรรมคืนกำไรให้สังคม โดยมอบทุนการศึกษาสำหรับเยาวชนที่เป็นสมาชิกบ้านพฤกษา และโครงการภัสสร ตลอดจนบุตร-ธิดาของพนักงานในบริษัทฯ ที่กำลังศึกษาในระดับประถมและมัธยม จำนวนรวมทั้งสิ้น 250 ทุน เป็นเงินประมาณ 1 ล้านบาท
|