|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ พฤศจิกายน 2537
|
|
"คุณอนันต์ โกรธมากถ้าใครมาวิจารณ์ว่า เมืองทองธานี แจ้งวัฒนะจะเป็นเมืองร้าง แกไม่ต้องการที่จะฟังคำ ๆ นี้ เพราะเหมือนเป็นการดูถูกความสามารถกัน" แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดคนหนึ่งของอนันต์ กาญจนพาสน์เล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟัง
ตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามาเปิดโครงการใหญ่ในเมืองไทย โครงการเมืองทองธานีของอนันต์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด เริ่มตั้งแต่จำนวนโครงการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก 3-4 หมื่นยูนิตและยอดขายสูงถึง 7 หมื่นล้านบาทนั้นจะขายใคร แต่เมื่อขายได้ก็มีข่าวลือต่อว่า ขายได้แต่คงสร้างไม่ได้ ข่าวลือรุนแรงถึง กับว่า อนันต์จะหอบเงินหนีกลับฮ่องกง
แต่มาถึง ณ. วันนี้อนันต์ยังคงหยัดยืน แม้จะโซเซ และท้อแท้ไปบ้างด้วยลมปากของข่าวลือทางด้านลบ
แต่ยอมรับกันว่าด้วยสูตรพื้นฐานง่าย ๆ ทางด้านการตลาดในเรื่องของโปรดักส์ ทำเล และราคาบวกกับการประชาสัมพันธ์อย่างหนักหน่วง ทำให้อนันต์สามารถสร้างยอดขายได้อย่างรวดเร็วจำนวนมหาศาล ผนวกกับความเป็นยักษ์ใหญ่ทางด้านการก่อสร้างของบวิคที่นำระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ ทำให้การก่อสร้างเป็นไปตามแผนที่วางไว้
อย่างนี้อนันต์คุมเกมไว้ได้ แต่งานที่กำลังท้าทายความสามารถเขาอยู่อย่างหนักตอนนี้คือการเร่งคนให้เข้ามาโอน และเข้าอยู่อาศัย
ตัวเลขของการโอนโครงการที่อยู่อาศัยในเมืองทองธานี ณ กลางเดือนตุลาคม 2537 นั้น ทางบางกอกแลนด์ยืนยันกับ "ผู้จัดการ" ว่าประมาณ 6,000 ยูนิต แม้ทางอนันต์ยืนยันว่าเป็นตัวเลขที่เขา พอใจแล้ว แต่ลึก ๆ ลงไปแน่นอนเขาหวังว่าน่าจะเป็นตัวเลขที่สูงกว่านี้
โดยเฉพาะป๊อปปูล่าคอนโดมีเนียม ซึ่งเป็นโซนที่อยู่อาศัยซึ่งมีจำนวนยูนิตมากที่สุดในเมืองทองธานี คือทั้งหมด 27 อาคาร ประมาณ 27,000 ยูนิตนั้น ทางเอ็มเอสเอ็ม. ระบุว่า มีคนเข้ามาอยู่อาศัยประมาณ 1,000 ครอบครัวเท่านั้น มันเป็นตัวเลขที่น้อยจนน่าใจหาย ถ้าอนันต์ ไม่รู้สึกหวั่นไหวเลยก็คงเป็นไปไม่ได้
โครงการในเมืองทองธานี เริ่มโอนเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2536 ข้อมูลเมื่อกลางเดือนตุลาคมระบุไว้ว่า คอนโดอุตสาหกรรม 8 อาคาร ได้โอนไปแล้ว 2 อาคาร โครงการเลควิวคอนโดมีเนียม 24 อาคารโอนไปแล้ว 4 อาคาร ส่วนป๊อปปูล่าคอนโดมีเนียม ซึ่งประกอบไปด้วย อาคารครูเมืองทอง เมืองทองธานีเพื่อข้าราชการและอาคารไพลินสแควร์ ทั้งหมด 27 อาคารรวม 26,656 ยูนิต ได้ทำการโอนครูเมืองทองไปแล้ว 7 อาคาร เมืองทองธานีเพื่อข้าราชการโอนไปแล้ว 7 อาคาร ส่วนไพลินสแควร์โอนไปแล้ว 1 อาคาร
โปรดักส์ดี ทำเลดี ราคาถูกจ่ายเงินดาวน์ก็หมดแล้ว แต่ทำไมคนถึงไม่รีบมาโอน นี่คือสิ่งที่อนันต์กำลังสงสัยอย่างหนัก
แหล่งข่าวจากวงการที่อยู่อาศัยวิเคราะห์ว่า โครงการในเมืองทองธานีได้รับการวางแผนงานไว้ดีมาก แต่คาดว่าการโอนนั้นต้องใช้เวลา อาจจะนานกว่าที่ทางเจ้าของโครงการคาดการณ์ไว้ เพราะลูกค้าที่มาซื้อโครงการนี้ ส่วนหนึ่งเป็นลูกค้าเก็งกำไรที่ชอบ แห่ซื้อของถูก เมื่อเขาขายต่อไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องมีการโอนบางส่วน ก็อาจจะเป็นลูกค้าต่างจังหวัดที่ซื้อไว้เป็นทรัพย์สิน การโอนหรือการเข้ามาอยู่ก็ยังไม่เกิดขึ้น แต่แน่นอนว่าลูกค้าอีกส่วนจะเป็นผู้ที่เข้ามาอยู่อาศัยจริง ๆ พวกนี้จะกำลังทยอยมาโอน แต่โครงการใหญ่อย่างนี้ต้องใช้เวลานานและที่สำคัญขณะนี้ ในเมืองทองธานีในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมยังไม่เกิดแหล่งของแรงงานที่แท้จริง เมื่อมีแรงงานเข้ามาความต้องการที่อยู่อาศัยในนี้ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นทันที
ในขณะเดียวกันข่าวคราวต่าง ๆ ของเมืองทองธานี ไม่ว่าข่าวลือเรื่องคนที่เข้าไปอยู่อาศัยน้อย จนจะกลายเป็นเมืองร้าง ก็ล้วนแล้วแต่เป็นจุดที่ทำให้ลูกค้าที่ซื้อไว้เกิดความลังเลได้ทั้งสิ้น
ดังนั้น ข่าวคราวต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในเมืองทองที่ดำเนินการเตรียมไว้แล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์ การคมนาคมและสิ่งสะดวกสบายต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการทราบเพื่อความมั่นใจเช่นกัน
นอกจากนั้น เมืองทองต้องสร้างกิจกรรมต่าง ๆ ให้เกิดความคึกคักขึ้น เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม 2537 เริ่มด้วยโครงการ "ซิตี้เซ็นเตอร์" ที่จัดเอาพื้นที่ชั้นล่างของตึกคอนโดมีเนียมอุตสาหกรรมที่ยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ซื้อมาจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการครองชีพไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องไฟฟ้า ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ และซุปเปอร์มาร์เก็ต ต่อด้วยรายการ "ซื้อบ้านแถมรถ" เพื่อเร่งงานขายในยูนิตที่ยังค้างอยู่ในแต่ละตึก เมื่อเดือนพฤษภาคม และในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ก็จัดงานเมืองทองแฟร์เพื่อขายสินค้าราคาถูก
ย่างเข้าเดือนสิงหาคมก็ทำโครงการ "ไดนามิคสแควร์" และ "เถ้าแก่เมืองทอง" ที่เปิดพื้นที่ให้เช่าในรูปแบบของตลาดนัด อนันต์หวังว่าโครงการนี้เป็นการสร้างอาชีพ และเป็นการบริการทางด้านการค้าให้กับคนที่เข้ามาอาศัยอยู่ในโครงการ
ว่ากันว่า โครงการนี้สร้าง ความเจ็บปวดให้อนันต์อีกแล้ว เพราะเขาหวังว่าจะสร้าง ความคึกคักให้กับเมืองได้บ้างไม่ใช่ภาพของแผงร้างว่างเปล่าหาคนเดินจับจ่ายใช้สอยได้ยาก นอกจากต้องรอวันเสาร์-อาทิตย์ ที่จะมีคนเข้ามาซื้อของบ้าง แต่บรรดาพวกแม่ค้าพ่อค้าได้พากันโอดครวญว่า อาทิตย์หนึ่งมี 7 วัน รอขายเฉพาะเสาร์อาทิตย์รายได้คงไม่คุ้ม ก็ได้แต่หวังว่าสภาพคงดีขึ้น ถ้ามีคนเข้ามาอยู่อาศัยมากกว่านี้ แต่ถ้าช้าเกินไปนักก็อาจจะต้องเลิกขาย
เท่านั้นยังไม่พอ อนันต์ยังจัดลานฟรีคอนเสิร์ตเพื่อสร้างความบันเทิงขึ้นทุกบ่ายวันอาทิตย์ รวมทั้งแปรเปลี่ยนลานจอดรถขนาดใหญ่ที่ยังไม่ได้ใช้ในตอนนี้เป็นสนามต่อยมวยโปรแกรมสำคัญ ๆ
และในปลายปีนี้อนันต์จะปิดท้ายด้วยโครงการ "บอนด์สตรีท" บนถนนสายหน้าโครงการเลควิคกับวิลล่าออฟฟิศซึ่งถนนสายนี้มีความยาวประมาณ 3 กิโลเมตร ยาวกว่าถนนสีลมทั้งสายซึ่งยาวประมาณ 2 กิโลเมตรเท่านั้น ฟากหนึ่งของถนนจะมีตึกสูง 26-32 ชั้นของเลควิว 24 ตึก และอีกฟากหนึ่ง มีโครงการวิลล่าออฟฟิศประมาณ 90 ตึก โครงการนี้อนันต์คาดว่า จะมีร้านค้าที่เข้ามาตบแต่งและขาย สินค้า ถึง 300 กว่าร้าน
งานนี้ถึงจะเหนื่อยแค่ไหน อนันต์ก็หยุดไม่ได้แล้วเขากำลังทำงานกับมวลชนกลุ่มใหญ่ ข่าวไม่ดีบางเรื่องอาจจะสร้างความเดือดร้อนให้กับโครงการได้ แผนการสร้างเมืองดึงคนเพื่อสยบ ข่าวลือต่าง ๆ เขาจำเป็นต้องทำ
และที่สำคัญ คนมาโอนมากแค่ไหน เงินจำนวนมหาศาลก็จะไหลมาเข้ามือมากขึ้นตาม เช่นกัน
|
|
|
|
|