สมพงษ์ ฝึกการค้าเกิดเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2478 บุตรของนายประถมและนางกิมเฮง เป็นชาวอำเภอสามชุก จ. สุพรรณบุรี เขาไม่ใช่นักอุตสาหกรรมมาตั้งแต่ต้น เคยเป็นตำรวจชั้นผู้น้อยเพียงยศสิบตำรวจโทในกองทะเบียนกรมตำรวจ
ในช่วงปี 2497 เขาได้เริ่มทำธุรกิจส่วนตัวด้านรถเมล์หรือรถให้เช่าต่างจังหวัด ครั้งหนึ่งได้เคยไปทำสัญญากับกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา ตั้งเป็นบริษัท สหสยาม ทรานสปอร์ตขึ้นมา จัดบริการรถขนส่งทหารจากหน่วยทหารไปยังดอนเมือง
ต่อมาจึงได้เริ่มมาเรียนรู้งานบริษัท ธนบุรี จำกัด โดยเป็นผู้จัดการขายรถเบนซ์ ระหว่างนั้นก็ไปช่วยงานเพื่อหาประสบการณ์เกี่ยวกับรถประจำทางกับงานผู้จัดการรถขนส่งที่วิ่งสายบางลำพู-ซังฮี้ด้วย หลังจากนั้นจึงได้ไปเป็นผู้จัดการของบริษัท บางแคขนส่ง จำกัด แต่ด้วยพรหมลิขิตหักเหอยู่ช่วงหนึ่งเขาได้เริ่มหันมาจับงานรับเหมาก่อสร้าง จนกระทั่งตั้งเป็นบริษัทบางกอกมอเตอร์อิควิปเมนท์ขึ้นมา แล้วจึงเปิดบริษัทลูกคือบางกอกไมโครบัสในวันนี้
ประสบการณ์ที่น่าประทับใจของสมพงษ์นอกจาก โครงการไมโครบัสที่จะเขาหวังจะให้เป็นอันดับหนึ่งของโลกแล้ว "บางกอก วอเตอร์ รีซอร์ส" ก็ดูจะเป็นอีกโครงการหนึ่งที่สมพงษ์ต้องจดจำไปจนตาย
ด้วยการที่สมพงษ์รู้จักบริหารสายสัมพันธ์กับทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มการเมืองเป็นอย่างดีกับ ส.ส. พรรคชาติไทยที่ชื่อบุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ ซึ่งเป็นส.ส. ผูกขาดของสุพรรณบุรีเกือบทุกสมัย คราใดที่บุญเอื้อ ลงเลือกตั้ง จะมีสมพงษ์อยู่ขนาบข้างคอยเป็นหัวคะแนนให้ จนกระทั่งเมื่อบุญเอื้อได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในปี 2526 สมพงษ์ ก็เคยไปช่วยงานในฐานะหน้าห้องของบุญเอื้อด้วย
จากความสัมพันธ์ดังกล่าวนี้เอง ทำให้สมพงษ์ต้องมาเกี่ยวข้องกับโครงการ "บางกอกวอเตอร์ รีซอร์ส" ในขณะนั้น เนื่องด้วยในปี 2526 ได้เกิดความหวาดวิตกในขณะนั้นว่าจังหวัดสมุทรปราการจะต้องประสบกับปัญหาพื้นดินทรุดต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ทำให้มีการออกมาตรการป้องกันการขุดน้ำบาดาลในพื้นที่แถบนั้น จึงเป็นที่มาของการเชื้อเชิญให้เอกชนมาลงทุนใน โครงการสร้างระบบจ่ายน้ำเพื่อการอุตสาหกรรม
แต่แล้วเมื่อมีการเชื้อเชิญให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนอยู่ถึง 4 ปี ก็ไม่สามารถค้นหาบริษัทที่มีความเหมาะสมสำหรับโครงการนี้
จนกระทั่งเมื่อพรรคชาติไทยเข้าไปมีบทบาทจัดตั้งรัฐบาลในปี 2530 และประมวล สภาวสุได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ก็ได้มีการเปิดประมูลโครงการนี้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง มีผู้เสนอเข้าร่วมลงทุน 4 รายด้วยกัน หนึ่งในจำนวนนั้นคือ บริษัท บางกอกมอเตอร์ อิควิปเมนท์ จำกัด ของสมพงษ์นั่นเอง ซึ่งในที่สุดทางบางกอกมอเตอร์ฯ ก็สามารถคว้าประมูลงานนี้มาได้ในที่สุด
สาเหตุที่ได้โครงการนี้มาอย่างง่ายดายนั้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเนื่องด้วยความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับพรรคชาติไทยในขณะนั้น
โดยข้อเสนอของบางกอกมอเตอร์ฯ ที่เสนอให้คือ จะใช้เงินประมาณ 1,050 ล้านบาท เพื่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาด 15 ล้านลูกบาศก์เมตร 2 อ่างบนเนื้อที่ 2,000 ไร่ พร้อมระบบท่อส่งน้ำ โดยแบ่งการลงทุนในระยะ 5 ปีแรกเป็นเงิน 550 ล้านบาท และพร้อมจะลงทุนเพิ่มอีก 500 ล้านบาท หากการผลิตในช่วงแรกไม่พอเพียง
เมื่อชนะการประมูลแล้ว สมพงษ์ก็ได้เริ่มระดมทุนจากนักธุรกิจหลายรายที่เขาบริหาร "สายสัมพันธ์" ไว้ได้ดีตั้งบริษัท บางกอกวอเตอร์ รีซอร์ส ขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ซึ่งต่อมาได้เพิ่มทุนเป็น 250 ล้านบาท โดยมีกรรมการบริษัท 15 คน คือ สมพงษ์ ฝึกการค้า, ชาลี โสภณพนิช, บูรพา อัตถากร (ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นหนึ่งในกรรมการของบางกอกไมโครบัส) ม.ล. กุทัณฑ์ สนิทวงศ์, สมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์ แห่งแบงก์แหลมทอง, อารักษ์ สุนทรสแห่งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ทั้ง 2 คนต่างยังคงเป็นกรรมการหลักของบางกอกไมโครบัส) ไพบูลย์ อิงคะวัติ, ธารินทร์ นิมมานเหมินทร์, ชาญชัย ลี้ถาวร, กรพจน์ อัศวินวิจิตร, เพิ่มพูน ไกรฤกษ์, พีรศิลป์ ศุภผลศิริ จากบริษัท ชาตรีโสภณ, โสมนัส ชุติมาจากแบงก์กรุงไทย และวีระ รมยะรูป
สาเหตุสำคัญที่สมพงษ์โดดเข้าไปโครงการน้ำดิบนี้ เพราะเขามองว่า จะสามารถใช้เครื่องจักรที่บางกอกมอเตอร์อิควิปเมนท์นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศได้ โดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าเพราะได้ รับการส่งเสริมจาก บีโอไอ.
หลังจากสมพงษ์ได้เริ่มตระเวนทยอยซื้อที่ดินผืนใหญ่นับ 5,000 ไร่ ซึ่งภาวะราคาซื้อขายรอบนอกกรุงเทพฯ ในขณะนั้นยังต่ำมาก โดยที่ดินบริเวณบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 29.5 ที่เรียกว่าถนน รัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นที่ดินแปลงใหญ่นั้น มีการตีราคาเฉลี่ยแล้วไร่ละเพียง 350,000 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ทางบางกอกวอเตอร์ รีซอร์สยังได้ซื้อในนามของบริษัท บางเสาธง เพื่อการเกษตรในที่ดินบริเวณบางพลี จำนวนประมาณ 144 ไร่ คิดเป็นราคาซื้อขายขณะนั้นเพียง 18 ล้านกว่าบาทเท่านั้น
ในช่วงนั้นทางบางกอกวอเตอร์ รีซอร์สก็ได้เริ่มมีกำไรจากการขายน้ำ บวกกับขายดินที่ขุดขึ้นมาในช่วง 2 ปีแรกเป็นรายได้มหาศาล โดยประมาณการว่าในช่วงแรกของการเริ่มโครงการนั้น จะได้ดินประมาณ 8.8 ล้านคิว ซึ่งโครงการจะใช้เองครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งขายได้เป็นเงินมากถึง 459 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงที่สองของโครงการ หากดินขุดได้ 4.58 ล้านคิว จะมีดินที่เหลือพอไปขายได้ถึง 2.5 ล้านคิว จะคิดเป็นเงินได้ถึง 289 ล้านบาท
ซึ่งเพียงแค่นี้ สมพงษ์กับบางกอกวอเตอร์รีซอร์สก็รับทรัพย์กันอานแล้ว ถ้าหากโครงการนี้ไม่มาเจอทางตันเสียก่อน
เพราะทางบางกอกวอเตอร์ รีซอร์สต้องเจอกับเกมการเมืองของกลุ่มสหภาพการประปานครหลวง ซึ่งต่อต้านเอกชนที่รุกล้ำเข้ามาในอุตสาหกรรมน้ำซึ่งโรงงานอุตสาหกรรมเหล่านั้น เคยเป็นลูกค้าของเขา จากการประท้วงของกลุ่มสหภาพนี้เองทำให้การเซ็นสัญญาเพื่อให้บางกอกวอเตอร์ รีซอร์สได้รับสัมปทานนั้นต้องล่าช้าออกไปอีก
การที่ต้องไปเสียเวลากับการประท้วงนี้เอง เมื่อต้องมาเซ็นสัญญากันวันที่ 5 เมษายน 2532 ก็ปรากฏว่าราคาที่ดินแถวบางนาตราด ซึ่งเคยซื้อได้ไร่ละไม่กี่หมื่นบาท ไม่เป็นอย่างที่คิดแล้ว เพราะราคาที่ดินได้ถีบตัวสูงขึ้นเป็นหลักล้านในเวลาไม่นาน
ทำให้แผนการที่จะกว้านซื้อที่ดินให้ครบ 5,000 ไร่ มาได้แค่ครึ่งทาง ผู้บริหารของบางกอกวอเตอร์ รีซอร์สจำเป็นต้องเลิกล้มโครงการไป โดยอ้างถึงต้นทุนที่ดินที่แพงเกินกว่าจะดำเนินการได้ ทำให้กระทรวงอุตสาหกรรมต้องริบเงินประกันตามสัญญา 10.5 ล้านบาท
แต่สิ่งที่ล้มเลิกไปนั้นคือโครงการ แต่อสังหาริมทรัพย์ที่คงอยู่นั่นเองที่ยังเปิดช่องให้สมพงษ์กับผู้บริหารบางกอกวอเตอร์รีซอร์ส โกยเงินได้อีกบานตะไท
เพราะบางกอกวอเตอร์ รีซอร์สได้ซื้อที่แถบนั้นได้ถึง 2,800 ไร่ ซึ่งถ้าตรีมูลค่าปัจจุบันจะได้ไม่ต่ำกว่า 2 พันกว่าล้านบาท แผนการขายหลักทรัพย์ที่ดินจำนวน 2 พันกว่าไร่จึงเกิดขึ้นราวปลายปี 2532 หลังจากล้มเลิกโครงการแล้ว เงินนับพันล้านเหล่านี้ก็ได้นำไปแบ่งจ่ายคืนแก่ผู้ถือหุ้น 200 ล้านบาท จ่ายหนี้คืนแบงก์ไทยพาณิชย์ 700 ล้านบาท แบงก์กรุงเทพ 160 ล้านบาท และแบงก์กรุงไทย 10 ล้านบาท
เรียกได้ว่าแจ็คพอทหล่นใส่สมพงษ์ เพราะแทนที่จะรับเคราะห์ กลับกลายเป็นว่าคิดถูก เพราะขายที่ดินออกไปยังดีกว่าทำน้ำขายเสียอีก เพราะการขายน้ำนั้นกว่าจะถึงจุดคุ้มทุนต้องใช้เวลาถึง 11 ปี
ข้อสำคัญคือ ทุกคนยังมีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และสามารถโยงใยช่วยเหลือกันได้เสมอ เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งตกอยู่ในภาวะอับปาง
วันนี้ของบางกอกไมโครบัส จึงไม่ได้เกิดขึ้น เพราะแนวคิดที่แปลกใหม่ การทุ่มเททางด้านงบประมาณรถยนต์ หรือส่งเสริมการขายเพียงเท่านั้น
บุญเก่าที่สมพงษ์สร้างสมไว้ให้สายสัมพันธ์ทั้งหลายในอดีตก็มีส่วนทำให้เขามีวันนี้
|