"SCIENCE PARKS" อุทยานวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชื่อนี้คนไทย ส่วนใหญ่อาจไม่คุ้นเคยนัก แต่สำหรับคนอเมริกัน ญี่ปุ่น หรือประเทศในทวีปยุโรปจะรู้จักชื่อนี้เป็นอย่างดีเพราะจะมีอยู่แทบทุกเมืองทุกอำเภอ เป็นแหล่งกำเนิดของเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ผุดขึ้นมาในโลกนี้ ประเทศไทยกำลังจะมีขึ้นเป็นแห่งแรกในพื้นที่ 200 ไร่ ตรงจุดเชื่อมระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที.) และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิตมีสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นผู้ดำเนินการ
และน้อยคนที่จะทราบว่าไมโครซอฟท์ โมโตโรล่า เอทีแอนด์ที โซนี่ โตโยต้าหรือบริเวณยักษ์ใหญ่ในโลกนี้ ต่างก็เริ่มมาจากจุดนี้เช่นกัน เพราะจุดประสงค์ของการตั้งอุทยานฯ จะคล้ายกันทั่วโลก คือเพื่อเป็นสถานที่ซึ่งให้ภาคเอกชนไม่ว่าจะเป็นบริษัทเล็กหรือใหญ่เข้ามาใช้บริการของรัฐทั้งในด้านบุคลากรและอาคารสถานที่ มีหน่วยบ่มเพาะธุรกิจและเทคโนโลยีเพื่อให้ภาคเอกชนได้เช่าเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีของตนโดยสามารถใช้บุคลากรและอุปกรณ์ของสวทช.ในส่วนของประเทศไทย และบุคลากรของมหาวิทยาลัยในเครือข่าย นอกจากนี้ยังสามารถเช่าสถานที่เพื่อทำธุรกิจโดยทั่วไป เช่าเป็นห้องปฏิบัติการ เรือนเพาะปลูกทดลอง หรือโรงงานต้นแบบบางส่วนได้อีก
ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เมื่อมีไอเดีย มีความสามารถและต้องการผลิตหรือทำการวิจัย ไม่ว่าจะเป็นทางอิเล็กทรอนิกส์หรือทางเคมี ทางฟิสิกข์ แต่ไม่มีทุน ไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีสถานที่ ไม่รู้ว่าจะดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมาย และเรื่องต่าง ๆ อีกหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องอย่างไร ทางอุทยานฯ จะเข้ามาช่วยเหลือในส่วนนี้ทั้งหมดและเมื่อบริษัทนั้นประสบผลสำเร็จในผลการวิจัยและตัวผลิตภัณฑ์ ทางอุทยานก็มีหน่วยช่วยเหลือด้านการตลาดให้อีก จนกว่าบริษัทนั้นสามารถจะตั้งโรงงานและดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ได้เองซึ่งถือเป็นการช่วยให้บริษัทรายเล็ก ๆ ที่มีความคิดอ่าน อยากทำวิจัยหรือต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบ มีความสามารถแต่ไม่มีทุน สามารถจะมาเริ่มต้นได้โดยไม่มีอุปสรรค และสามารถเติบโตได้ต่อไป โอกาสที่จะล้มจึงมีน้อย แต่หากให้นักวิจัย นักธุรกิจเหล่านี้ออกไปทำเอง โอกาสที่จะล้มสูง ฉะนั้นเมื่อเข้ามาอยู่ในโครงการฯมีรัฐบาลโอบอุ้มโอกาสที่จะโตก็สูง
นี่จึงเสมือนจุดเชื่อมต่อระหว่างภาครัฐและเอกชนระหว่างนักวิชาการกับนักธุรกิจในเรื่องของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
การดำเนินงานของโครงการจะแยกเป็นระยะแรก 120 ไร่งบประมาณ 1,000 ล้านบาทประกอบด้วยอาคารต่าง ๆ คืออาคารกลางเพื่อใช้เป็นสำนักงานของอุทยาน ฯ, ห้องสมุด, ห้องบริการคอมพิวเตอร์, ห้องประชุมสัมมนา, สำนักงานส่วนกลางสวทช.และหน่วยบ่มเพราะเทคโนโลยีเพื่อให้เอกชนเช่าทำการ, อาคารหน่วยปฏิบัติการกลางศูนย์แห่งชาติ 3 ศูนย์ขึ้นตรงกับสวทช. ได้แก่ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ศช.) ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (ศว.) และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (ศอ.) แต่ละแห่งจะมีห้องปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาที่ทันสมัย รวมทั้งห้องปฏิบัติที่ใช้เป็นหน่วยเพาะบ่มเทคโนโลยีเพื่อให้ภาคเอกชนมาเช่า, อาคารโรงงานนำร่อง (PILOT PLANT) สำหรับการทดลองกระบวนการผลิตในระดับนำร่อง (PILOT SCALE) เพื่อสร้างเครื่องจักรต้นแบบ และมีพื้นที่บางส่วนสำหรับใช้ในงานทางด้านขบวนการวัสดุ, อาคารที่พักอาศัย สำหรับบุคลากรที่ทำงานและแขกที่มาติดต่อหรือมาอบรมประชุมสัมมนาต่าง ๆ
ส่วนระยะที่ 2 อีก 80 ไร่จะเป็นพื้นที่เพื่อสร้างอาคารให้เอกชนเช่าระยะยาว เป็นที่ทำงานและ วิจัยพัฒนา และเป็นพื้นที่เพื่อใช้สอยอาคารวิจัยและพัฒนาของศูนย์วิจัยเฉพาะทางในสาขาเทคโนโลยี ที่มีความจำเป็นในอนาคต นั่นก็หมายความว่า สวทช.และศูนย์พาณิชย์ทั้งสามที่มีสำนักงานอยู่กรุงเทพฯ จะย้ายมาอยู่ในโครงการนี้ทั้งหมด
ชัชนาถ เทพธรานนท์ ผู้อำนวยการโครงการอุทยานวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (DCIENCE PARKS PROJECT) อธิบายถึงเหตุที่มาสร้างที่บริเวณสถาบันการศึกษาเอไอทีและมธ.เพราะว่า ทั้งสองสถาบันต่างผลิตบัณฑิตออกมาปี ๆ หนึ่งไม่น้อย มีทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักโปรแกรมเมอร์ นักสร้างต่าง ๆ ที่ทำวิจัยเป็น เก่ง มีไอเดีย มีหัวคิดรู้ว่าจะทำนิวโปรดักส์ตรงไหนทว่าอาจจะไม่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจเปิดบริษัทไม่เป็น ทำบัญชีไม่เป็น จัดเรื่องภาษีไม่เป็น กู้เงินไม่เป็น ทำอะไรไม่เป็นหมด สวทช. ก็ชวนมาอยู่ตรงนี้ อาจจะมีนายธนาคารเก่าแก่ที่เก่งมาอยู่ประจำ เพื่อเป็นที่ปรึกษาในเรื่องต่าง ๆ ว่าจะตั้งอย่างไร จดทะเบียน ดูเรื่องภาษี ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ แต่ว่าทางด้านวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จะเป็นหน้าที่ของบัณฑิตหรือนักวิจัยเหล่านี้
การที่สวทช.มีหน่วยงานที่ขึ้นตรงอยู่ 3 ศูนย์ คือ ศช., ศว. และ ศอ.อยู่ในความดูแลโดยมีเป้าหมายเพื่อดำเนินการให้การสนับสนุนการวิจัย พัฒนาวิศวกรรม ในสาขาวิทยาศาสตร์เฉพาะทาง 3 สาขา ที่จะอยู่ใน SCIENCE PARKS ส่วนหนึ่งเป็นการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีที่มาจากการวิจัยของ 3 ศูนย์พานิชย์นี้ได้ด้วยโดยปริยายโดยอาจจะอยู่ในรูปแบบการร่วมลงทุนกับภาคเอกชน หรือหน่วยงานอื่นของรัฐในกิจกรรมที่ใช้เทคโนโลยีก็แล้วแต่จะตกลงกัน
ผู้อำนวยการโครงการฯ ยังกล่าวอีกว่า "เริ่มแรกคงต้องเน้นเฉพาะอุตสาหกรรมที่สวทช. ถนัด ที่สุด ซึ่งก็มีอยู่แล้ว 3 ศูนย์นี้ไปก่อน จากนั้นค่อยขยับขยายไปในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศหรือตามมหาวิทยาลัยต่อไป"
|