Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน11 เมษายน 2548
“PF” มั่นใจบ้านรอโอนช่วยดันรายได้ ดึงซัปพลายเออร์ยืนราคาวัสดุแก้ต้นทุนพุ่ง             
 


   
www resources

โฮมเพจ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค

   
search resources

พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, บมจ.
ธีระชนม์ มโนมัยพิบูลย์
Real Estate




"เพอร์เฟค" เผยยอดบ้านรอโอนจากปี 47 ถึงปัจจุบันกว่า 1,000 ล้าน มั่นใจดันยอดขายทั้งปีได้ตามเป้า แม้ไตรมาสแรกยอดขายพลาดเป้า แจงผลกระทบเลือกตั้ง-น้ำมันแพง-แนวโน้มดอกเบี้ย ส่งผลลูกค้าชะลอตัดสินใจซื้อ พร้อมเดินหน้าผุด 5 โครงการต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2 หวังเพิ่มยอดขาย หันจับมือพันธมิตรวัสดุก่อสร้างสต๊อกราคาและจำนวนวัสดุ ลดต้นทุนก่อสร้างเสริมสภาพคล่อง บ้านพร้อมอยู่ หนีปัญหาต้นทุนพุ่ง ชี้อัตราเติบโตตลาดรวม 15% มีบ้านเอื้ออาทรแชร์อยู่กว่าครึ่ง

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา เพอร์เฟค มี ยอดขายบ้านแล้ว 1,400 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ 100 ล้านบาท เนื่องจากมีปัจจัยลบ อาทิ เรื่องการเลือกตั้ง ราคาน้ำมัน และปัญหาสึนามิ ที่ส่งผลให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจ เพราะยังไม่แน่ใจในสถานการณ์ทางการเมือง และรอดูสภาวะตลาดรวมว่าจะมีแนวโน้มอย่างไร ส่วนไตรมาสที่ 2 บริษัทวางเป้าว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 1,700 ล้านบาท ไตรมาสที่ 3 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,900 ล้านบาท และไตรมาสที่ 4 จะมียอดการขายเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ล้านบาท โดยทั้งปีคาดว่าบริษัทจะมียอดขายรวม 7,000 ล้านบาท

ในช่วงไตรมาสที่ 2-4 บริษัทจะมีการเปิดตัวโครงการเพิ่มอีก 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ เพอร์เฟคเพลส พระราม 5, เพอร์เฟคเพลส พระราม 2, เพอร์เฟค ปาร์ค รามคำแหง, เพอร์เฟค เพลส รัตนาธิเบศร์ 2, และเพอร์เฟค ปาร์ค รัตนาธิเบศร์ โดยในโครงการทั้งหมดนี้บริษัทได้มีการถมดินไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งบ้านในโครงการใหม่ทั้งหมดที่จะมีการเปิดตัวในช่วงดังกล่าวจะทำให้บริษัทมียอดขายที่เพิ่มขึ้นตามเป้าที่วางไว้

นายธีระชน กล่าวว่า "บริษัทมีสต๊อกบ้านพร้อมอยู่รอการโอนอยู่ในมือจากปี 2547 ถึงปัจจุบันจำนวน 1,000 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถมอบโอนได้ทั้งหมดไม่เกินไตรมาส 3 ของปีนี้ ส่วนนโยบายการพัฒนาโครงการในปีนี้ บริษัทยังเน้นการพัฒนาโครงการ ที่เกาะติดระบบราง โดยราคาเฉลี่ย จะอยู่ที่ 5.5 ล้านบาท ลดลงจากปี 47 ที่มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 6 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนการก่อสร้างบ้านของบริษัทยังให้ความ สำคัญกับบ้านพร้อมอยู่ โดยการก่อสร้างบ้านทั้งหมด 100% ในแบรนด์ เพอร์เฟค ปาร์ค และ เพอร์เฟค เพลส จะเป็นบ้านพร้อม อยู่ ส่วนในแบรนด์ มาสเตอร์พีซ จะยังมีบ้านสั่งสร้างอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพร้อมอยู่"

"การที่บริษัทไม่ให้ความสำคัญกับบ้านสั่งสร้างเท่ากับบ้านพร้อมอยู่ เนื่องจากการควบคุมต้นทุนการก่อสร้างในบ้านสั่งสร้าง ค่อนข้างควบคุมยาก ไม่ว่าจะเป็น ต้นทุนแรงงาน ต้นทุนที่เกิดจากระยะเวลาการก่อสร้างที่ไม่แน่นอน ตลอดจนราคาวัสดุก่อสร้างผันผวน ตลอดเวลา แตกต่างกับบ้านพร้อมอยู่ที่สามารถควบคุมต้นทุน ได้แน่นนอน ควบคุมเรื่องระยะเวลาได้ตามระยะเวลาที่กำหนด ทำ ให้ต้นทุนในการก่อสร้างไม่สูงเท่า กับบ้านพร้อมอยู่" นายธีระชน กล่าว

นายธีระชน กล่าวว่า "ส่วนปัญหาที่เกิดจากปัจจัย ราคาน้ำมัน และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนั้น บริษัทได้มีการเตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เรียกผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างมาเจรจาในเรื่องส่วนลด และการยืนราคาระยะยาว โดยบริษัทจะมีการสต๊อกวัสดุเป็นล็อตใหญ่แบบสัญญาระยะยาวครึ่งปี และ 1 ปี ทำให้บริษัทมีต้นทุนการก่อสร้างจากวัสดุที่ต่ำ เพราะได้รับส่วนลดจากการซื้อแบบบิ๊กล็อตสูงถึง 25-58% ซึ่งการที่บริษัทได้รับส่วนลดค่อนข้าง มากเพราะผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างเองก็ต้องการลูกค้าที่ซื้อวัสดุในระยะยาวเช่นกัน เนื่องจากมองว่าสภาวะตลาดในปี 48-49 นี้ ไม่น่าจะสดใสมากนัก ทำให้ต้อง หาพันธมิตรเพื่อระบายสต๊อกด้วย ทำให้ในปีนี้บริษัทน่าจะมีกำไรจาก ขายไม่ต่ำกว่า 25-30%"

"ปัจจุบันกำลังการผลิตของผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างในตลาดมีน้อยรายได้ผลิตเต็มกำลังทั้งหมด 100% ส่วนใหญ่จะใช้กำลัง การผลิตประมาณ 70% ในขณะที่ กำลังการผลิตยังเหลือ 30% แต่ผู้ประกอบการวัสดุต้องมีการจ่ายค่า ต้นทุนในการผลิตในส่วนที่เหลือ อีก 30% เข้าไปด้วย ทำให้ผู้ประกอบ การต้องหาพันธมิตรเป็นผู้รับเหมา และบริษัทจัดสรร เพื่อระบายตลอดเวลา แตกต่างกับบ้านพร้อมอยู่ที่สามารถควบคุมต้นทุน ได้แน่นนอน ควบคุมเรื่องระยะเวลาได้ตามระยะเวลาที่กำหนด ทำ ให้ต้นทุนในการก่อสร้างไม่สูงเท่า กับบ้านพร้อมอยู่" นายธีระชน กล่าว

นายธีระชน กล่าวว่า ส่วนปัญหาที่เกิดจากปัจจัย ราคาน้ำมัน และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนั้น บริษัทได้มีการเตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เรียกผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างมาเจรจาในเรื่องส่วนลด และการยืนราคาระยะยาว โดยบริษัทจะมีการสต๊อกวัสดุเป็นล็อตใหญ่แบบสัญญาระยะยาวครึ่งปี และ 1 ปี ทำให้บริษัทมีต้นทุนการก่อสร้างจากวัสดุที่ต่ำ เพราะได้รับส่วนลดจากการซื้อแบบบิ๊กล็อตสูงถึง 25-58% ซึ่งการที่บริษัทได้รับส่วนลดค่อนข้าง มากเพราะผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างเองก็ต้องการลูกค้าที่ซื้อวัสดุในระยะยาวเช่นกัน เนื่องจากมองว่าสภาวะตลาดในปี 48-49 นี้ ไม่น่าจะสดใสมากนัก ทำให้ต้อง หาพันธมิตรเพื่อระบายสต๊อกด้วย ทำให้ในปีนี้บริษัทน่าจะมีกำไรจาก ขายไม่ต่ำกว่า 25-30%

"ปัจจุบันกำลังการผลิตของผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างในตลาดมีน้อยรายได้ผลิตเต็มกำลังทั้งหมด 100% ส่วนใหญ่จะใช้กำลัง การผลิตประมาณ 70% ในขณะที่ กำลังการผลิตยังเหลือ 30% แต่ผู้ประกอบการวัสดุต้องมีการจ่ายค่า ต้นทุนในการผลิตในส่วนที่เหลือ อีก 30% เข้าไปด้วย ทำให้ผู้ประกอบ การต้องหาพันธมิตรเป็นผู้รับเหมา และบริษัทจัดสรร เพื่อระบายสินค้าด้วย" นายธีระชน กล่าว

นายธีระชน กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปีนี้ว่า จากการ ประมาณการอัตราการขยายตัวของตลาดอสังหาฯในปีนี้ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ประมาณ 10-15% หรือมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 70,000 ยูนิต โดยจะ มีบ้านใหม่แชร์ตลาดประมาณ 60-65% และจะมีบ้านมือ 2 แชร์อยู่ประมาณ 35-40% ทั้งนี้สาเหตุที่ในปี 48 อัตราการขยายตัวของ บ้านยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะ ในปีนี้จะมีการส่งมอบบ้านเอื้ออาทร เพิ่มขึ้นจากปี 47 และนอกจากนี้การขออนุญาตจัดสรรที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะโครงการบ้านเอื้ออาทรที่มีจำนวนมากขึ้นด้วย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us