นายธวัชไชย สุทธิกิจพิศาล ประธานสายงานสินเชื่อ บริษัทเงินทุนเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมการเป็นธนาคารพาณิชย์ ว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบและปรับปรุงสำนักงานใหญ่ และสาขา 15 แห่ง เพื่อให้สามารถรับเงินฝากและทำธุรกรรมได้ ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จไปแล้วร้อยละ 50 หลังจากนั้นในเดือนกรกฎาคมปีนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเข้ามาตรวจความพร้อมและในเดือนตุลาคม 2548 จะเปิดทำการเป็นธนาคารเกียรตินาคิน โดยมีทุนจดทะเบียนของธนาคาร 14,000 - 15,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นธนาคารที่ขนาดสินทรัพย์เล็กที่สุด
นายธวัชไชยกล่าวว่า ในการแข่งขันของธุรกิจ 3 ปีข้างหน้า ธนาคารยังเน้นธุรกิจสินเชื่อที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญจากยอดสินเชื่อคงค้างที่ 47,000 ล้านบาท ในปี 2547 ตั้งเป้าเติบโตร้อยละ 20 - 25 ต่อปี และเพิ่มยอดสินเชื่อคงค้างเป็น 90,000 ล้านบาท ในปี 2550 โดยจะเน้นที่สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ถึงร้อยละ 56 โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะ สินเชื่อที่อยู่อาศัยร้อยละ 24 สินเชื่อองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) และสินเชื่อธุรกิจอื่นๆ อีกร้อยละ 20 รวมทั้งจะเพิ่มธุรกิจสินเชื่อประเภทใหม่ 2 - 3 ประเภท
ทางด้านเงินฝากจะเน้นผู้ฝากรายใหญ่ที่มีเงินฝากเฉลี่ยบัญชีละ 1 ล้านบาท ตั้งเป้าจะขยายฐานเงินฝากจาก 34,000 ล้านบาท ในปี 2547 เป็น 100,000 ล้านบาท ในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2 จากฐานเงินฝากทั้งระบบ 5 ล้านล้านบาท โดยกลุ่มลูกค้ายังเป็นกลุ่มเดิม ซึ่งเชื่อว่าหลังจากมีการจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝากจะมีลูกค้ารายใหม่กระจายการฝากเงินมาที่ธนาคารเกียรตินาคิน โดยจะใช้กลยุทธ์อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าธนาคารอื่นร้อยละ 0.25 - 0.5 เป็นแรงจูงใจ ส่วนสาขาของธนาคารตั้งเป้าไม่เกิน 30 สาขาในระยะเวลา 3 ปี โดยเบื้องต้นจะมีการเปิดรับพนักงานใหม่ประมาณ 60 คน
"ธนาคารจะขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยจะขออยู่ในธุรกิจที่ชำนาญและมีฐานลูกค้าที่ชัดเจน เน้นที่ลูกค้ารายใหญ่ หลังจากที่ได้ยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์ จะทำให้มีความมั่นคง ต้นทุนเงินฝากต่ำลง และเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น บัญชีกระแสรายวัน และเงินเบิกเกินบัญชี รวมทั้งการเปิดแอลซี เพื่อให้บริการกับลูกค้า" นายธวัชไชย กล่าว
|