|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ พฤศจิกายน 2535
|
 |
คำโบราณที่ว่า “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” มีความหมายและนัยสำคัญในตัวของมันเองอยู่ชัดเจน
เมื่อบวกกับความก้าวหน้าของวงการธุรกิจ ที่มีการกล่าวถึงกันเสมอว่าประเทศไทยกำลังจะกลายเป็น “เสือตัวที่ 5” ของเอเชียต่อจากเกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกงและสิงคโปร์ ภาพของเศรษฐกิจไทย ก็กลายเป็นภาพสากลที่มีความเป็นนานาชาติมากขึ้น
การพบปะนักธุรกิจต่างชาติในทุกวงการ กลายเป็นภาพของข่าวสารธุรกิจประจำวันที่ทุกคนมองเห็นเป็นเรื่องปกติไปแล้วในสังคมไทยวันนี้ !!!!
“การแต่งตัวที่ดี เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จทางธุรกิจ” ณรงค์ เธียรมา เจ้าของร้านเสื้อชื่อดัง “เพอร์รี่” บอกกับ “ผู้จัดการ” ถึงรูปแบบของการแต่งกายที่โยงถึงวงการธุรกิจ
สำหรับร้าน “เพอร์รี่” ซึ่งตั้งมานานนับ 20-30 ปีนั้น นับเป็นร้านตัดสูทระดับเกรดสูงมากในสังคมธุรกิจวันนี้ เพราะลูกค้าที่มาที่นี่อย่างน้อย จะต้องเป็นลูกค้าในเกรดของการทำงานที่ต้องใส่สูท เป็นชุดทำงานประจำวัน เช่น อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหลายสมัยคือ พล.อ.อ. สิทธิ เศวตศิลา ที่ใส่สูทของร้านเพอร์รี่ออกงานรับแขกบ้านแขกเมืองเป็นประจำ นักธุรกิจโรงงแรมที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. คืออากร ฮุนตระกูล หรือนักพัฒนาที่ดินอย่าง ไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์
นอกจากคนไทยแล้ว “เพอร์รี่” ยังเป็นที่รู้จักดีของชาวต่างชาติ ที่เป็นลูกค้ามานาน ที่มีทั้งการสั่ง ตัดทางไปรษณีย์ตามขนาดเดิมหรือที่เดินทางมาแลัวตัดทุกครั้ง เช่น เปเรส เดอเควญ่า อดีตเลขาธิการองค์ การสหประชาชาติ เจ้าชายรอล์ฟ (ROLF) แห่งเนเธอร์แลนด์ และ ส.ส. จากสภา คองเกรสส์แห่งสหรัฐอีกหลายท่านจนกระทั่ง หนังสือพิมพ์ในต่างประเทศหลาย ๆ ฉบับ เคยลงเรื่องของร้านเพอร์รี่ จึงไม่แปลกที่ราคาสูทของที่นี่ เป็นราคาที่ค่อนข้างสูงมากเมื่อเทียบกับร้านสูททั่วไป แต่ก็เป็นราคาที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพ
จากประสบการณ์ในเรื่องการจัดเสื้อสูทมานานกว่า 20 ปี ณรงค์ยอมรับว่า ปัจจุบันการแต่งกายของคนไทย ได้มีการพัฒนาไปมากเมื่อเทียบกับในอดีต ซึ่งจะเห็นได้ว่า ภาพของนักธุรกิจไทยใส่สูท เดินอยู่บนถนนสายธุรกิจสำคัญอย่างสีลม กลายเป็นภาพปกติของวงการธุรกิจไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับว่าในวันนี้ สำหรับคนไทยแล้ว เรื่องของการใส่สูทยังเป็นเรื่องใหม่ที่ยังต้องมีการเรียนรู้กันมากนักโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ที่เริ่มเข้าวงการธุรกิจและจำเป็นที่จะต้องใส่สูท ผูกเน็คไทน์ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องมีการศึกษากันมากพอสมควรว่าจะใส่สูทแบบไหน สีอะไร จึงจะเหมาะสมกับงานหรือกับตัวเอง
“ความจริง การใส่สูทนั้น ถ้าจะให้ถูกต้อง จะต้องขึ้นกับ FUNCTION ด้วยว่าจะใส่สูทแบบไหน สูทออกแบบอย่างไร” ณรงค์กล่าว พร้อมทั้งยกตัวอย่างว่า หากเป็นงานทั่วไป สูทที่ใส่ ก็จะเป็นสูทธรรมดาที่เรียกว่า สูทเดี่ยว หรือแจ็คเก็ตสูท แต่หากเป็นงานราตรีสโมสร สูทที่จะต้องใส่ นิยมที่จะเป็นสูททักซิโดมากกว่า
แค่ฟังก็พอมองเห็นแล้วว่า เรื่องการแต่งกายด้วยสูท เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก ที่จะให้เข้ากับกาละและเทศะของแต่ละงาน !!!!
“บางคนรูปร่างไม่ดี เราสามารถที่จะออกแบบสูทที่จะช่วยเสริมบุคลิกภาพเขาได้” คนที่คลุกคลีในวงการแต่งกายมานานนับ 20 ปีอย่างณรงค์กล่าวยืนยัน
นอกจากเรื่องแบบที่จะต้องพิจารณาแล้วเรื่องของสีของผ้า ที่ช่างออกแบบให้ ก็จะเป็นเรื่องที่ต้องมีการพิจารณาเสริมอีกด้วยแต่โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว สูทสีเข้ม จะช่วยในเรื่องของการแต่งกายให้สุภาพได้ง่าย และเมื่อบวกกับการผูกเน็คไทน์ที่ให้เข้ากับเสื้อ การแต่งกายดังกล่าว ก็จะเป็นภาพที่ออกมาแบบ “ดีมาก ๆ” ในสายตาของผู้ที่จะต้องติดต่อด้วย
ส่วนเรื่องของสูทที่เป็นสีอ่อน ๆ เช่นสีครีม สีเทาอ่อน ก็จะเป็นเรื่องของการแต่งกายที่นิยมกันในงานกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นงานประชุม งานเลี้ยงกลางวัน ซึ่งจะดูเป็นการแต่งกายที่ RELAX มากกว่าสูทสีเข้มซึ่งเหมาะที่จะแต่งกายในงานที่เป็นทางการมากกว่า
จะว่าไปแล้ว ความสำคัญของการแต่งกายในวันนี้ มีมากขึ้นกว่าวันวานมาก หลาย ๆ งานเจ้าภาพจึงมักจะระบุไว้ในบัตรเชิญ ว่าจะต้องแต่งกายแบบไหน เพื่อให้ผู้รับเชิญได้รู้ล่วงหน้า ว่างานดังกล่าว ต้องแต่งกายแบบไหนจึงจะดูเหมาะสมกับงาน
ความที่ไทยเริ่มมีการพัฒนามากขึ้น การแต่งกายของคนไทยก็ดีขึ้นตามลำดับ ดังจะเห็นได้จากการที่คนแต่งกายสุภาพผูกเน็คไทน์หรือใส่สูทเดินบนถนน ขึ้นรถเมล์ก็มีมากขึ้น ทำให้ธุรกิจของการ ออกแบบตัดเย็บเสื้อสูท ก็มีมากขึ้นตามลำดับ เพื่อรองรับกับความต้องการของผู้ซื้อ
แม้กระทั่ง ศูนย์การค้าต่าง ๆ เสื้อผ้าสุภาพบุรุษ ก็มีชุดสูทวางขายเป็นหนึ่งในแผนกเสื้อผ้าดังกล่าว ที่แสดงถึงความต้องการเครื่องแต่งกายเหล่านี้มีมากตามความเจริญของเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังพัฒนาไปสู่ประเทศอุตสาหกรรมใหม่
อย่างไรก็ตาม คำแนะนำของช่างผู้ชำนาญอย่าง ณรงค์ เธียรธุมา ก็คือ หากเสื้อผ้าสำเร็จรูปดังกล่าว มีความเหมาะสมกับผู้ซื้อ โดยเฉพาะในเรื่องของขนาดและความสบายแล้ว เสื้อผ้าสำเร็จรูปดังกล่าว ก็ไม่ได้เป็นเครื่องแต่งกายที่ต้องมองข้าม แม้ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมการตัดเย็บเสื้อผ้าของไทย มีการพัฒนาไปมากทั้งในเรื่องการออกแบบ การตัดเย็บ แม้กระทั่งจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมนี้ คือผ้าผืนก็เป็นที่รู้จักดีของทั่วโลก
“ความนิยมเสื้อผ้าสำเร็จรูปนั้น มาจากเรื่องความสบาย” ณรงค์กล่าวถึงจุดเด่นของเสื้อผ้าสำเร็จรูปให้ฟัง พร้อมทั้งเสริมว่าความสบายที่ว่านั้น หมายถึงขนาดที่มักจะหลวมเล็กน้อย ในขณะที่หากจะเป็นสูทที่เหมาะสมแล้วต้องเป็นขนาดที่ “พอดี” กับหุ่นของผู้สวมใส่
ความพอดีหรือไม่ของสูทนั้น ขึ้นกับความนิยมของบุคคลด้วย อย่างเช่น การใส่สูทของชาวยุโรป มักจะเป็นแบบหลวมเล็กน้อยซึ่งต่างจากชาวอเมริกัน ที่สูทค่อนข้างจะพอดีกับตัว
นอกเหนือจากเรื่องแบบ รูปทรงและขนาดแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องพิจารณาในการตัดเลือกเสื้อสูทก็คือ เรื่องของเนื้อผ้า เพราะการเลือกผ้าที่จะเป็นวัตถุดิบในการตัดสูทนั้น ก็มีการแบ่งระดับ (CLASS) ของผู้สวมใส่ด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนอังกฤษ ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นชาติที่พิถีพิถันเรื่องสูทมากที่สุด อย่างเช่น ผ้าเวนซิลล์ ผ้าปิโนว่า ก็นับเป็นผ้าในระดับเกรดสูงในการนำมาตัดสูท ซึ่งผู้ที่จะตัดจริง ๆ สามารถที่จะสอบถามได้ แม้วันนี้ ผ้ายังเป็นเรื่องที่คนไทยสนใจน้อยมากก็ตาม
บางคนถึงกับเปรียบเทียบให้ฟังว่า การเลือกซื้อสูทของคนไทย เป็นเหมือนกับการสร้างบ้านทีเดียว เพราะจะมีการเลือกมากทั้งเรื่องของรูปทรง เนื้อผ้าจนถึงสีของสูท กว่าที่จะตกลงกันได้ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะสูทที่ใส่นั้นคนไทยยังไม่ถึงขั้นต้องสวมตลอดเวลา เนื่องจากอากาศที่ค่อนข้างร้อน สูทจึงเป็นเครื่องแต่งกายที่มีสำหรับ “ออกงาน” มากกว่าใส่ทำงานในชีวิตประจำวัน ยกเว้นสำหรับบางคนในบางธุรกิจที่จะสวมตลอดเวลา
เหตุผลดังกล่าวสูทจึงเป็นเรื่องได้เปรียบของผู้ประกอบการธุรกิจนี้ เพราะการที่เสื้อผ้าระดับสูงอย่างสูท เป็นเสื้อผ้าราคาค่อนข้างสูง การพิถีพิถันของผู้ซื้อจึงมีมาก ยิ่งหากมีจุดได้เปรียบในเรื่องการออกแบบที่เหมาะสมกับผู้สวมใส่ ไม่ว่าจะเป็นชนิดของผ้า รูปทรงของสูทด้วยแล้ว สูทสำเร็จรูปกลายเป็นสินค้าเกรดรองได้ง่าย ๆ
ส่วนปัญหาของผู้ซื้อ ก็คือ จะหาสูทที่เหมาะสมกับตัวอย่างไร จะให้ใครออกแบบและเป็นแบบไหน จึงจะให้ “ดูดี” ในการ “ออกงาน” ของผู้ซื้อ
ตรงนี้ การออกแบบที่ดี จะช่วยได้หากคุณเลือกสูทที่เหมาะสมสำหรับผู้สวมใส่
เพราะคุณคือ ผู้เลือกสูทในการออกงานครั้งนี้ !!!!
|
|
 |
|
|