Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2535








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2535
ประมวลเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในอีอาร์เอ็ม             
 

   
related stories

เก็บภาพความผันผวนในยุโรป “อีซี่ 1992” อาจไปไม่ถึงฝัน
ธุรกิจข้ามชาติวาดแผนใหม่รับรวมยุโรป

   
search resources

Financing
อีอาร์เอ็ม




2 มิถุนายน: ชาวเดนมาร์กลงประชามติไม่ยอมรับสนธิสัญญามาสทริชท์ด้วยคะแนนเสียง เฉียดฉิว จุดเริ่มต้นข้อกังขาของนักลงทุนในตลาดเงินต่อแผนการรวมสกุลเงินยุโรป

3 มิถุนายน: ประธานาธิบดี ฟรังซัวส์ มิตแตร์รองค์ แห่งฝรั่งเศสประกาศว่า จะจัดให้มีการ ลงประชามติรับสนธิสัญญามาสทริชท์ในเดือนกันยายน ภาวะตลาดเงินเริ่มปั่นป่วนด้วยนักลงทุนเริ่ม ไม่มั่นใจว่าชาวฝรั่งเศสจะยอมรับมาสทริชท์

16 กรกฎาคม: บุนเดสแบงก์ประกาศขึ้นดอกเบี้ยดิสเคาท์ไปอยู่ที่ระดับ 8.75 % อันเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หนุนให้ค่าเงินมาร์กเริ่มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ

กรกฎาคม-สิงหาคม: ช่วงเวลาแห่งความยุ่งยาก นักลงทุนไม่มีความมั่นใจในค่าเงินสกุลยุโรปส่วนใหญ่ ปลายเดือนสิงหาคม ค่าเงินปอนด์อังกฤษ ปลายเดือนสิงหาคม ค่าเงินปอนด์อังกฤษและเงิน ลีร์อิตาลี ดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในขอบเขตอีอาร์เอ็ม

5 กันยายน: รัฐมนตรีคลังอีซีประชุมที่เมืองบาธในอังกฤษประกาศจุดยืนชัดเจนไม่มีโครงการปรับอีอาร์เอ็ม

8 กันยายน: ความปั่นป่วนในตลาดเงินยุโรประบาดไปถึงตอนเหนือฟินแลนด์ถึงเงินมาร์ก

กะออกจากการผูกติดกับเงินอีซียู(สกุลเงินยุโรป) และลดค่าเงินมาร์กกะลง สวีเดนและอิตาลีประกาศขึ้นดอกเบี้ย

10 กันยายน: นายกรัฐมนตรี จอห์น เมเจอร์ แห่งอังกฤษประกาศจะไม่มีการลดค่าเงินปอนด์ เด็ดขาด รวมทั้งปฏิเสธข้อเรียกร้องที่จะให้มีการปรับนโยบายคลัง

13 กันยายน: ปรับอีอาร์เอ็มครั้งแรกในรอบ 5 ปีครึ่ง ลดค่าเงินลีร์อิตาลีลง 7% โดยมีข้อตกลงเบื้องหลังความเคลื่อนไหวดังกล่าวว่าเยอรมนีจะลดดอกเบี้ยลงเป็นการตอบแทน

14 กันยายน: บุนเดสแบงก์ลดดอกเบี้ยลอมบาร์ดลง 0.25% ลดดิสเคาท์เรตลง 0.5% นักลงทุนมองว่าลดน้อยเกินไป แรงกดดันต่อค่าเงินปอนด์และเงินลีร์เริ่มก่อตัวอีกรอบ

16 กันยายน: “BLACK WEDNESDAY” ค่าเงินปอนด์, ลีร์, และเปเซต้าดิ่งลงต่ำกว่าขอบเขตที่กำหนดในอีอาร์เอ็ม การเข้าแทรกแซงตลาดเงินของบรรดาธนาคารกลางยุโรปเพื่อพยุงค่าเงินเหล่านั้นไว้ กลายเป็นความพยายามที่ไร้ผล

อังกฤษประกาศขึ้นดอกเบี้ย 2 ระลอกจาก 10 % เป็น 15% และถอนเงินปอนด์ออกมาจากอีอาร์เอ็ม แล้วจึงลดดอกเบี้ยกลับไปสู่ระดับ 12% ในเวลาต่อมา สวีเดนขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นไปสูงถึง 500 % เพื่อพยุงค่าเงินคราวน์ คณะกรรมาธิการด้านการเงินอีซีเรียกประชุมด่วนกลางดึก

17 กันยายน: ที่ประชุมตกลงให้ถอนเงินลีร์ออกจากอีอาร์เอ็มและลดค่าเงินเปเซต้าลง 5% อังกฤษลดดอกเบี้ยเหลือ 10% ตามเดิม

17-18 กันยายน: สงครามน้ำลายระหว่าง เฮลมุท ชเลซิงเงอร์ ประธานบุนเดสแบงก์ และ นอร์แมน ลามองต์ รัฐมนตรีคลังอังกฤษที่ชี้ว่าเยอรมนีควรปรับนโยบายเศรษฐกิจใหม่

20 กันยายน: ชาวฝรั่งเศสลงประชามติรับสนธิสัญญามาสทริชท์ด้วยคะแนนเสียงเฉียดฉิว จึงยังไม่สามารถระงับแรงกดดันต่อสกุลเงินที่อ่อนแอในอีอาร์เอ็มได้ เมเจอร์ในฐานะประธานอีซีตามวาระปัจจุบันเรียกประชุมสุดยอดผู้นำประเทศสมาชิกทั้งหมด เพื่อพิจารณาสนธิสัญญามาสทริชท์

22 กันยายน: ข่าวเงินทุนสำรองของเยอรมนีที่เพิ่มขึ้นสูงมากทำให้เกิดข่าวลือในตลาดเงินว่า อาจระงับการใช้อีอาร์เอ็มไว้ชั่วคราว ฝ่ายอังกฤษลดดอกเบี้ยลงอีก 1%

23 กันยายน: ธนาคารกลางฝรั่งเศสและเยอรมนีร่วมมือกันเข้าแทรกแซงตลาดอย่างหนักหน่วง เพื่อยุติการเก็งกำไรของนักลงทุนที่ต้องการทำลายระบบอีอาร์เอ็ม

1 ตุลาคม: สงครามน้ำลายระหว่างอังกฤษ-เยอรมนีระเบิดขึ้นอีกรอบเมื่อหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ตีพิมพ์แถลงการณ์ของประธานบุนเดสแบงก์ว่า เยอรมนีดำเนินนโยบายที่เหมาะสมแล้ว

9 ตุลาคม: เมเจอร์กล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมประจำปีพรรคอนุรักษ์นิยม พยายามเรียกความนิยมกลับคืนมา หลังจากที่กลุ่มนักการเมืองขวาจัดเรียกร้องให้อังกฤษถอนตัวจากอีอาร์เอ็มและไม่เข้าร่วมกับสนธิสัญญามาสทริชท์

16 ตุลาคม : การประชุมสุดยอดอีซีนัดพิเศษที่เบอร์มิงแฮม, อังกฤษผู้นำทั้ง 12 ประเทศสมาชิกออก “คำประกาศแห่งเบอร์มิงแฮม” ซึ่งระบุว่า อีซีจะต้องเปิดกว้างและใกล้ชิดประชาชนของประเทศสมาชิกให้มากขึ้น เคารพเอกลักษณ์ประจำชาติของประเทศสมาชิก และป้องกันไม่ให้องค์กรของอีซีในบรัสเซลส์เข้าไปก้าวก่ายกิจการของประเทศสมาชิกมากเกินไป แต่ให้รัฐสภาประเทศสมาชิกเข้ามีส่วนร่วมและรับรู้การตัดสินใจใด ๆ และการปฏิบัติงานขององค์กรอีซีมากขึ้นส่วนแถลงการณ์ ว่าด้วยความร่วมมือเศรษฐกิจและการเงินร่วมกันนั้น เป็นการยืนยันว่าสนธิสัญญามาสทริชท์ และกลไกอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของระบบการเงินยุโรปเป็นปัจจัยหลักของการเสริมสร้างเสถียรภาพและความมั่งคั่งของยุโรป โดยชี้ว่าชาติสมาชิกกำลังมีปัญหาเหมือนกันคือเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราว่างงานพุ่งขึ้น ดังนั้นจึงต้องดำเนินนโยบายที่ประสานสอดคล้องกัน ดังที่ได้กำหนดไว้ในสนธิสัญญามาสทริชท์คือดำเนินนโยบายลดเงินเฟ้อ ลดการขาดดุลงบประมาณและเปิดเสรีตลาด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us