|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ขุนคลัง เตรียมเซ็นสัญญาซื้อขายหุ้นทีพีไอกับพันธมิตรพ.ค.นี้ หลังสรุปราคาหุ้นกับ "ปตท." เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่พร้อมเปิดเผย ด้าน "ประชัย เลี่ยวไพรัตน์" ยอมอ่อนข้อ ตามคำแนะนำของศาลล้มละลายกลาง ถอนคำร้องขอซื้อหุ้นคืนในฐานะผู้ถือหุ้นเดิมและผู้คำประกันหนี้ หวังให้ศาลใช้ดุลยพินิจจัดสรรหุ้นให้ผู้ถือหุ้นเดิมเพิ่มขึ้น
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึง ความคืบหน้าในการจัดสรรหุ้นของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมิกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ ให้กับพันธมิตรร่วมทุน ว่า ขณะนี้ได้มีการตกลงราคาซื้อขายหุ้นกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะใช้เป็นราคาเดียวกันกับพันธมิตรรายอื่น แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขราคาได้
ทั้งนี้ หลังจากนี้ ปตท. จะประชุมผู้ถือหุ้นและดำเนินการเซ็นสัญญาซื้อขายกันในเดือนพ.ค. 2548 และในเดือนมิ.ย. จะเข้าสู่กระบวนการร่วมทุนเพิ่มทุนได้
ด้านนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในวันที่ 29 เมษายนนี้ จะได้ราคาหุ้นของทีพีไอที่ชัดเจนอย่างแน่นอน แต่จะอยู่ในราคา 3 บาทตามที่ บมจ.ปตท. ต้องการหรือไม่นั้นจะต้องมีการหารือกันอีกครั้ง ซึ่งในท้ายที่สุดราคาที่จะได้นั้นจะต้องเป็นที่ยอมรับซึ่งกันและกันด้วย
ทั้งนี้ การดำเนินงานขั้นต่อไปหลังจากได้ราคาซื้อขายหุ้นกันเรียบร้อยแล้วจะดำเนินการตกลงเงื่อนไขสัญญาซื้อขายต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวจะต้องให้เสร็จสิ้นภายในเดือนพฤษภาคม 2548
แหล่งข่าวจากผู้บริหารลูกหนี้ เปิดเผยว่า นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด หรือทีพีไอ ได้ยื่นถอนคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางในฐานะผู้ถือหุ้นเดิมที่จะขอสิทธิ์ในการซื้อหุ้นส่วนทุนและหุ้นเพิ่มทุนใหม่ของทีพีไอก่อนพันธมิตรรายอื่น ในราคาหุ้นละ 5.50 บาท รวมถึงคำร้องในฐานะผู้ค้ำประกันหนี้ทีพีไอ ที่จะขอสิทธิในการชำระหนี้ทีพีไอคืนทั้งจำนวน 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.08 แสนล้านบาท โดยจะขอชำระหนี้แบ่งเป็น 2 งวด คือ ชำระจำนวน 900 ล้านเหรียญสหรัฐภายในเดือนตุลาคม 2548 และที่เหลือจะชำระทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้
จากการยื่นถอนคำร้องต่อศาลล้มละลายดังกล่าว ทำให้คงเหลือคำร้องขอปลดกระทรวงการคลังออกจากการเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ เนื่องจากผู้บริหารแผนฯมีพฤติกรรมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยคลังได้จ่ายเงินว่าจ้างให้บริษัท ซินเนอจี้ โซลูชั่น จำกัด มาตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2546 ทั้งๆ ที่บริษัทดังกล่าวจดทะเบียนก่อตั้งในวันที่ 25 สิงหาคม 2546
นอกจากนี้ บริษัท ซินเนอจี้ โซลูชั่น ได้แจ้งต่อกรมสรรพากรว่ารายได้เพียงเดือนละ 5 ล้านบาท ทั้งๆที่ทีพีไอจ่ายเงินให้ซินเนอจี้ โซลูชั่นเดือนละ 20 ล้านบาท บ่งชี้ว่าบริษัท ซินเนอจี้ โซลูชั่นต้องการหลีกเลี่ยงภาษี
โดยในวันนี้ (8 เม.ย.) ศาลล้มละลายกลางจะมีคำสั่งคำร้องการขอปลดคลังออกจากการเป็นผู้บริหารแผนฯทีพีไอ รวมทั้งคำร้องของผู้ถือหุ้นรายย่อยทีพีไอที่ได้ยื่นขอสิทธิ์ในการซื้อหุ้นคืนไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากเป็นคำร้องที่ยังไม่ได้มีการถอนคำร้องตามนายประชัย ผู้บริหารลูกหนี้ที่ได้ถอนคำร้องไปเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา
สำหรับสาเหตุที่นายประชัย ถอนคำร้องดังกล่าว เนื่องจากต้องการผ่อนปรนท่าทีแข็งกร้าวลงตามคำแนะนำของผู้พิพากษาศาลล้มละลายกลาง เพื่อให้ศาลใช้ดุลยพินิจว่าจะพิจารณาจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมเพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งเดิมคลังเสนอจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1.5 หุ้นใหม่ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 15% ต่ำกว่าหุ้นที่จัดสรรให้กับพันธมิตรทางธุรกิจที่คลังดึงมา ทั้งนี้ ทางกระทรวงการคลังจะจัดสรรหุ้นทีพีไอให้กับ ปตท. 30% ออมสินและคลัง 10% กบข.และกองทุนฯ 20% ผู้ถือหุ้นเดิม 15% และอีก 15%จัดสรรให้เจ้าหนี้และลูกหนี้ในอนาคต
ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารแผนฯได้จี้ให้นายประชัย เปิดเผยแหล่งที่มาของเงินทุนที่จะใช้ซื้อหุ้นทีพีไอ ในฐานะผู้ถือหุ้นเดิมและผู้ค้ำประกันหนี้ เนื่องจากเกรงว่าหากนายประชัยกู้ยืมเงินมาซื้อหุ้นจะกลายเป็นการสร้างภาระหนี้ให้บริษัทได้ รวมทั้งไม่มั่นใจว่านายประชัยจะมีแหล่งเงินที่แท้จริงในการซื้อหุ้นคืน
ขณะที่ฝ่ายผู้บริหารลูกหนี้นั้น มองว่า การเปิดเผยแหล่งที่มาของเงินจะทำให้คลังล็อบบี้สถาบันการเงินในประเทศไม่ให้ปล่อยสินเชื่อ รวมทั้งเจ้าหนี้ทีพีไอในต่างประเทศ อาทิ เวิลด์แบงก์หรือไอเอฟซี ล็อบบี้สถาบันการเงินต่างประเทศไม่ให้ปล่อยสินเชื่อได้
นายศุภรัตน์ กล่าวว่า กรณีที่นายประชัย ได้ถอนคำร้องขอใช้สิทธิเดิมจากศาลล้มลายกลางนั้น เชื่อว่าจะไม่มีผลต่อการดำเนินงานตามขั้นตอนของ TPI อย่างแน่นอน
|
|
|
|
|