|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ พฤศจิกายน 2535
|
|
เอ่ยชื่อพอล แมคคาร์ทนีย์ หลายคนคงร้อง “อ๋อ” กับอดีตสมาชิกวงดนตรีสี่เต่าทอง หรือ “เดอะ บีเทิล” อันเลื่องลือ ที่กลายเป็นตำนานเล่าขานกันไม่จบผู้นี้ แต่ ณ วันนี้แมคคาร์ทนีย์ในวัยวันที่อายุล่วงกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว ยังคงเป็นคนธรรมดา ๆ คนหนึ่งและด้วยความคิดเช่นนี้เองทำให้เขาแตกต่างไปจาก นักร้องชื่อดังรายอื่นที่มักเผชิญกับหายนะแห่งชีวิต เพราะหลงติดอยู่กับความสำเร็จและเงินตรา
แมคคาร์ทนีย์ ยังใฝ่ฝันถึงการเป็นศิลปินเดี่ยวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ตั้งอยู่บนพื้นฐานการยอมรับความเป็นจริงรวมทั้งยังคงความเป็นคนธรรมดาด้วยวิถีชีวิตเรียบง่ายเห็นได้จากการที่เขาจะขึ้นรถไฟจากบ้านที่เป็นฟาร์มแถวซัสเซ็กไปยังที่ทำงานในย่านโซโหสแควร์ของอังกฤษเกือบทุกเช้า แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ใคร่จะต้องการให้เขาเป็นคนธรรมดาสักเท่าไหร่ แมคคาร์ทนีย์เล่าว่า เคยมีคนแสดงท่าทีผิดหวังกับเขา และเตือนเขาว่าไม่ควรจะขับรถยนต์รุ่นที่คนทั่วไปใช้กันและควรจะเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวเสียใหม่แต่แมคคาร์ทนีย์ก็ได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า “ผมไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น ๆ”
กระนั้นก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เช่นกันว่า แมคคาร์ทนีย์ เป็นคนที่มีลักษณะขัดแย้งในตัวเองสูงและความเป็น “คนธรรมดา” แต่มีชื่อเสียงโด่งดังและร่ำรวยเงินทองของเขาก็ออกจะผิดแผกไปจากมาตร-ฐานโดยทั่วไปสักหน่อย เพราะแม้ว่าแมคคาร์ทนีย์จะไม่ค่อยได้อวดความร่ำรวยของเขาต่อสาธารณชน เท่าไหร่ การดำเนินชีวิตของเขาก็จัดอยู่ในระดับหรูหรามากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องบินส่วนตัว ในการเดินทางไกล การลงทุนสร้างสตูดิโอส่วนตัวโดยดัดแปลงจากโรงสีในย่านชานเมืองใกล้บ้าน อีกทั้งการพักผ่อนในวันหยุดชนิดที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงลิ่วไม่นับรวมถึงบ้านพักส่วนตัวในสก๊อตแลนด์อีกแห่งหนึ่ง
ธุรกิจที่แมคคาร์ทนียรับผิดชอบอยู่ทุกวันนี้ก็คือการบริหารจัดการเกี่ยวกับลิขสิทธิ์เพลงของเขาอีกราว 50,000 เพลง โดยกิจการ “แมคคาร์ทนีย์โปรดักชัน ลิมิเต็ด” ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาเป็น “เอ็มพีแอลคอม-มิวนิเคชัน ลิมิเต็ด” ของเขายังลงทุนต่อเนื่องด้วยการซื้อลิขสิทธิ์เพลงจากนักแต่งเพลงหลากหลายแนวด้วยกันปีที่แล้วบริษัทมียอดขายถึง 6.8 ล้านปอนด์และยังอ้างว่ามีสินทรัพย์สูงถึง 5 ล้านปอนด์ทีเดียว
ความร่ำรวยของแมคคาร์ทนีย์อาจทำให้จำไม่ได้ว่าชีวิตที่ยากจนนั้นมีสภาพเช่นไรแต่แมคคาร์ทนีย์ยืนยันว่า “ผมไม่ได้มีชีวิตที่หรูหรามากนักผมไม่เคยประทับใจกับความหรูหราฟุ่มเฟือยเลยจริง ๆ ผมคิดว่าความหรูหราเป็นเพียงช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างการที่มีเงินไม่มากนักไปสู่การมีเงินมากอีกสักหน่อย สิ่งแรกที่คุณจะทำก็คือใช้ชีวิตหรูหราขึ้นจากเดิมอาจจะมีรถใหญ่ ๆ สักคันอย่างโรลเลอร์เหมือนที่คนอื่นเขามีกัน แต่สักพักคุณจะรู้สึกเหมือนนั่งเหงาอยู่ริมทะเล และครุ่นคิดว่า “ผมไม่ชอบรถคันนี้ ฉันชอบ ฟอร์ด คลาสสิคคันเก่าของผม” ดังนั้นผมจึงไม่ได้ชอบความหรูหราฟุ่มเฟือยเลยแต่ว่าผมชอบความสะดวกสบายมันก็เท่านั้นแหละ”
แมคคาร์ทนีย์ ยังรักความเป็นส่วนตัว บ้านไร่ของเขาในซัสเซ็กที่มีอาณาเขต 200 เอเคอร์จะต้อน-รับเฉพาะเพื่อนฝูงที่คุ้นเคยจำนวนไม่กี่คนเท่านั้นภรรยาของเขายังคงทำหน้าที่แม่บ้านและเป็นนักรณรงค์เพื่อปกป้องสิทธิของสัตว์ ส่วนในเวลาว่างก็เขียนตำราอาหารมังสวิรัต เธอยังสนใจในปัญหาสิ่งแวดล้อมและดูแลเอาใจใส่ลูก ๆ และผู้เป็นสามีอย่างไม่บกพร่องด้วย
ทุกวันนี้ แมคคาร์ทนีย์แสดงดนตรีน้อยลง รวมทั้งไม่ได้บันทึกเสียงและแต่งเพลงมากนักเขามีอายุเกิน 50 ปีแล้วชื่อเสียงก็ค่อย ๆ เลือนจางไปแต่เขากำลังมุ่งมั่นอยู่กับธุรกิจส่วนตัวที่มีแนวโน้มขยายขอบข่ายออกไปอีกรายได้ของเขาตกราว 20-30 ล้านปอนด์ต่อปีส่วนสินทรัพย์ที่มีอยู่ทั้งหมดคาดว่าจะมีมูลค่าถึงประมาณ 200 ล้านปอนด์เป็นอย่างต่ำ
ความเป็นคนธรรมดาของแมคคาร์ทนีย์ในวันนี้จึงนับว่าไม่ธรรมดาเสียแล้ว
|
|
|
|
|