|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แฟมิลี่มาร์ทดึง 2 พันธมิตรกลุ่มฮิโตรูและกลุ่มบริษัทในเครือสหพัฒน์ตั้ง “เอสดีซีเอ็ม” บริษัทกระจายสินค้าป้อนแฟมิลี่ฯ แย้มปีนี้ได้แววมองเห็นกำไรปีแรก หลังขาดทุนมานาน 8 ปีแล้ว พร้อมตั้งเป้า 2 ปีขยายเครือข่ายครบ 1,000 แห่งทั่วประเทศ เล็งช่วยรัฐสร้างความมั่นใจประชาชน-นักท่องเที่ยวผุดสาขาใหม่ที่หาดป่าตอง และสงขลาหลังเกิดสึนามิและก่อการร้าย
นายกนก วงษ์ตระหง่าน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามแฟมิลี่มาร์ท จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้สยามแฟมิลี่มาร์ทร่วมกับบริษัท ฮิโตรู ประเทศไทย จำกัด และบริษัทในเครือสหพัฒน์ จัดตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท เอสดีซีเอ็ม จำกัด (Siam Demand Chain Management) เพื่อเป็นบริษัทที่ทำหน้าที่ในการกระจายสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยการตั้งบริษัทกระจายสินค้าใหม่ครั้งนี้มีกลุ่มผู้ถือหุ้นหลัก 3 บริษัทดังกล่าวในสัดส่วนที่เท่ากันตามอัตราส่วน 1 ใน 3
ด้านแผนการทำตลาดของแฟมิลี่มาร์ทในปีนี้ยังคงเน้นเรื่องการพัฒนาร้านด้วยการหาสินค้าใหม่มาไว้คอยบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด โดยจะเน้นสินค้าที่มีความสะอาด ปลอดภัย นอกจากนี้ยังเน้นเรื่องการพัฒนาการให้บริการของพนักงานให้ดีขึ้น ซึ่งแผนดำเนินงานดังกล่าวส่งผลให้รายได้ช่วงไตรมาสแรกของปี 2548 มีอัตราการเติบโตกว่า 30% และหากผลการดำเนินงานยังมีแนวโน้มที่ดีเช่นนี้ คาดว่าปีนี้บริษัทน่าจะมีรายได้ที่เป็นผลกำไรเป็นปีแรก หลังจากประสบภาวะขาดทุนมานานเป็นระยะเวลาถึง 8 ปี
ขณะที่แผนขยายสาขาร้านแฟมิลี่มาร์ทบริษัทตั้งเป้าจะเปิดสาขาให้ครบ 1,000 สาขาทั่วประเทศภายในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยปีนี้วางเป้าหมายจะเปิดสาขาให้ครบ 600 - 700 สาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณางบประมาณการลงทุนเปิดสาขาใหม่ ปัจจุบันแฟมิลี่มาร์ทมีสาขาที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว 515 สาขา
“ปีนี้ทุกธุรกิจจะดำเนินงานอย่างระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยลบที่มีผลกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภค และต้นทุนการบริหารงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ค่าเงินบาท ปัญหาการเมือง หรือปัญหาการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจต้องมีความระมัดระวัง ซึ่งสิ่งที่จะทำให้เศรษฐกิจมั่นคงและเติบโตได้ คือ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในประเทศและพันธมิตรนอกประเทศ”
นายกนกกล่าวว่า ปัญหาการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมาทำให้ทุกฝ่ายต้องเข้มงวดเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยกันมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยให้กับประชาชนในประเทศ ซึ่งในส่วนของธุรกิจร้านแฟมิลี่มาร์ทของบริษัทก็คงต้องมีการบริหารงานอย่างรอบคอบในทุกด้าน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ อาทิ เหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่ม 6 จังหวัดภาคใต้ที่ร้านแฟมิลี่มาร์ทได้รับผลกระทบ แต่บริษัทสามารถบริหารงานด้วยการปิดร้านเพียง 5 ชั่วโมง เพื่อตรวจความเสียหายและเปิดให้บริการตามปกติ
นอกจากนี้ บริษัทยังมองว่าหลังเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มและเหตุการณ์ก่อการร้ายวางระเบิดในจังหวัดสงขลา ทุกฝ่ายน่าจะช่วยกันสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยแฟมิลี่มาร์ทเองได้เปิดสาขาใหม่ที่หาดป่าตองหลังเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มเพียง 10 วัน และมีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่ที่จังหวัดดังกล่าวเช่นกัน
|
|
|
|
|