Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มิถุนายน 2545








 
นิตยสารผู้จัดการ มิถุนายน 2545
ชัย โสภณพนิช "ผมยังรีไทร์ไม่ได้"             
โดย ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์
 

   
related stories

ชัยกับงานศิลปะ และของเก่า
กรุงเทพประกันภัย The Regional Insurance Company
รพ.บำรุงราษฎร์ The 1st Medical Services Exporter

   
search resources

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
ชัย โสภณพนิช




ชัย เป็นโสภณพนิชอีกผู้หนึ่ง ที่มีบทบาทสูงในธุรกิจของตระกูล แม้กิจการหลัก 2 แห่ง ที่เขาดูแลอยู่คือ กรุงเทพประกันภัย และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีรายได้รวมเกินออกไปจาก 100 อันดับแรก เพียงเล็กน้อย แต่ทั้ง 2 กิจการ ก็มีสีสัน และพัฒนาการที่น่าสนใจ ที่สำคัญ ทั้ง 2 กิจการได้สะท้อนให้เห็นบุคลิก และตัวตนของเขาได้ดียิ่ง

ปีนี้ ชัย โสภณพนิช มีอายุครบ 59 ย่างเข้าสู่วัย 60 ซึ่งหากเป็นคนปกติ ก็เป็นเวลาที่เตรียมตัวรีไทร์จากงาน เพื่อออกไปใช้เวลาส่วนใหญ่ให้กับครอบครัว

แต่ชัยยังไม่สามารถทำเช่นนั้นได้

"ผมยังมีภาระ หากคิดจะรีไทร์ช่วงนี้คงลำบาก" ชัยบอกกับ "ผู้จัดการ"
ชัยเป็นลูกคนที่ 5 ของชิน โสภณพนิช ที่ผู้เป็นพ่อมอบความไว้วางใจให้ค่อนข้างมาก

เขายังเป็นคนที่มีความรักพี่รักน้องสูง โดยไม่เลือกว่าจะมาจากสายไหน

ในจำนวนกิจการที่ชินเป็นผู้ก่อตั้ง นอกจากธนาคารกรุงเทพแล้ว บริษัท กรุงเทพประกันภัย ก็เป็นอีกกิจการหนึ่งที่มีความสำคัญไม่ด้อยไปกว่ากัน

ชัยถูกวางตัวให้เป็นผู้รับผิดชอบกิจการแห่งนี้ตั้งแต่เขาเรียนจบทางด้านบริหารธุรกิจ มาจากสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2511 และในปี 2519 ชินก็ได้มอบบทบาทในการควบคุมกิจการกรุงเทพประกันภัยแก่เขาอย่างเบ็ดเสร็จ ตั้งแต่ชาตรีผู้เป็นพี่ยังไม่ได้ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในธนาคารกรุงเทพ

นอกจากกรุงเทพประกันภัย ชัยยังเคยมีส่วนเข้าไปช่วยดูแลกิจการของกรุงเทพประกันชีวิต ก่อนที่จะวางมือปล่อยให้เชิดชู น้องชายคนเล็กเข้ามา รับช่วงดูแลต่อในภายหลัง

ส่วนกิจการโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวที่ตั้งขึ้นมาในช่วงหลัง เขาก็ได้เข้าไปรับผิดชอบอย่าง เต็มตัว ตั้งแต่คิดริเริ่มก่อตั้ง ในปี 2518


"ธุรกิจที่ผมเกี่ยวข้องโดยตรง หรือเกี่ยวข้องมากหน่อย คือทั้งประกันชีวิต ประกันภัย และโรงพยาบาล มันเกี่ยวกับชีวิต เกี่ยวกับความเป็นอยู่ ความตาย ความ ลำบากของคน"

การที่ต้องเข้าไปรับผิดชอบในกิจการที่มีลักษณะเฉพาะ แตกต่างจากธุรกิจ การเงินทั่วไปเช่นนี้ ทำให้ชัยจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการศึกษาเรื่องราวของชีวิต ไม่น้อยไปกว่าเรื่องราวของธุรกิจ
นอกจากนี้ เขายังเป็นคนที่ชอบสะสมงานศิลปะ และของเก่า ทำให้เขาต้อง เข้าไปสนใจศึกษาเรื่องราวในประวัติศาสตร์

ชัยเป็นคนยึดมั่นในศาสนา และมีความเชื่อแบบไทยๆ ในต้นปี 2530 ซึ่งเป็น ช่วงที่ชินกำลังป่วยหนัก เขาตัดสินใจไปบวช ที่วัดเทพศิรินทร์ และเดินทางไปจำพรรษาอยู่ที่วัดดอนธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนครถึง 16 วัน

เขามีความหวังว่าด้วยอานิสงส์จากการบวชของเขา จะส่งผลทำให้อาการของชินทุเลาขึ้น

หลังจากสึกจากการเป็นพระ ในวันมาฆบูชาของทุกปี ชัยจะต้องเดินทางไปทำบุญยังวัดแห่งนี้ และค้างคืน เพื่อนั่งวิปัสสนา

ในช่วงหลัง เขาได้พาพนักงานในสังกัดที่เขารับผิดชอบไปร่วมทำบุญด้วย จน ได้กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของพนักงาน กรุงเทพประกันภัย และโรงพยาบาลบำรุง ราษฎร์ ที่ต้องไปทำบุญร่วมกับชัยทุกๆ ปี

"ผมทำอย่างนี้ต่อเนื่องมา 15 ปีแล้ว"

(อ่านรายละเอียดใน "ผู้จัดการ" ฉบับเดือนเมษายน 2545)

โดยบุคลิก แม้คนภายนอกจะไม่ค่อยเห็นรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของชัยได้บ่อยครั้งนัก แต่แท้ที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่มากด้วยอารมณ์ขัน และพนักงานของเขาทุกคน ล้วนยืนยันว่าเขาเป็นคนใจดี

นี่อาจเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ใบหน้าของเขาไม่บ่งบอกเลยว่า เขาเป็นคนที่มีอายุใกล้ 60 ปีเข้าไปแล้ว

บุคลิกที่สำคัญที่สุดของชัย คือเขาเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเอง และมีความ เชื่อมั่นในตัวเองสูง

ในตอนเด็ก หลังจากเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 ชัยถูกชินผู้เป็นพ่อ ส่งไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย ในเวลาไล่เลี่ยกับที่ชาญ และโชติ พี่ชาย 2 คนของเขา ที่ได้เดินทาง ไปก่อนหน้านั้นแล้ว

"ช่วงนั้นเป็นช่วงสงครามเกาหลี และมีข่าวว่าอเมริกาจะเอาเครื่องบินมาทิ้งระเบิด ที่พรมแดนระหว่างเกาหลีเหนือกับจีน เพื่อกันไม่ให้ทหารจีนเข้ามาช่วย คนก็เลยกลัวกันว่าจะเกิดเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 พ่อก็เลยคิดจะส่งให้ลูกไปอยู่เมืองนอก ซึ่งตอนนั้นออสเตรเลียถือเป็นเมืองนอกที่อยู่ใกล้ที่สุด และยังมีคนไทยไปเรียนอยู่น้อยมาก" เขาเล่า

ลูก 4 คนแรกของชิน ที่เกิดกับบุญศรี ซึ่งประกอบด้วยชาญ โชติ ชัย และชดช้อย ทั้ง 4 คนถูกส่งไปเรียนที่ออสเตรเลียตั้งแต่ยังเด็ก และเมื่อเรียนจบชั้นมัธยม ก็จะเรียนต่อ ในระดับปริญญาตรีที่นี่กันเลยทุกคน

ยกเว้นชัยเพียงคนเดียวที่ขอไปเรียนต่อระดับปริญญาตรีที่สหรัฐอเมริกา

ส่วนเชิดชู ลูกชายคนเล็กถูกส่งไปเรียนที่อังกฤษ ตั้งแต่ชั้นประถมจนจบมหาวิทยาลัย

ชัยบอกถึงการตัดสินใจไปเรียนในสหรัฐอเมริกาช่วงนั้นว่า เพราะไม่ต้องการอยู่ใน ความดูแลของชาญ และโชติ

"ผมไปอเมริกาเพราะจะได้ไม่ต้องมีพี่ชาย 2 คน มาคอยดูแล"

การที่ได้มีโอกาสไปศึกษาในต่างประเทศตั้งแต่เด็ก ทำให้ชัยมีทัศนคติที่ไม่ค่อยดีนัก ต่อระบบการศึกษาของไทยในช่วงที่ผ่านมา

"ในเมืองไทย ห้องเรียนหนึ่ง มีนักเรียนถึง 30-40 คน และระบบการศึกษาของเราคือนักเรียนต้องฟังอย่างเดียวห้ามถาม ถ้าถามแล้วเดี๋ยวคนอื่นจะมองว่าไม่ฉลาด และ เมื่อต้องการจะเรียนให้เจาะลึกลงไปหน่อยก็ต้องไปเรียนพิเศษ แล้วอย่างนี้เด็กจะเอาเวลาว่างจากไหน เวลาก็ไม่มี โอกาสที่เด็กจะได้ออกกำลังกายก็ไม่มี"

ลูกๆ ของชัยทุกคน จึงถูกเขาส่งไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็ก โดยเป็นการไปเรียนต่อในระดับมัธยมปลาย จนถึงระดับปริญญาตรี

ชัยแต่งงานกับนุชนารถ ศุภพิพัฒน์ ลูกสาวของเจ้าของโรงสี และกิจการค้าวัสดุก่อสร้าง มีลูกด้วยกัน 5 คน เป็นลูกสาว 4 และลูกชาย 1

เขาวางพื้นฐานการศึกษาโดยให้ลูกๆ ของเขาทุกคนเข้าเรียนระดับประถมจนถึงมัธยมต้นในเมืองไทย

ลูกสาวเข้าเรียนที่โรงเรียนมาแตร์เดอี ส่วนลูกชายเรียนที่สาธิตประสานมิตร

หลังเรียนจบมัธยมต้นในเมืองไทย เขาส่งลูกทุกคนไปเรียนต่อระดับมัธยมปลายที่สหรัฐอเมริกา โดยทุกคนได้เข้าเรียนที่ Oregon Episcopal school ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำอยู่ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน

"โรงเรียนนี้เป็นของศาสนาคริสต์สายกลาง ที่ไม่เข้มงวดเท่าคาทอลิก แต่ก็เข้มกว่า เพรสไบเซนทีเรียน"

รัฐโอเรกอนเป็นรัฐที่อยู่ทางตะวันตกของสหรัฐฯ การที่ชัยส่งลูกมาเรียนที่นี่ จะแตกต่างจากคนไทยส่วนใหญ่ที่มักจะถูกส่งไปเรียนในฝั่งตะวันออก

แต่เขามีเหตุผล เพราะมีครอบครัวของคนอเมริกันที่เกษียณแล้วครอบครัวหนึ่งที่เขารู้จักเป็นอย่างดี คอยดูแลลูกๆ ของเขาให้

"โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนประจำ 1 ใน 2 แห่งที่ดีที่สุดของเมืองพอร์ตแลนด์ ห้องเรียนห้องหนึ่งมีนักเรียนเฉลี่ยประมาณ 12-15 คน และการจัดโต๊ะเรียนก็ไม่ใช่เรียงเป็นแถวแบบของไทย แต่ใช้จัดเป็นแบบวงกลม หรือรูปตัวยู"

หลังลูกๆ แต่ละคนเรียนจบระดับมัธยม ในการเลือกเรียนต่อระดับปริญญาตรีในแต่ละสาขา ชัยบอกว่าเขาให้ลูกๆ เลือกโดยอิสระ ไม่ได้บังคับ

ชนิดา ลูกสาวคนโตปัจจุบันอายุ 30 ปี หลังเรียนจบชั้นมัธยม ได้ไปเรียนปริญญา ตรีทางด้านการเงิน ต่อที่ Rochester University รัฐนิวยอร์ก และเข้าทำงานกับมอร์แกน สแตนเลย์ ที่สิงคโปร์ 1 ปี ก่อนที่จะไปเรียนต่อปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจที่ Massa- chusettes Institute of Technology (MIT) และได้กลับมาเมืองไทยในปี 2541 โดยเริ่มงานที่แรกในธนาคารกรุงเทพ

ปัจจุบัน ชนิดาเป็นกรรมการบริหาร ของบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง บริษัทหลักทรัพย์แห่งใหม่ของธนาคารกรุงเทพ ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้น

เลอลักษณ์ ลูกสาวคนที่ 2 ปัจจุบันอายุ 28 ปี จบปริญญาตรีทางด้านสถาปัตย์ จาก Smith College หลังเรียนจบได้ทำงานหาประสบการณ์อยู่ 2 ปี ก่อนที่จะเข้าเรียนต่อปริญญาโททาง Interior และสถาปัตย์ ที่ Rhode Island School of Design เพิ่งเรียนจบเมื่อปีที่แล้ว และกำลังทำงานหาประสบการณ์อยู่ในสหรัฐฯ

ชวาล ลูกชายคนที่ 3 ปัจจุบันอายุ 26 ปี จบปริญญาตรีจาก Rochester Institute of Technology นิวยอร์ก และเพิ่งเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโท สาขาประกันภัยอยู่ที่ St.Johns University

ชวนี ลูกสาวคนที่ 4 ปัจจุบันอายุ 24 ปี จบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ และภาษาจีน จาก Wellesley College ปัจจุบันกำลังศึกษาภาษาจีนอยู่ในกรุงปักกิ่ง และเตรียมตัวจะเดินทางไปเรียนต่อปริญญาโททางด้านการบริหารโรงพยาบาลที่ Columbia University นิวยอร์ก โดยจะเดินทางไปในเดือนกันยายนที่จะ ถึงนี้

ลสา ลูกสาวคนสุดท้อง ปัจจุบัน อายุ 22 ปี กำลังเรียนระดับปริญญาตรีทางด้าน International Relations และภาษาจีน อยู่ที่ Wellesley College ในชั้นปีที่ 3 โดยพื้นฐานเป็นคนชอบทางด้านกฎหมาย เมื่อเรียนจบคาดว่าจะเรียนในระดับปริญญาโททางด้านกฎหมายต่อในสหรัฐอเมริกา

ในวัยที่อายุใกล้ 60 ปี วันนี้ชัยยังคงต้องทำงานหนัก เพราะยังเหลือเวลาอีกหลายปี กว่าที่ลูกๆ ทุกคนของเขาจะเรียน จบแล้วกลับมาอยู่เมืองไทย

ในทางธุรกิจ เขาคงต้องตั้งความหวังไว้กับชวาล และชวนี ลูกคนที่ 3 และ 4 มากเป็นพิเศษ

นี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาบอกว่าเขายังมีภาระ ถ้าต้องรีไทร์ในช่วงนี้คงทำ ได้ลำบาก

เพราะเขายังต้องใช้เวลาอีกระยะ กว่าที่ลูกทุกคนโดยเฉพาะชวาลและชวนีจะเรียนจบ และสามารถรับภารกิจการสืบ ทอดต่อจากเขาไปได้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us