|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ สิงหาคม 2531
|
|
ครอบครัวจิราธิวัฒน์เจ้าของเซ็นทรัลกรุ๊ป เป็นครอบครัวที่มีลักษณะพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นมองในแง่ที่เป็นครอบครัวใหญ่ มีความกลมเกลียวเหนียวแน่นภายใต้การชี้นำของตระกูลแต่ละรุ่นโดยเฉพาะแมเนจเม้นท์ สไตล์ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือเบื้องหลังการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นลักษณะพิเศษที่ยากต่อการเลียนแบบ...
วันที่ 17 มิถุนายนนี้ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาหัวหมาก มูลค่า 600 ล้านบาท ได้ฤกษ์เปิดดำเนินงานถึงแม้จะไม่เสร็จสมบูรณ์ทั้งหมด แต่เพื่อความเป็นเจ้ายุทธจักรห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลจำเป็นต้องทำโดยเฉพาะอย่างยิ่งปีนี้เศรษฐกิจบูมมากเป็นพิเศษ และการแข่งขันก็ดุเดือดเป็นประวัติการณ์
ดูเหมือนปีนี้จะเป็นปีที่ห้างสรรพสินค้าเปิดศึกอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่งหลังจากปี 2527 ซึ่งเป็นปีที่มีห้างสรรพสินค้าผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด จนกระทั่งเผชิญมรสุมเศรษฐกิจทำให้หลายห้างล้มหายตายจากยุทธจักรไปก็มาก บ้างก็หลบเลียแผลใจ บ้างก็ปรับตัวกันขนานใหญ่ ที่สายป่านยาวก็รอวันเศรษฐกิจฟื้นตัวเพื่อโหมบุกหนักในวันข้างหน้า
ท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจและการต่อสู้อย่างดุเดือดเลือดพล่านชนิดใครดีใครอยู่ ห้างเซ็นทรัลยังคงดำรงความเป็นหนึ่งได้อย่างไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนเมื่อสี่ทศวรรษที่แล้ว
การมีอายุยาวนานถึงเพียงนี้คงไม่ใช่เรื่องโชคช่วยอำนวยพรอย่างเดียวเป็นแน่แท้ สำหรับธุรกิจที่ต้องต่อสู้แข่งขันและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาเช่นห้างสรรพสินค้า
ทุกวันนี้เซ็นทรัลมิเพียงต้องต่อกรกับคู่แข่งภายในประเทศอย่างเดอะมอลล์ ของตระกูลอัมพุชเท่านั้น คู่แข่งรายใหม่ ๆ เช่น โรบินสันก็สร้างความวิตกให้เซ็นทรัลอยู่ไม่น้อย นี่ยังไม่รวมบรรดายักษ์ใหญ่ต่างชาติเลือดอาทิตย์อุทัยซึ่งสายป่านยาวทั้งสิ้น อย่างเช่นไทยไดมารูซึ่งเป็นผู้บุกเบิกเป็นรายแรกซึ่งไปได้พอสมควรจนเพื่อนร่วมชาติพาเหรด เข้ามาร่วมลิ้มชิ้นปลามันเป็นทิวแถว
เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเรื่องราวที่ท้าทายโดยตรงเซ็นทรัลจะทำฉันใด จะรักษาเข็มขัดแชมป์ได้อย่างยาวนานสักเท่าใด เป็นเรื่องเป็นราวที่ตระกูลจิราธิวัฒน์ ควรจะเป็นผู้ไขข้อข้องใจนี้ เพราะนี่เตียง จิราธิวัฒน์ (เจ็งนี่เตียง) ต้นตระกูลจิราธิวัฒน์เป็นผู้ปั้นเซ็นทรัลมากับมือโดยมีทายาทรับช่วงกันมาเป็นทอด ๆ
นี่เตียง จิราธิวัฒน์ (เจ็งนี่เตียง) ผู้สร้างตำนานเซ็นทรัล
ถ้านี่เตียง จิราธิวัฒน์ ยังมีชีวิตอยู่จวบกระทั่งทุกวันนี้ เขาคงจะเป็นสุขเป็นอย่างมากที่ได้เห็นสิ่งที่เขาวางรากฐานประสบความสำเร็จ แต่ถึงวันนี้ไม่มีเขาอยู่จิราธิวัฒน์ทุกคนก็ต้องระลึกถึงเขาเพราะถ้าไม่มีเขาวันนี้คงไม่มีเซ็นทรัล
ชั่วชีวิตของนี่เตียงเป็นชีวิตที่ต้องต่อสู้มาโดยตลอด ตั้งแต่สมัยเกาะไหหลำเกิดภาวะวิกฤติทำให้เขาต้องระหกระเหเร่ร่อนมาสู่เมืองไทยตั้งแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
ที่จริงเวลาเพียงหนึ่งปีสำหรับคนอื่นอาจจะเป็นการลี้ภัยชั่วคราวเพียงเพื่อรอให้เหตุการณ์ที่บ้านเกิดเมืองนอนสงบเท่านั้น แต่สำหรับนี่เตียงแล้วมันคือการมาศึกษาดูลู่ทางอยู่กลาย ๆ เพราะเพียงหนึ่งปีเหตุการณ์ที่เกาะไหหลำสงบเขาก็เดินทางกลับมาตุภูมิระหว่างนั้นเขาก็ร่ำเรียนหาความรู้เพิ่มเติมอนาคตที่ประเทศไทย
พออายุ 21 ปี เขากลับมาเมืองไทยอีกครั้ง ทั้งนี้ไม่ใช่เนื่องมาจากการลี้ภัยเช่นครั้งก่อนแต่มัน เป็นการทุ่มเทชีวิตทั้งชีวิตกับแผ่นดินที่มิใช่บ้านเกิดเมืองนอน
มันเป็นการเสี่ยงโชคเหมือนกับชาวจีนโพ้นทะเลอื่น ๆ แต่เขาโชคดีตรงที่การเริ่มต้นครั้งแรกมีพ่อตาเป็นผู้ช่วยอีกแรงหนึ่ง
นี่เตียงเริ่มงานครั้งแรกที่ร้านพงอั้นเหลาซึ่งเป็นร้านขายข้าวสารและสินค้าเบ็ดเตล็ดของพ่อตาแถว ๆ ท่าช้าง วังหน้า
เขาฝึกวิทยายุทธ์ได้สองปีก็ถึงเวลาที่ต้องเป็นเถ้าแก่เองเมื่อพ่อตาเห็นลูกเขยน่าจะไปตั้งร้านรวงได้แล้ว เพื่อเป็นการสร้างอนาคต ด้วยเงินทุน 300 บาท ซึ่งพ่อตามอบให้เป็นทุนรอนถือเป็นจุดตั้งต้นของธุรกิจส่วนตัวของเขา
นี่เตียงเริ่มธุรกิจเหมือนกับพ่อตาคือเปิดร้านขายของเบ็ดเตล็ดและเครื่องดื่มชื่อเข่งเซ่งหลีอยู่แถว ๆ บางขุนเทียน นอกจากนี้ยังเพิ่มรายได้ด้วยการล่องเรือเล็ก ๆ ลำหนึ่งที่เขาซื้อไว้บรรทุกของขายตามน้ำย่ายฝั่งธนซึ่งสมัยก่อนยังคงผูกชีวิตไว้กับแม่น้ำลำคลองอยู่อย่างเหนียวแน่น
นี่เตียงใช้ช่วงเวลาที่บางขุนเทียนขายของเก็บเงินสะสมทุนรอนด้วยความกระเหม็ดกระแหม่วิริยะอุตสาหะจนหลายคนค่อนแคะว่าได้ดีเพราะขี้เหนียว
แต่เพราะความขี้เหนียวนี่แหละที่เป็นฐานะสะสมทุนให้เขาก้าวจากร้านโชวห่วยเล็ก ๆ ที่บางขุนเทียนไปสู่ร้าน GROCERY ที่สี่พระยาซึ่งเริ่มต้นด้วยการสั่งหนังสือจากต่างประเทศมาจำหน่าย และที่สี่พระยาเช่นกันที่เขาเริ่มธุรกิจกับธนาคารโดยการกู้เงินธนาคารเป็นครั้งแรกซึ่งชาวจีนโพ้นทะเลในระยะตั้งตัวไม่นิยมกระทำกันแต่นี่เตียงก็เป็นหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนที่แหวกประเพณีนี้รวมถึงเหล่าทายาทของเขาที่ปฏิบัติตามประเพณีที่เขาเป็นผู้เริ่มต้นด้วย
การกู้เงินจากธนาคารมาทำธุรกิจของนี่เตียงภายในแนวความคิดที่ถูกต้องเพราะการเติบโตแบบก้าวกระโดดเล็ก ๆ ก็มาจากเงินกู้ของธนาคารด้วยเช่นกัน
นี่เตียงประสบความเฮงมาก ๆ ก็เมื่อครั้งหลังสงครามเกาหลียุติ เศรษฐกิจตกต่ำรัฐบาลควบคุมสินค้านำเข้า ช่วงนั้นทำให้ความต้องการสินค้าจากนอกสูงมาก ๆ เรียกว่าใครตุนสินค้าไว้ก็มีโอกาสฟันกำไรแบบรวยไม่รู้เรื่อง
นี่เตียงก็จัดอยู่ในประเภทนั้น สินค้าที่เขาสั่งมาก่อนรัฐบาลจะมีนโยบายควบคุมนั่นเอง ที่ทำให้เขาฟันกำไรได้ระดับหนึ่งซึ่งก็มากจนกระทั่ง ทำให้สามารถซื้อที่ดินหน้าโรงเรียนอัสสัมชัญที่เรียกว่าตรอกโรงภาษีเก่าได้ เพียงเวลาสี่ปีหลังจากย้ายมาอยู่สี่พระยาเท่านั้น
เมื่อซื้อที่ดินได้เขาก็ย้ายมาอยู่ตรอกโรงภาษีเก่าทันที เนื่องจากที่เดิมเป็นที่เช่า จะลงทุนอย่างเต็มตัวก็ไม่ค่อยถนัดนัก ฉะนั้นเมื่อมาอยู่ที่ใหม่สินค้าในร้านก็หลากหลายมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการขายส่ง
ช่วงเวลานั้นลูก ๆ สามคนจากภรรยาคนแรกของเขาก็เริ่มจะช่วยพ่อทำธุรกิจได้บ้างแล้ว
ทั้งสามถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ภาษาอังกฤษเพราะเรียนที่อัสสัมชัญ ดังนั้นการติดต่อกับต่างประเทศจึงเป็นหน้าที่ของเขาเหล่านี้
หลังจากสะสมวิทยายุทธ์ด้านการขายส่งและปลีก จนมีชั้นเชิงถึงขั้นตกผลึกกอรปกับทุนรอนที่หนาแน่นตามกาลเวลา ทำให้นี่เตียงพัฒนาไปอีกขั้น
ห้างเซ็นทรัลจึงได้ฤกษ์กำเนิดในยุทธจักรซึ่งถือเป็นต้นแบบห้างสรรพสินค้าของเมืองไทยในเวลาต่อมา
เซ็นทรัลเริ่มก่อตั้งครั้งแรกที่วังบูรพาซึ่งในเวลานั้นเป็นศูนย์กลางการค้าแห่งใหม่ที่กำลังบูม ใคร ๆ ก็อยากเปิดร้านค้าแถว ๆ นั้นเช่นกัน นี่เตียงเองก็อยากเปิดและต้องเปิดให้วิลิศมาหรากว่าเดิมด้วย เพราะจนถึงวันนี้นี่เตียง (ปี 2499) อยู่เมืองไทยแล้ว 35 ปี ยาวนานจนต้องทำอะไรสักอย่างที่อาจจะกลายเป็นตำนานในวันข้างหน้า
ตำนานเซ็นทรัลก็เริ่มขึ้นเมื่อนี่เตียงไปรู้มาว่าแถววังบูรพายังมีที่ผืนหนึ่งว่างอยู่ เป็นที่ที่โอสถ โกสิน นักพัฒนาที่ดินในยุคนั้นเก็บเอาไว้ให้ธนาคารนครหลวงไทย เจ็งนี่เตียงก็เลยได้โอกาสตะครุบซื้อไว้ และกลายเป็นที่ตั้งห้างเซ็นทรัลวังบูรพาที่รู้จักตราบจนทุกวันนี้
เซ็นทรัลวังบูรพาประสบความสำเร็จมาก ๆ ทำให้นี่เตียงมีกำลังใจขยายอาณาจักรไปสู่เยาวราช และราชประสงค์แต่ต้องถอยกรูดในเวลาต่อมา เนื่องด้วยพ่ายแพ้ร้านโชวห่วยที่เยาวราชและตกเป็นรองไดมารูที่ราชประสงค์
นี่เตียงหลบเลียแผลใจอยู่นานถึงปี 2511 เซ็นทรัลสีลมจึงถือกำเนิดขึ้นเป็นแห่งที่สองหลังห้างที่วังบูรพา 12 ปี ค่าก่อสร้างสูงกว่า 3 เท่า
เซ็นทรัลสีลมที่นี่เตียงตั้งใจจะให้ย้อนรอยความสำเร็จเซ็นทรัลวังบูรพา แต่ความหวังของนี่เตียงเป็นหมัน เซ็นทรัลสีลมไม่รุ่งอย่างที่คิด และในปีนั้นนี่ เตียง จิราธิวัฒน์ ก็อำลาโลก
เป็นการจบชีวิตของนักสู้และนักบุกเบิกห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของเมืองไทย
ชีวิตของนี่เตียง จบลงแล้ว แต่สำหรับลูก ๆ ของเขาแล้วมันเพิ่งจะเริ่มต้น
เซ็นทรัลยุคสองฝ่าวิกฤติ สัมฤทธิ์นำนาวา
สัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ เป็นลูกชายคนโตรับภารกิจอันหนักหน่วงสืบต่อมาจากบิดา "ไม่มีพินัยกรรม เราได้ทางแบงก์ช่วย เขาถามว่าทางเราจะรวมได้ไหม เขาจะแขวนหนี้ไว้สามปี เนื่องจากครอบครัวดูแลตามอายุ ทุกคนเห็นด้วยให้พี่ใหญ่จัดการ" วันชัยเล่าเหตุการณ์ในช่วงนั้นให้ทราบ
เมื่อได้รับความกรุณา จากบรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายแถมให้กู้เพิ่มเติม สัมฤทธิ์จึงมีกำลังใจฟันฝ่าอุปสรรคที่โหมกระหน่ำท่ามกลางความร่วมมือร่วมใจของน้อง ๆ จำนวนมากโดยเฉพาะวันชัยและสุทธิพร น้องรุ่นแรกที่ร่วมงานกับเขา
สัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ นับเป็นผู้นำอันเข้มแข็งสมกับที่น้อง ๆ มอบความไว้วางใจ เขาเป็นผู้ช่วยบิดาของเขาในการก่อตั้งเซ็นทรัลมาตั้งแต่แรก ว่ากันว่าการก่อตั้งห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลวังบูรพานั้นเป็นผลมาจากการเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้ง และเห็นวิวัฒนาการการค้าปลีกซึ่งออกมาในรูปห้างสรรพสินค้า และเขาปรึกษากับพ่อและน้อง ๆ อันนำมาซึ่งการก่อเกิดของต้นแบบห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของเมืองไทย
ฉะนั้นการที่เขาเป็นผู้นำจิราธิวัฒน์รุ่นที่สอง จึงมิใช่เริ่มต้นจากศูนย์ในแง่ความรู้ประสบการณ์ แต่เริ่มจากเค้าหน้าตักที่สะสมไว้สมัยเป็นผู้ช่วยของเจ็งนี่เตียง กอปรกับการผ่านความยากลำบากร่วมกับบิดาหลายช่วงทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นตามภาวะที่ประสบ
ความใกล้ชิดกับบิดาทำให้เขาซึมซับแนวคิดและมุมมองบางประการจากนี่เตียงมาบ้างไม่มากก็น้อย ประการหนึ่งก็คือความเป็นนักวางแผนและมองการณ์ไกล ซึ่งสุทธิเกียรติน้องชายสัมฤทธิ์ก็ยอมรับความจริงในข้อนี้
หากจะกล่าวกันไปแล้วการทำธุรกิจนอกจากจะอาศัยฝีมือแล้วโชคและจังหวะยังเป็นปัจจัยสำคัญด้วย หากหวนพิจารณากรณีของสัมฤทธิ์แล้วก็ต้องบอกว่าเขาเฮงอย่างมาก ๆ ด้วย เขาไม่เพียงโชคดีที่สามารถแก้ปัญหาด้านการเงินที่ถูกรุมเร้ามาโดยตลอดเนื่องจากห้างเซ็นทรัลสีลมขาดทุนต่อเนื่องถึงสองปีติดต่อกัน แต่ยังได้รับความร่วมมือจากน้อง ๆ จำนวนมาก โดยไม่ปรากฏการณ์แก่งแย่งสมบัติใด ๆ ทั้งสิ้นจากตระกูลนี้ หรืออาจจะเป็นเพราะว่านี่เตียงไม่ได้ทิ้งมรดกใด ๆ ไว้ก็ได้นอกจากหนี้ก้อนมหึมาที่แทบจะล้มทับตระกูลจิราธิวัฒน์อยู่รอมมะร่อ
เรื่องราวประเภท "ศึกสายเลือด" อะไรทำนองนั้น จึงไม่มีในจิราธิวัฒน์เลยจะมีก็แต่การสมัครสมานสามัคคีร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าวิกฤตซึ่งโถมกระหน่ำจิราธิวัฒน์เสียอ่วมอรทัย
วินาทีนั้นพวกเขาต้องการกัปตันผู้กรำศึกมาอย่างโชกโชนเพื่อนำนาวาเซ็นทรัลผจญมรสุมครั้งนี้
สัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ก็ไม่ทำให้จิราธิวัฒน์ผิดหวัง หลังจากฝ่าวิกฤติด้านการเงินซึ่งเป็นปัญหาหนักอกไปได้แล้ว เขาก็เลยสลายปัญหาการตลาดซึ่งเป็นปัญหาพื้นฐานของธุรกิจค้าปลีกจักต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
สัมฤทธิ์แก้ปัญหาด้วยการจัดแสดงนิทรรศการแสดงสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นยุทธวิธีเรียกคนเข้าห้างอย่างค่อนข้างได้ผล สถานการณ์ดีขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากฝีมือแล้วยังเป็นเพราะย่านสีลมค่อย ๆ กลายเป็นย่านธุรกิจซึ่งได้รับการขนานนามว่าวอลสตรีทเมืองไทยในเวลาต่อมาอันสะท้อนถึงกำลังซื้อของประชาชนในแถบนั้น
งานนี้เรียกว่าสัมฤทธิ์แก้วิกฤติได้ เพราะเก่งและเฮงคงไม่ผิด
ผลงานในครั้งนั้นเป็นการเพิ่มพูนบารมีของเขาไปอีกขั้น การเป็นผู้นำรุ่นที่สองของจิราธิวัฒน์ของเขามิเพียงได้มาเพียงเพราะเขาเป็นพี่ใหญ่เท่านั้น แต่เพราะว่าเขามีกึ๋นต่างหากอีกด้วย
หลังจากจัดการแก้ปัญหาหนักอกตั้งแต่สมัยพ่อสำเร็จเรียบร้อยแล้วที่ห้างเซ็นทรัลสีลม สัมฤทธิ์ก็หันกลับไปมองที่แถบย่านราชประสงค์อีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ถอยทัพกลับอย่างผู้พ่ายแพ้เมื่อหลายปีก่อน
หลังจากปรับกระบวนยุทธ์สำเร็จสยบปัญหานานัปการเซ็นทรัลชิดลมจึงอุบัติขึ้นเมื่อปี 2517 กลายเป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยในเวลานั้น
จนกระทั่งเซ็นทรัลชิดลมอยู่ตัวดีแล้ว หลายช่วงปี 2523 จิราธิวัฒน์เริ่มสร้างวีรกรรมอีกครั้งโดยการสวนกระแสเศรษฐกิจสร้างห้างสรรพสินค้าและโรงแรมขึ้นที่บริเวณสามเหลี่ยมลาดพร้าวท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยสูงและเศรษฐกิจตกต่ำกอปรกับภาวะความมั่นคงของประเทศอยู่ในภาวะง่อนแง่นคลอนแคลนเนื่องจากความหวาดเกรงในทฤษฎีโดมิโน
จิราธิวัฒน์-เซ็นทรัล ยังเป็นธุรกิจครอบครัวอีกนานตราบเท่าที่ต้องการ
จนถึงทุกวันนี้จิราธิวัฒน์ยังเป็นผู้ครอบครองอาณาจักรเซ็นทรัลแต่เพียงตระกูลเดียว มีเพียงโรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่าเท่านั้นที่ตระกูลเตชะไพบูลย์ถือหุ้นด้วยเพียง 5% นัยว่าเข้ามาถือหุ้นในฐานะเจ้าหนี้ที่แปลงหนี้เป็นหุ้น
มีคำถามไม่น้อยสงสัยว่าทำไมจิราธิวัฒน์จึงยังคงดำรงความเป็นธุรกิจครอบครัวอย่างเหนียวแน่นไว้ได้ ในขณะที่ธุรกิจครอบครัวอื่น ๆ ทยอยกันล่มสลายบ้างก็ค่อย ๆ แปรสภาพกลายเป็นบริษัทมหาชน บางตระกูลกิจการของชนรุ่นก่อนถูกเทคโอเวอร์ไปในเวลาไม่นาน หลังจากผู้ก่อตั้งสิ้นชีวิตลง บ้างก็ยังดำรงความเป็นธุรกิจครอบครัวอยู่ได้เพราะกินบุญเก่า เมื่อไรบุญเก่า ๆ หมดก็คงจะหลีกเลี่ยงชะตากรรมไม่พ้น
บางตระกูลก็พยายามปรับเปลี่ยนนำลูกหลานรุ่นใหม่ ๆ เข้าดำเนินธุรกิจแทนรุ่นก่อตั้ง แต่ทายาทรุ่นหลัง ๆ ไม่มีความสามารถพอ จนทำเอากิจการที่บรรพบุรุษสร้างสมไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร บางครอบครัวก็เกิดปัญหาร้าวฉานกันภายในครอบครัวตั้งแต่ระหว่างพี่น้อง หรืออาหลานอะไรเทือกนั้น ปัญหาเหล่านี้ทำเอาธุรกิจครอบครัวหลาย ๆ แห่งซวดเซไปตาม ๆ กัน
แต่กับจิราธิวัฒน์ ซึ่งก่อตั้งห้างเซ็นทรัลนับถึงทุกวันนี้ก็กว่า 40 ปี แล้วไฉนยังดำรงตนอยู่ตราบจนทุกวันนี้บนความสำเร็จอันเป็นที่น่าพึงพอใจ
"ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากวัฒนธรรมประจำตระกูลของจิราธิวัฒน์" นักวิเคราะห์ผู้ติดตามกลุ่มนี้มาโดยตลอดให้ข้อสังเกต
วัฒนธรรมของจิราธิวัฒน์เริ่มสถาปนาอย่างเป็นทางการตั้งแต่นี่เตียงยังไม่ลาโลก เขาเน้นระบบอาวุโส ซึ่งเป็นระบบที่ชาวจีนส่วนใหญ่นิยมยึดถือ แต่มีไม่กี่ตระกูลเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติ ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นมีจิราธิวัฒน์อยู่ด้วย
ด้งนั้นหลังจากที่นี่เตียง จิราธิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งห้างเซ็นทรัลลาโลกไปแล้ว โดยไม่สั่งเสียสัมฤทธิ์จึงรับตำแหน่งประมุขครอบครัวโดยอัตโนมัติ และสามารถนำนาวาเซ็นทรัลฝ่ามรสุมหลายต่อหลายครั้งเป็นผลสำเร็จ
การมองการณ์ไกลซึ่งตกทอดมาตั้งแต่รุ่นพ่อ เขาทำให้ทำอะไรที่ดูจะเป็นการฝืนภาวะเศรษฐกิจอยู่เนือง ๆ ดังเช่นการตัดสินใจในการทุ่มทุนนับพันล้านบาทในการก่อสร้างห้างเซ็นทรัลพลาซ่าที่ลาดพร้าว และรวมถึงการกระโจนเข้าสู่ธุรกิจโรงแรมระดับชาติ อย่างการสร้างโรงแรมไฮแอทเซ็นทรัล เป็นการตัดสินใจที่ผู้ยิ่งใหญ่ในวงการสมัยนั้นถือว่าเป็นวีรกรรม
ห้วงเวลานั้นประเทศไทยเป็นที่หวาดเกรงกันว่าจะเป็นประเทศที่จะกลายเป็นคอมมิวนิสต์ตามทฤษฎีโดมิโน เศรษฐีระดับเงินถุงเงินถังหลายสิบรายเตรียมขนเงินออกนอกประเทศ เมืองไทยในช่วงนั้นอึมครึมถึงที่สุด
เวลานั้นสัมฤทธิ์มิเพียงลงทุนมหาศาลสร้างเซ็นทรัลพลาซ่าเท่านั้น ยังเริ่มก่อสร้างห้างเซ็นทรัลที่ลาดหญ้า ย่านฝั่งธน และที่วังบูรพา (2) ควบคู่กันไปด้วย
ผลปรากฎว่าปัจจุบันห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าวกลายเป็นธงนำของอาณาจักรเซ็นทรัล
สิ่งเหล่านี้นับเป็นการตอกย้ำ ถึงความสามารถในการเป็นผู้นำของสัมฤทธิ์และเพิ่มพูนบารมีจนถึงขั้นตกผลึก
สัมฤทธิ์ใช้ลักษณะสไตล์การบริหารแบบเถ้าแก่ "เพื่อความคล่องตัวในการตัดสินใจ" วันชัยว่า แต่สัมฤทธิ์ในปัจจุบันมิได้ตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียวเฉกเช่นอดีต แต่จะมีคีย์แมน 5 คน ซึ่ง "ผู้จัดการ" ขอเรียกว่าเป็นกลุ่มห้าเสือ อันประกอบด้วย สัมฤทธิ์ วันชัย สุทธิพร สุทธิชัย และสุทธิเกียรติ ทำหน้าที่ตัดสินใจในระดับนโยบาย
เรื่องสำคัญ ๆ ที่ต้องอาศัยการตัดสินใจอย่างเฉียบพลันล้วนแล้วแต่เป็นผลมาจากการตัดสินใจของ "กลุ่มห้าเสือ" ทั้งสิ้น อย่างเช่นการตัดสินใจสร้างเซ็นทรัลพลาซ่าที่ลาดพร้าว
การตัดสินใจในระบบเถ้าแก่ของกลุ่มห้าเสือหลายต่อหลายครั้งได้พิสูจน์ว่าเป็นผลดีเพราะสามารถฉกฉวยโอกาสสร้างความได้เปรียบต่อคู่แข่งอย่างไดมารู ซึ่งต้องผ่านบอร์ดหลายชั้นอันนำมา ซึ่งความล่าช้าในการตัดสินใจ
แต่นับวันกลุ่มเซ็นทรัลจะขยายอาณาจักรใหญ่ขึ้นไปทุกที
ปัจจุบันอาณาจักรเซ็นทรัลมิเพียงมีห้างสรรพสินค้าที่ลาดพร้าว วังบูรพา สีลม ชิดลม ลาดหญ้าเท่านั้น แต่ยังขยายธุรกิจไปสู่โรงแรมซึ่งประกอบไปด้วยโรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่า ซึ่งเมื่อแรกตั้งก็อยู่ในเชนของไฮแอท แต่ต่อมาก็บริหารเอง หรือยังได้ขยายตัวสู่โรงแรมระดับต่างจังหวัดท่องเที่ยวที่หัวหิน คือโรงแรมโซฟิเทลหัวหิน
นอกจากนี้อาณาจักรเซ็นทรัลยังเคลื่อนตัวเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตมากยิ่งขึ้นอันเป็นผลมาจากการมีเครือข่ายห้างสรรพสินค้ามากมาย นอกจากจะซื้อสินค้าจากบรรดาผู้ผลิตแล้ว ยังเป็นเอเย่นต์จำหน่ายสินค้าชื่อดังจากต่างประเทศหลายยี่ห้อ
พร้อม ๆ กับการขยายอาณาจักรเซ็นทรัลออกไป จิราธิวัฒน์ก็ต้องอาศัยทรัพยากรคนมากเป็นเงาตามตัว ซึ่งแน่นอนว่าก็ต้องเป็นของจิราธิวัฒน์เช่นกัน เพราะเซ็นทรัลเป็นธุรกิจครอบครัวการจะอาศัยคนนอกเป็นเรื่องสุดท้ายที่พวกเขาจะนึกถึง
ปัญหาเรื่องทรัพยากรบุคคลของกลุ่มเซ็นทรัลแทบจะหมดไป เพราะเจ็งนี่เตียงไม่เพียงเป็นนักสู้และนักบุกเบิกตัวยงแต่เขายังเป็นนักผลิตทายาทตัวฉกาจอีกด้วย จากภรรยา 3 คน ก่อเกิดเป็นทายาท 26 คน ในรุ่นที่สอง นอกจาก "กลุ่มห้าเสือ" แล้วยังมีเหล่าน้อง ๆ ของกลุ่มห้าเสืออีก 21 คน ซึ่งเป็นชาย 14 หญิง 12 รุ่นที่สองเหล่านี้ต่างแยกย้ายกันปฏิบัติหน้าที่ในอาณาจักรเซ็นทรัลประดุจใยแมงมุม ครอบคลุมตำแหน่งสำคัญ ๆ ทางด้านการบริหาร
นอกจากลูกชายและลูกสาวแล้ว ยังมีเหล่าสะใภ้อีก 12 คน ซึ่งต่างก็วนเวียนอยู่ในเซ็นทรัลเช่นกัน
นอกจากจิราธิวัฒน์รุ่นสองแล้ว ยังมีรุ่นสามซึ่งปัจจุบันโตพอจะทำงานได้ประมาณ 16 คน แต่ที่ปฏิบัติงานจริง ๆ ตอนนี้มีประมาณ 11 คน ซึ่งต่างคนต่างก็แยกย้ายเข้าเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทในอาณาจักรเซ็นทรัลควบคุมทรัพย์สมบัติของตระกูล
ส่วนจิราธิวัฒน์รุ่นสี่ปัจจุบันมีสามคน หากจะนับรวมที่เกิดจากหลานสาวด้วยก็จะกลายเป็น 15 คน นั่นหมายความว่าสายเลือดจิราธิวัฒน์ในวันนี้มีร่วมร้อยคน พวกเขาเหล่านั้นเป็นอนาคตของเซ็นทรัล ซึ่งเดินทางตามแนวทางที่รุ่นสองวางไว้นับเป็นกลุ่มปฏิบัติการที่มีการทำงานอย่างเป็นระบบ เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น มีการพบปะพูดคุยกันอยู่เสมอ "เดี๋ยวนี้ระบบงานดีขึ้นมาก" สมาชิกจิราธิวัฒน์คนหนึ่งเล่า
เรียกว่าคนตระกูลจิราธิวัฒน์แทบทั้งหมดจะร่วมอยู่ในอาณาจักรเซ็นทรัลแทบทั้งสิ้น ยกเว้นบางคนที่ต้องทำงานใช้ทุน หรือบางคนแต่งงานกับชาวต่างชาติ หรืออยู่ในระหว่างการศึกษาต่อเท่านั้น
คนเหล่านี้ต่างอยู่ภายใต้การปกครองของประมุขสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ ผู้กุมบังเหียนอาณาจักรเซ็นทรัลในปัจจุบัน
อาณาจักรของตระกูลจิราธิวัฒน์ขยายตัวออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง เช่นเดียวกับการเติบโตของเหล่าทายาทรุ่นที่สองและสาม พร้อม ๆ กับโครงสร้างการบริหารที่เปลี่ยนแปลงไป
จวบกระทั่งปัจจุบันเซ็นทรัลมีการจัดโครงสร้างที่เป็นระบบการบริหารสมัยใหม่ มีการแบ่งงานกันทำ ซึ่งแต่ละคนต่างก็แยกย้ายกันควบคุมตำแหน่งสำคัญ ๆ ไว้ ทายาทฝ่ายชายเข้าควบคุมตำแหน่งฝ่ายบริหาร ฝ่ายหญิงเข้าคุมตำแหน่งสำคัญด้านบัญชีและการเงิน
วันนี้จิราธิวัฒน์จัดกระบวนดีขึ้นภายใต้การนำของพี่ใหญ่ แต่วันข้างหน้าอาจจะมีปัญหา เพราะ จิราธิวัฒน์ทุกวันนี้ทายาทต่าง ๆ มากมายนับร้อย ยิ่งคนมากปัญหาก็มากเป็นเงาตามตัว การกระทบกระทั่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ "คงไม่มีปัญหาตราบเท่าที่สัมฤทธิ์ยังเป็นผู้นำอยู่ เพราะบุคลิกอันเข้มแข็งของเขา อีกทั้งบารมีขั้นสูงสุด" นักวิเคราะห์ให้ความเห็น
ส่วนเหตุการณ์ภายนอกนั้นเล่า ความเข้มข้นของการแข่งขันซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกทีบีบบังคับให้เซ็นทรัลเข้าสู่สถานการณ์สู้รบอีกครั้งหนึ่ง และเป็นครั้งดุเดือดมากกว่าทุกครั้ง เพราะคู่ต่อสู้ครั้งนี้เข้มแข็งมากกว่าครั้งก่อน ๆ
หลังจากเร่งเปิดสาขาที่หัวหมากทั้งที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดีแล้วข่าววงในยังแย้มพรายว่ากำลังจะทุ่มทุนอีกจำนวนมหาศาลเพื่อสร้างเซ็นทรัลพลาซ่า ทำนองเดียวกับที่ลาดพร้าวบริเวณย่านฝั่งธนฯ อีกด้วย หลังจากที่ปล่อยให้ห้างพาต้าของวินัย เสริมศิริมงคล บุกเบิกล่วงหน้าไปหลายปี จวบกระทั่งปัจจุบันห้างเดอะมอลล์ก็ล้ำหน้าเซ็นทรัลไปอีกก้าว เพราะจนถึงทุกวันนี้เดอะมอลล์ลงเสาเข็มไปแล้ว
วันนี้เซ็นทรัลจึงเตรียมพร้อมเต็มอัตราศึกอีกครั้งหนึ่ง เพื่อบดขยี้คู่แข่งให้ราบเป็นหน้ากลอง
ในอีกทางหนึ่งนั้นเซ็นทรัลเริ่มสยายปีกครอบครอบตลาดของร้านโชวห่วยเริ่มโครงการเซ็นทรัลมินิมาร์ท ซึ่งว่าไปแล้วก็เป็นการสกัดการเติบโตของเซเว่นอีเลฟเว่นและบิ๊กเซเว่น ซึ่งกำลังฮึกเหิมกันทั้งคู่ ฝ่ายแรกเปิดฉากฟ้องร้องฝ่ายหลังกันอุตลุด ทั้ง ๆ ที่ฝ่ายแรกยังไม่ได้เข้ามาเปิดอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ กลายเป็นว่าเซ็นทรัลกลายเป็นตาอยู่คว้าพุงมันไปครอง
ว่ากันว่าการขยายอาณาจักรเพื่อเข้าครอบครองตลาดโชวห่วยในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองกับบรรดาซับพลายเออร์และในอีกทางหนึ่งก็เป็นการหางานให้เหล่าทายาทฝึกงาน
วันข้างหน้าของการคงอยู่ของอาณาจักรเซ็นทรัลยังเป็นเรื่องท้าทายมาก ๆ ถ้าจิราธิวัฒน์ยังคงสงวนความเป็นปึกแผ่นของตระกูลได้ดังปัจจุบัน ยังบริหารเงินอย่างเฉียบขาดและบริหารการตลาดได้อย่างเกรียงไกร ตราบนั้นก็ยังไม่มีปัญหา
แต่ถ้าวันใดสิ่งเหล่านี้สลายลงเมื่อไร เมื่อคิดก็เสียวเสียแล้ว ก็ขึ้นอยู่ว่า "จิราธิวัฒน์" จะเอาอย่างไร
|
|
|
|
|