กลุ่มชินธรรมมิตร์ รุกตลาดอสังหาฯ เปิดโครงการหรูโบ๊ทเฮ้าส์ หัวหิน มูลค่า 4,000 ล้าน ร่วมทุน "ประไพสิทธิ์ ตัณฑ์เกยูร" ผู้บริหารเดิมไพม์เนเจอร์ พร้อมดึงหม่อมตรีทศยุทธร่วมออกแบบ ชูจุดขายติดทะเล พื้นที่ส่วนกลาง 60% ระบุกลุ่มดุสิตธานีทาบนำคอนโดฯกว่า 100 ยูนิต ทำไทม์แชร์ริ่ง
นายสมชาติ ชินธรรมมิตร์ กรรมการบริษัท โบ๊ทเฮ้าส์ หัวหิน จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มครอบครัวชินธรรมมิตร์ ในปัจจุบันทำธุรกิจหลัก ได้แก่ บริษัทน้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน), บริษัทราชาชูรส จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับกลุ่มทุนใต้หวัน ถือหุ้น 41%, บริษัทอุตสาหกรรมแป้งไทย จำกัด, บริษัทบางกองอินเตอร์ฟู้ด จำกัด และบริษัทเว็ลแมเนจเม้นท์ ซิสเต็ม จำกัด
แต่เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีความน่าสนใน และเคยอยู่คลุกคลีอยู่กับธุรกิจนี้มานานแล้ว จึงได้ร่วมกับนายประไพสิทธิ์ ตัณฑ์เกยูร ผู้บริหารเดิมของบริษัทไพร์มเนเจอร์ วิลล่า จำกัด จัดตั้งบริษัท โบ๊ทเฮ้าส์ หัวหิน จำกัด ขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท โดยนายสมชาติ ได้ร่วมกับน้องอีก 2 คน คือนายสมเกียรติ นายสมภพ ชินธรรมมิตร์ ถือหุ้นในสัดส่วน 78% ส่วนอีก 22% เป็นของนายประไพสิทธิ์
ล่าสุดบริษัทได้เปิดขายโครงการโบ๊ทเฮ้าส์ หัวหิน จังหวัดเพชรบุรี บนเนื้อที่กว่า 73 ไร่ มูลค่า 4,000 ล้านบาท พื้นที่โครงการอยู่ระหว่างโครงการสมประสงค์คอนโดมิเนียมและดุสิต รีสอร์ท ใกล้สนามกอล์ฟ ปาล์มฮิลล์, สนามกอล์ฟ สปริงฟิลด์ และสนาม กอล์ฟ มาเจสติก มีพื้นที่ติดทะเลหน้ากว้าง 80 เมตร ซึ่งนับว่าเป็นทำเลที่ดีมาก โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ดินแปลงสวยๆ ในหัวหินหายากและมีราคาสูง
นายสมชาติ กล่าวว่า สำหรับที่ดินแปลงดังกล่าวบริษัทได้ประมูลซื้อทรัพย์สินรอการขาย (เอ็นพีเอ) มาจากธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) ในราคาไร่ละ 4 ล้านบาท รวมค่าพัฒนาแล้วตกไร่ละกว่า 6 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาตลาด ณ ปัจจุบันอยู่ที่ราคาไร่ละ 8 ล้านบาท ส่วนเม็ดเงินลงทุนนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างเลือกสถาบันการเงินในการขอสินเชื่อโครงการ ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนของบริษัทและเงินกู้ประมาณ 1 : 2.5
โครงการ โบ๊ทเฮ้าส์ หัวหิน พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวขนาด 2-3 ชั้น ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 8.5-25 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น Beach Front Villa จำนวน 14 ยูนิต ขนาดที่ดิน 50-100 ตร.ว., บ้านเดี่ยว 3 ชั้น Central Lagoon Villa จำนวน 19 ยูนิต ขนาดที่ดินตั้งแต่ 86-184 ตร.ว., บ้านแฝด 3 ชั้น Semi-Detached House จำนวน 46 ยูนิต ขนาดตั้งแต่ 41-70 ตร.ว.
ส่วนคอนโดมิเนียม มีจำนวน 4 อาคาร รวม 385 ยูนิต มีขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 93-330 ตร.ม. ทั้งนี้บริษัทได้จัดสรรพื้นที่ขายเพียง 40% ส่วนอีก 60% เป็นพื้นที่ส่วนกลางและสันทนาการ จากพื้นที่ทั้งหมด 73 ไร่ นอกจากนี้ยังพัฒนาสวนขนาดใหญ่ทอดยาวต่อเนื่องกับสระว่ายน้ำขนาด 15,000 ตร.ม. มูลค่า 200 ล้านบาท พร้อม Infinity Pool โดยสระว่ายน้ำเชื่อมติดหน้าบ้านทุกหลังยาวจนถึงหน้าทะเล โดยโครงการจะเริ่มก่อสร้างในอีก 6 เดือนข้างหน้าหรือประมาณเดือนตุลาคม 2548 และมีกำหนดสร้างเสร็จทั้งโครงการในปี 2551
นายสมชาติ กล่าว โครงการดังกล่าวจะเริ่มเปิดขายในเฟสแรก เป็นบ้านจำนวน 60 ยูนิต และคอนโดมิเนียมตึกเอ จำนวน 92 ยูนิต มูลค่ารวม 1,800 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดการขายในเฟสแรกได้ภายใน 3 เดือน เนื่องจากเชื่อว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพและราคาเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม โครงการโบ๊ทเฮ้าส์ ยังชูจุดขายที่การออกแบบ โดยให้บริษัท เทวาสตูดิโอ ของ มล. ตรีทศยุทธ เทวกุล เป็นผู้ออกแบบ ซึ่งการออกแบบของมล.ตรีทศยุทธ ได้รับการยอมรับของคนทั่วโลก เนื่องจากมีแนวคิดที่มีความโดดเด่นและแตกต่าง
"นอกจากนี้กลุ่มโรงแรมดุสิต รีสอร์ท ยังได้เข้ามาเจรจาขอคอนโดมิเนียม 1 อาคารประมาณ 100 ยูนิต เพื่อนำไปปล่อยเช่าระยะยาว (ไทม์แชร์ริ่ง) ให้กับลูกค้าในเครือดุสิต โดยทางดุสิตจะเข้ามาบริหารอาคารดังกล่าวเอง ตอนนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าทางเราจะให้ตึกไหน แต่นับว่าเป็นสิ่งที่ดีเนื่องจากลุกค้าของกลุ่มดุสิตมีจำนวนมาก รวมถึงสมาชิกของสนามกอล์ฟเอง" นายสมชาติ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคตนั้น นายสมชาติ กล่าวว่า หากมีที่ดินแปลงที่เหมาะสมเข้ามาก็จะพัฒนาต่อเนื่อง แต่ในปัจจุบันที่ดินในเขตอ.หัวหินแปลงสวยๆ หายาก ส่วนที่มีก็จะอยู่หากจากหัวหินออกไป ซึ่งไม่เหมาะแก่การพัฒนา อย่างไรก็ตาม ตนมีที่ดินสะสมจำนวน 300ไร่ ที่ จ.นครปฐม ขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะพัฒนา หากตลาดเหมาะสมก็จะพัฒนาได้ ส่วนจะพัฒนาเป็นสินค้าประเภทใด และจับลูกค้ากลุ่มไหนนั้นจะต้องมาพิจารณากับอีกครั้ง
|