Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2531








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2531
เบลแล็บ โฉมหน้าใหม่ห้องแล็บสุดยอดของอเมริกา             
 


   
www resources

โฮมเพจ เอทีแอนด์ที (AT&T)

   
search resources

เอทีแอนด์ที
United States
Research
เบลแล็บ




เบลแลบ ภายหลังต้องเผชิญกับการแยกตัวของเอทีแอนด์ทีมีสภาพเป็นอย่างไรบ้าง ? ปรากฏ ว่าสามารถทำได้ดีอย่างน่าพิศวง งานวิจัยเบื้องต้นกำลังเฟื่องฟู ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้รับการวิจัยเพื่อการประยุกต์และพัฒนาออกมามากมาย

เมื่อเอทีแอนด์ทีถูกแบ่งแยกออกจากกัน (อันเป็นผลจากการใช้กฎหมายป้องกันการผูกขาดของสหรัฐฯ) เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2527 ทำให้ผู้ที่ชื่นชมต่อการที่เอทีแอนด์ที ผูกพันอย่างลึกซึ้งกับการวิจัย อดสงสัยชะตากรรมของ เบลแลบอราทอรี่ส์ หน่วยงานวิจัยและพัฒนาของเอทีแอนด์ที ไม่ได้

เบลแล็บ ได้ค้นพบทรานซิสเตอร์เลเซอร์ โซลาร์เซล และดาวเทียมสื่อสารดวงแรก ตลอดจน ภาพยนตร์เสียงในฟิล์ม ศาสตร์แห่งดาราศาสตร์วิทยุ อันเป็นรากฐานของทฤษฎีที่ว่า การระเบิดขนาดใหญ่ทำให้เกิดสุริยจักรวาล หากปราศจากเงินรายได้ก้อนมหาศาลที่จัดหาโดยบริษัท เอทีแอนด์ที เบลแล็บซึ่งเป็นแหล่งวิจัยชั้นนำของสหรัฐอเมริกามาเกือบ 62 ปี จะกลายเป็นโรงงานธรรมดา ๆ ใน ด้านการวิจัยและพัฒนาหรือไม่ ?

ความวิตกดังกล่าวมิได้ลดน้อยลงเลยดังเช่น เอ็ดเวิร์ด อี เดวิด จูเนียร์ วัย 63 ผู้ผ่านการทำงานกับเบลแล็บ และเป็นที่ปรึกษาวิทยาศาสตร์ให้แก่ประธานาธิบดีนิกสัน ยังคงตั้งคำถามว่า จะมีบริษัทใดบ้างไหมที่ยังคงสนับสนุนการวิจัยพื้นฐานต่อไปได้หากมีอุปสรรคต่าง ๆ เกิดขึ้น แต่ทุกวันนี้เบลแล็บ ก็ยังคงมีการวิจัยอย่างแข็งขันอยู่ที่ เมอเรย์ ฮิล และ โฮล์มเดล นิวเจอร์ซี การสนับสนุนของบริษัทแก่บุคลากรที่มีมันสมองเลอเลิศนั้น ไม่เคยลดลงเลย ขณะเดียวกันมีการให้ทุนเพิ่มขึ้น 18% (จนถึง 2.2 พันล้านเหรียญในปีที่แล้ว) และการว่าจ้างรวมก็มีมากขึ้นเช่นกัน (จนถึง 21,000 คน ในปี 2530 เมื่อเทียบกับ 26,000 คน ในปี 2526 ซึ่งลดลงเป็น 18,000 คน หลังจากที่เอทีแอนด์ทีถูกแยกบริษัทเมื่อปี 2527)

การวิจัยได้กระจายออกไปโดยไม่มีผลกระทบกระเทือน เบลแล็บ กำลังขยายออกสู่วงการพาณิชยกรรม โดยจัดตั้งบริษัทวิจัยและพัฒนาในด้านโทรคมนาคม การบินและขนส่ง

ในอดีต การวิจัยเบื้องต้นมีบุคลากรและค่าใช้จ่ายเพียง 10% ของเบลแล็บสัดส่วนเช่นนี้คงที่และ ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย ลูกจ้างส่วนใหญ่เป็นวิศวกรที่เคยทำงานด้านประยุกต์ ซึ่งมิใช่การวิจัยพื้นฐาน นอกจากห้องแล็บที่นิวเจอร์ซี่ วิศวกรและผู้เชี่ยวชาญซอฟท์แวร์ของเบลแล็บ ไม่น้อยกว่า 2,700 คนที่อินเดียน ฮิล อิลลินอยส์ ใกล้ชิคาโก กำลังพัฒนาสวิทซ์อิเล็กทรอนิกส์และซอฟท์แวร์ที่เกี่ยวข้อง

ในแอลเลนเทาน์ ซีคาร์เครสท์ และเรดดิ้ง เพนซิลวาเนีย นักวิทยาศาสตร์และวิศวกร ออกแบบ เซมิคอนดัคเตอร์ชิป และเลเซอร์ไมโครสโคปิค ที่ควบคุมการหมุนเวียนของสัญญาณแสงผ่านเส้นใยแสง (OPTIC FIBERS)

ที่โคลัมบัส โอไฮโอ พวกเขามีหน้าที่ตรวจสอบการติดต่อโทรศัพท์ทางไกลและระบบข้อมูลพิเศษเฉพาะด้าน

ที่นอร์ท แอนโดเวอร์ แมสซาซูเซทวิศวกรทำงานเกี่ยวกับเทอร์มินัลและระบบขนส่ง ซึ่งคล้ายกับสถานีรถไฟและเส้นทางรถไฟ

การวิจัยพื้นฐานที่เบลแล็บทำให้คนสนใจอย่างยิ่ง เพราะมีผลในด้านการค้นคว้าที่ยิ่งใหญ่ การประดิษฐ์ในปี 2490 ด้านทรานซิสเตอร์ ทำให้เกิดการปฏิวัติทางไมโครอีเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์นักวิทยาศาสตร์ของเบลแล็บ 7 คน ได้รับรางวัลโนเบล นับว่ามากกว่าสถาบันอุตสาหกรรมใด ๆ ในโลก เกียรติคุณนี้ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง แม้หลังมีการแยกตัวของบริษัทในปี 2528 ประธานาธิบดีเรแกน ได้มอบเหรียญเกียรติคุณสาขาเทคโนโลยีแก่เบลแล็บซึ่งเป็นห้องแล็บเดียวในสหรัฐฯที่ได้รับรางวัลดังกล่าว

สิ่งที่เกิดขึ้นในเบลแล็บ เป็นเรื่องสำคัญยิ่งแก่อุตสาหกรรมในสหรัฐฯ เพราะคุณภาพในการวิจัย มีอยู่สูง และเบลแล็บก็ยังนำหน้าในการวิจัยที่สหรัฐฯประสบปัญหาโดยเฉพาะในเรื่องแปรผลการวิจัย ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ โรเบิร์ต เอ็ม. ไวท์ รองประธานสถาบันวิศวกรรมแห่งชาติกล่าวว่า "ปัญหาของประเทศนี้ไม่ใช่การขาดการวิจัยพื้นฐานแต่ปัญหาอยู่ที่ขาดการแปรการค้นพบ ให้มีผลเชิงพาณิชย์ และเบลแล็บก็ทำงานด้านนี้ได้ดีเลิศทีเดียว"

การเผชิญกับการแยกตัวของบริษัทไม่ใช่เรื่องง่าย ก่อนหน้านี้ เบลแล็บมีการสนับสนุนที่มั่นคงเกือบครึ่งหนึ่งของงบประมาณจากภาษีโทรศัพท์ทุกเครื่องในสหรัฐอเมริกา ประมาณ 50 เซนต์ต่อเครื่อง ในปี 2526 งบประมาณส่วนที่เหลือมาจากโรงงานผลิตของเอทีแอนด์ทีชื่อ เวสเทิร์น อิเลคทริค เนื่องจากเอทีแอนด์ที ก้าวสู่การแข่งขันที่ตนไม่เคยประสบมาก่อน คนจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ของสหรัฐฯ กลัวว่า การวิจัยพื้นฐานจะประสบความล้มเหลว แต่สิ่งนั้นก็มิได้เกิดขึ้น แม้แหล่งที่มาของเงินทุนจะเปลี่ยนไป ทุกวันนี้ งบของเอทีแอนด์ทีใช้ในการวิจัย (ประมาณ 200 ล้านเหรียญในปีที่แล้ว) ขณะที่การพัฒนา (อีก 2 พันล้านเหรียญ) จัดหาทุนมาโดยธุรกิจสาขาต่าง ๆ ของบริษัท

ผู้บริหารเอทีแอนด์ทีดูมั่นใจอย่างยิ่งต่ออนาคตข้างหน้า ประธาน โรเบิร์ท อี.แอลเลน กล่าวว่า "เราให้ทุนการวิจัยที่เอทีแอนด์ที โดยมีทัศนะยาวไกล ไม่ใช่แต่สนใจกับงานเพียงระยะไตรมาสต่อไป ผลิตภัณฑ์และบริการที่ลูกค้าต้องการ นับว่าเป็นเทคโนโลยีที่เหนือกว่า เบลแล็บรวมทั้งหน่วยวิจัยนับเป็นแหล่งสำคัญสำหรับอนาคตของเอทีแอนด์ที เงิน 10% ที่ใช้วิจัยไม่ใช่ส่วนที่ฟุ่มเฟือย แต่เป็นความจำเป็นทางยุทธศาสตร์"

เบลแล็บ พยายามช่วยธุรกิจของเอทีแอนด์ที โดยทำให้งานวิจัยใกล้เคียงกับความต้องการของบริษัท ทั้งนี้ต้องมิใช่การทำแบบเหวี่ยงแห ผู้บริหารเบลแล็บจะตรวจดูการวิจัยว่า ช่วยธุรกิจของบริษัทหรือไม่ และเรียกว่า "การบริหารและการเคลื่อนไหวของข้อมูล" ฝ่ายเศรษฐกิจและจิตวิทยาได้รับการ ตัดงบลงมา ขณะที่ฝ่ายหุ่นยนต์และคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็มีผลต่อนักวิทยาศาสตร์เพียง 40 คน จาก 200 คน ที่ค้นคว้าวิจัยวิทยาศาสตร์พื้นฐานแบบบริสุทธิ์

รองประธาน อาร์โน เอ. เพนเซียส์ วัย 54 นักวิทยาศาสตร์ที่แบลแล็บ กล่าวว่า "คนภายนอกคง คิดว่า เราเน้นเทคโนโลยีแต่เนื้อหาด้านปัญญาของงานก็ยังเหมือนเดิม" เพนเซียส์ ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ฟิสิกส์ ได้สร้างผลงานที่ดีเด่นทันทีที่มาทำงานกับแล็บนี้ในปี 2504 เขาได้รับเชิญเข้าร่วมกับนักวิทยาศาสตร์อาวุโส เพื่อหาวิธีคำนวณเกี่ยวกับที่ตั้งของดาวเทียมสื่อสารในลักษณะสามเหลี่ยม นักวิทยาศาสตร์คิดกันที่จะตั้งเสาอากาศสูงราคาแพง ขณะที่เพนเซียส์เสนอใช้เสาอากาศทางธรรมชาติคือ ดาวเทียมที่แผ่คลื่น ซึ่งมีลักษณะเฉพาะจากจุดที่คงที่ในท้องฟ้า โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มความคิดของ เพนเซียส์ได้รับการยอมรับ และมีการยกเลิกคณะกรรมการทันที

ต่อมา เพนเซียส์ และ โรเบิร์ท วิลสัน เพื่อนร่วมงานได้สร้างเครื่องวัดความแม่นยำสำหรับจานรับคลื่อนวิทยุจากอวกาศ ที่ครอฟอร์ด ฮิลส์ นิวเจอร์ซี่ โดยเป็นความพยายามที่จะค้นหาแหล่งคลื่นสถิตย์ที่รบกวนคลื่นวิทยุจากทางช้างเผือก เสียงที่ค้นพบปรากฎว่าเป็นสิ่งที่ค้างมาจากแสงกัมมันตภาพรังสีของการระเบิดใหญ่ ที่ทำให้เกิดจักรวาล (BIG BANG) จากการค้นพบ ทั้งสองได้ร่วมรับรางวัลโนเบลในปี 2521

ก่อนจะมีการแยกตัวของบริษัท เพนเซียส์ได้พยากรณ์ว่า หากปราศจากบริษัทที่ดำเนินการเป็นฐานแล้ว เบลแล็บ จะเป็น "เรือที่ล่ม" ทุกวันนี้ เขารู้สึกสบายใจขึ้นเขากล่าวเกี่ยวกับทิศทางของเบลแล็บว่า "สิ่งที่เราทำนั้น ไม่เกี่ยวกับธุรกิจ แต่ความเกี่ยวเนื่องนั้นยากที่ใครทั่วไปจะสังเกตเห็นได้เราได้ทุ่มเทเพิ่มให้แก่การวิจัย ในส่วนที่ความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจนั้นชัดเจน"

เนื่องจากเอทีแอนด์ทีเห็นว่า วิทยาศาสตร์พื้นฐานเป็นเครื่องมือในการแข่งขันขอบเขตการวิจัย ที่เบลแล็บ จึงกว้างกว่าที่โรงงานหรือมหาวิทยาลัยอื่นใด คณะทำงานมีปริญญาเอก 3,430 คน มากกว่า คู่แข่งที่ใกล้เคียงคือ ไอบีเอ็ม นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้เชี่ยวชาญในสาขาฟิสิกส์เคมี คอมพิวเตอร์ คณิตศาสตร์ อิเล็กทรอนิกส์ และสาขาอื่น ๆ วิธีการของเบลแล็บคือ สรรหาผู้เชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ ที่ทำงานใกล้ชิดกัน ตึกต่าง ๆ ที่เมอร์เรย์ ฮิล เหมือนกับรังผึ้ง มีนักวิจัยนักพัฒนา และคณะผู้ทำงานสนับสนุน 3,049 คน ในที่ทำงานยาวหนึ่งในสี่ไมล์ โดยมีห้องแล็บเล็ก ๆ น้อย ๆ นับร้อย ๆ เต็มไปด้วยเครื่องมือ ยุคใหม่ล่าสุด

แผนกวิจัยฟิสิกส์มีคนทำงาน 250 คน นับว่าใหญ่กว่า กว้างขวางกว่าแผนกฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยใด ๆ การสำรวจค้นคว้ามีตั้งแต่การศึกษาพื้นฐานเกี่ยวกับลักษณะของวัสดุ รวมทั้งทฤษฎีฟิสิกส์ เช่น ความเปลี่ยนแปลง ไปจนถึงเซมิคอนดัคเตอร์ระบบเซรามิคและหน่วยงานที่ทำซิลิคอน ซึ่งเลียนแบบการทำงานอย่างกว้าง ๆ ของสมองสัตว์ อิเล็กทรอนิกส์และออฟติคส์ เป็นขอบเขตสาขาที่มีการเน้นเช่นกัน งานล่าสุดที่มีการพัฒนาแอมพริไฟเออร์ ออฟติค ที่เสริมความหนาแน่นของอนุภาคแสงหรือโฟตอน เพื่อส่งเสียงและข้อมูลผ่านออฟติคไฟเบอร์ โดยไม่ต้องแปลงเป็นอิเลคตรอนและเปลี่ยนกลับเป็นโฟตอนอย่างที่เป็นอยู่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ เอทีแอนด์ที เริ่มติดตั้งระบบสื่อสารออฟติคไฟเบอร์ที่ทันสมัยที่สุด พัฒนา ขึ้นที่เบลแล็บโดยสามารถรับโทรศัพท์ 24,000 ครั้ง ได้พร้อมกันโดยผ่านไฟเบอร์เพียงสองเส้น แต่ละเส้นหนาเป็นสองเท่าของเส้นผมมนุษย์ นับว่ามีความสามารถมากกว่าระบบโทรศัพท์เชิงพาณิชย์ใด ๆ ที่มีอยู่ถึง 40%

งานวิจัยพื้นฐานที่เบลแล็บ ส่วนใหญ่มีทางที่จะนำมารวมกันเพื่อการพัฒนาต่อไปแต่งานวิจัย บางชิ้นก็ไม่มีผลได้ที่ชัดเจนนักมีรายงานชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับการทำงานของมดในป่าบราซิลอีกอันหนึ่งเป็นการสำรวจดูแกแลกซี่ที่ปลายจักรวาล โดยดูจากหอดูดาวที่ชิลีและฮาวาย โธมัส กราเดล วัย 49 ผู้ศึกษามด ได้ทำงานกับนักวิทยาศาสตร์จากคอร์แนลรายงานว่า เหตุสำคัญของฝนกรดในอเมซอนเป็นกรดฟอร์มิค สารซึ่งไม่มีสีมีกลิ่นฉุนเกิดจากร่างที่ผุสลายของมด การสำรวจของเขา ทำให้มีจดหมายจากผู้ถือหุ้นของ เอทีแอนด์ที ว่าทำไมไม่ใช้เงินให้ดีกว่านี้ แต่ความสนใจของกราเดลต่อมดจากอเมซอนนับว่ามีผลทางปฏิบัติ เขาเป็นนักเคมีสาขาความสึกกร่อน งานส่วนหนึ่งของเขาคือการค้นหาว่า ทำไมอุปกรณ์โทรศัพท์จึงไม่ทำงานในหลาย ๆ สภาพ

เจ แอนโธนี่ ไทสัน วัย 47 นักดูดาวและนักดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ ก็ทำงานในระดับที่ไม่เกินเหตุเช่นกัน เขาพยายามปรับปรุงการค้นพบอีกชนิดหนึ่งของเบลแล็บ นั่นคือตัวชิปที่มองเห็นได้เหมือนตาของ คนเรา งานนี้เป็นการปฎิวัติดาราศาสตร์ เพราะชิปดังกล่าวสามารถรวบรวมแสงมากกว่าฟิล์มถึงพันเท่า ซึ่งสามารถทำเป็นตาให้แก่หุ่นยนต์และช่วยในการผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ให้แม่นยำ ไทสันเป็นนักวิทยา-ศาสตร์จำนวนไม่มากนักของเบลแล็บที่ช่วย "เชื่อมเราเข้ากับจักรวาลแห่งวิทยาศาสตร์" ดังที่เพนเซียส์กล่าวว่า "นั่นเป็นส่วนสำคัญ แม้ไม่มากนักในยุทธศาสตร์ธุรกิจของเรา ที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อมโยงงานของเบลแล็บกับมหาวิทยาลัยและชุมชนอื่น ๆ ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งไม่อาจทำงานเช่นนี้ได้" นอกจากนี้ การเชื่อมโยงดังกล่าวทำให้นักวิทยาศาสตร์หนุ่ม ๆ สนใจทำงานกับเบลแล็บ การจัดหาคนไม่ได้รับผลกระทบกระเทือนเลยนับแต่การแยกตัวของบริษัท 80% ของนักศึกษาที่เบลแล็บเสนองานให้เข้าร่วมงานด้วย เบลแล็บจ่ายเงินเดือนในอัตราค่อนข้างสูงกว่าแล็บที่อื่นใด เช่น ไอบีเอ็มและดูปองท์ (ปริญญาเอกทางฟิสิกส์ จบใหม่ ๆ ได้ 45,000 เหรียญต่อปี) แม้เพนเซียส์จะกล่าวว่า นักวิทยาศาสตร์บางคนได้มากกว่า 100,000 เหรียญต่อปี เงินก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขาเหล่านั้นสนใจ เสรีภาพ อุปกรณ์และเพื่อนร่วมงานในระดับยอด มีความสำคัญยิ่งกว่าเงินเสียอีก

การเก็บเกี่ยวผลพวงของการวิจัยนั้นเอทีแอนด์ทีทำได้เร็วกว่าในยุคก่อน ๆ เอียน เอ็มโรส ประธานวัน 60 ของเบลแล็บ จบปริญญาเอกจากอังกฤษ ด้านวิศวกรรมไฟฟ้าได้ค้นพบสิ่งสำคัญหลายอย่างด้าน เซมิคอนดัคเตอร์ เขายกตัวอย่างการประยุกต์ใช้ของเอทีแอนด์ทีอย่างรวดเร็วว่า ช่วยแก้ปัญหาเซลส์แมน ซึ่งต้องเดินทางไปขายของหลาย ๆ จุด โดยใช้สูตรคณิตศาสตร์กำหนดแผนการเดินทาง นาเรนทร์ ดาร์มาร์ดาร์ นักคณิตศาสตร์เชื้อชาติอินเดีย วัย 31 ได้อธิบายความคิดที่ลึกซึ้งนี้ในปี 2527 ในขณะที่โปรแกรมเมอร์และนักวิทยาศาสตร์เคยใช้เวลาเป็นวัน ๆ ในการแก้ปัญหา โดยมีตัวแปรนับเป็นพัน ๆ ตัว วิธีการคิดคำนวณแบบดาร์มาดาร์ ทำให้ทำงานเสร็จภายในไม่กี่นาที เอทีแอนด์ทีได้ใช้วิธีการคิดคำนวณนี้ในงานโทรศัพท์ที่กว้างขวางใน 20 ประเทศ ในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีตัวแปรกว่า 60,000 ตัวทั้งยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีก เบลแล็บกำลังนำวิธีนี้มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจสายการบินและการขนส่ง

คำยินยอมที่เอทีแอนด์ทีต้องลงนามกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ในปี 2499 เพื่อหลีกเลี่ยงการแบ่งแยกบริษัท ห้ามมิให้เอทีแอนด์ที และเบลแล็บ ทำงานใด ๆ นอกเหนือจากกิจการโทรคมนาคม ยิ่งกว่านั้นเบลแล็บ ยังต้องเปิดเผยการค้นพบใหม่ ๆ แก่โลกภายนอกด้วย ภายหลังจากที่บริษัทถูกแบ่งแยก เบลแล็บไม่ต้องมอบการค้นพบให้ผู้อื่น โดยรับค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อย เช่นกรณีทรานซิสเตอร์ โซนี่ ได้รับสิทธิในปี 2493 โดยจ่ายเงินดาวน์ค่าสิทธิเพียง 25,000 เหรียญ และช่วยจุดประกายการปฏิวัติทางอิเล็กทรอนิกส์ด้านวิทยุทรานซิสเตอร์ นับได้ว่าเป็นการค้นพบที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ธุรกิจมหาศาลที่สุด แต่ถ้าเบลแล็บค้นพบทรานซิสเตอร์ ในทุกวันนี้ บริษัทก็จะมีสิทธิที่จะผลิตวิทยุทรานซิสเตอร์ออกขายถ้าหากมีผลในเชิงการค้า

การแบ่งแยกเอทีแอนด์ที ได้เปิดประตูให้แก่เบลแล็บเข้าแข่งขันในตลาดพิคเซลมาชีนส์ 1 ใน 11 บริษัทที่เริ่มโดยเบลแล็บภายใต้การควบคุมของเอทีแอนด์ที ได้จัดทำเทอร์มินัลที่มีความสามารถพิเศษ ในการแสดงรูปภาพคมชัดที่สุดในเชิงพาณิชย์ บริษัทยังใหม่อยู่ และตั้งอยู่ในตึกของเบลแล็บที่โฮล์มเดล แม้คนของเบลแล็บที่ทำงานให้บริษัทใหม่ จะไม่อาจกลายเป็นเศรษฐีเพราะเอทีแอนด์ทีไม่ให้หุ้น แต่ก็มีสิทธิรับโบนัสจากผลงานดีเด่น และในขณะเดียวกันก็ได้รับความพึงพอใจจากการค้นพบของเขา

คาธารีน เอ็ม. ซัลลิแวน ประธานของบริษัท พิคเซล มาชีนส์ วัย 45 อดีตผู้บริหารการตลาดของ เอทีแอนด์ที ซึ่งควบคุมดูแลนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร และนักการตลาด 30 คนกล่าวว่า "ดิฉันคิดว่ามันดีทั้ง 2 ด้านเรามีทรัพยากรบุคคลอย่างจากเอทีแอนด์ทีและยังมีเสรีภาพในการทำอะไร ๆ เช่นที่บริษัทเล็ก ๆ ทำได้" ในขั้นต้น กิจการได้รับความอุปถัมภ์สนับสนุนโดยเอทีแอนด์ทีจากการจ่ายเงินเดือน หากกิจการประสบผลดี ก็สามารถตั้งตนเป็นธุรกิจได้ โดยผูกพันกับเอทีแอนด์ที หรืออาจรวมกับหน่วยงานสายใหญ่ของเอทีแอนด์ที หรือแยกออกต่างหาก

การแข่งขันกับคู่แข่งในประเทศต่าง ๆ สอนนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเบลแล็บให้การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและการผลิตในอดีต เบลแล็บถือการพัฒนาเทคโนโลยีเป็นแนวทางสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ปัจจุบันกลับหันมาเน้นความต้องการของลูกค้า เป็นสำคัญ ตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ที่เน้นเทคโนโลยีก็คือ โทรศัพท์แบบติดจอภาพซึ่งได้รับการพัฒนา เมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา ปรากฏว่าทำงานได้ดี แต่การวิจัยตลาดปรากฏว่าไม่มีตลาดที่แน่ชัด

ทุกวันนี้ เบลแล็บ จะให้ตลาดตัดสินว่าควรพัฒนาโทรศัพท์พร้อมจอภาพนี้หรือไม่ผู้เชี่ยวชาญจากเบลแล็บ ต้องติดตามฝ่ายการตลาดของเอทีแอนด์ทีออกเยี่ยมลูกค้าความกดดันที่ต้องการเห็นผลตอบแทนจากการวิจัย ทำให้เบลแล็บต้องเปลี่ยนนโยบายแทนที่จะต้องรอคอยถึง 20 ปี เพื่อได้รับผลตอบแทน เดวิด เอ. เมสเคล จูเนียร์ ผู้อำนวยการฝ่ายห้องอุปกรณ์โทรคมนาคม วัย 52 ประจำที่โรงงานออฟติคส์ไฟเบอร์ ที่แอตแลนตา ได้กล่าวว่า "มีการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่เขาเคยถามเราเมื่อ 4 ปีที่แล้ว จากที่เคยถามว่า มีเทคโนโลยีอะไรใหม่ ๆ เกิดขึ้นบ้าง มาเป็นคำถามที่ว่า การวิจัยของคุณจะช่วยธุรกิจของเราได้อย่างไร" ผู้อำนวยการเบลแล็บ ได้บอกกับนักวิจัยให้สนใจกับอนาคตในช่วง 5 ปีข้างหน้า หรือนานกว่านั้น

นักพัฒนาของเบลแล็บ ซึ่งก้าวสู่โลกแห่งการแข่งขันทุกวันนี้ กำลังแนะนำผลิตภัณฑ์ที่น่าทึ่ง เช่น ระบบชุมสายคอมพิวเตอร์ อีเล็กทรอนิกส์ 5ESS ราคาหลายล้านเหรียญซึ่งสามารถบริการโทรศัพท์ได้ 300,000 ครั้งต่อชั่วโมง ระบบ 5 ESS ทำให้ลูกค้าส่งเสียงและข้อมูลโดยตรงในรูปของปุ่มกดสัญญาณ ซึ่งกะทัดรัดและแม่นยำกว่าแบบอนาล็อคระบบกดปุ่มปรับปรุงสัญญาณได้ดีจนกระทั่งขณะนี้เอทีแอนด์ทีสามารถใช้ระบบส่ง 3 ช่องสาย แทนการใช้สายเดียว

เมื่อลูกค้ารับบริการนี้ ผู้จัดการในเขตต่าง ๆ สามารถพูดถึงกันและกัน และแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสารพร้อม ๆ กัน ได้มากกว่า 2 ช่องสาย ส่วนช่องสายที่ 3 ช่วยควบคุมการส่งและแสดงตัวเลขของโทรศัพท์ของลูกค้าเมื่อลูกค้าโทรเรียกตัวแทนประกันภัย เบอร์โทรศัพท์ของลูกค้าจะแสดงภาพใน หน่วยความจำในจอคอมพิวเตอร์ คุณสมบัติเช่นนี้สามารถใช้แสดงภาพหรือค้นหาโทรศัพท์ที่เข้ามาได้

บริการใหม่ ๆ ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของระบบเครือข่ายบริการแบบประสานงาน (INTEGRATED SERVICES DIGITAL NETWORK SYSTEMS) หรือ ISDN ซึ่งเบลแล็บกำลังนำหน้าในเรื่องนี้ ไอเอสดีเอ็น สามารถเชื่อมสถานีต่าง ๆ ที่อยู่ห่างไกล เช่น ช่วยเชื่อมระบบของร้านแมคโดนัลด์ 7,500 แห่ง เข้ากับสำนักงานบริหารบริษัท เมื่อมีการใช้ออฟติคไฟเบอร์มาก ไอเอสดีเอ็น จึงช่วยเพิ่มจำนวนข้อมูลที่สามารถส่งถึงบ้าน หรือที่ทำงานได้ โดยผ่านเครื่องแฟกซ์จอภาพและอาจช่วยทำให้โทรศัพท์ภาพกลับมาใช้ในลักษณะที่ไม่แพงได้

ในกิจการเหล่านี้ คนทำงานในเบลแล็บคิดว่า มีข้อได้เปรียบเพราะการวิจัยได้ประสานเข้ากับบริษัทแม่ได้ดีกว่าห้องแล็บที่อื่น ๆ นับแต่เริ่มต้น เบลแล็บได้ยกระดับ "การทำงานร่วมสถานที่" โดยมีการทำให้คนที่อยู่ต่างสถานที่ต่างโรงงาน กลายเป็นศาสตร์ทางศิลปะชั้นสูง นักวิทยาศาสตร์และวิศวกร ที่อยู่ในโรงงานต่าง ๆ ของเอทีแอนด์ทีในรัฐทั้งหมด สามารถเชื่อมโดยตรงจากการวิจัยไปสู่การพัฒนา-การผลิต

ลักษณะการทำงานเชื่อมกัน ทั่วไปก็คือการทำงานของมาร์ค เมลเลีย สมิธ วัย 42 กรรมการฝ่ายบริหารของหน่วยอีเล็กทรอนิกส์และโฟโตนิค (โฟโตนิค เกี่ยวกับเครื่องมือด้านแสง เช่น เลเซอร์เซมิคอนดัคเตอร์ ที่ทำให้ขับเคลื่อนโฟตอน ผ่านออฟติคไฟเบอร์) เมลเลีย สมิธ มีสำนักงานอยู่ที่เบลแล็บ ในเมอร์เรย์ ฮิล และห้องแลบเซมิคอนดัคเตอร์ที่อัลเลนเทาน์ และ เรดดิ้ง เขากล่าวว่า "ตรงนี้ช่วยให้มี ปฏิสัมพันธ์อย่างยิ่ง นักวิจัยจะสามารถค้นพบสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเราและเราก็ให้วัตถุดิบแก่เขา เรา เรียกกระบวนการนี้ว่า การสร้างผลิตภัณฑ์โดยไม่มีรอยต่อมาขวางกั้น" เมลเลีย สมิธ ผู้รับปริญญาเอกในทางฟิสิกส์เคมี ได้ทำงานกับเอทีแอนด์ทีมาแล้ว 17 ปี ในด้านการวิจัยและพัฒนา และในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม ที่แคนซัส ซิตี้ มิสซูรี ในโรงงานชิ้นส่วนอีเล็กทรอนิกส์

นักวิทยาศาสตร์ของ เบลแล็บ ได้เน้นว่า การแข่งขันไม่ใช่สิ่งใหม่แต่อย่างใด เพราะเกิดขึ้นมาแล้วทั่วโลก อาร์โน เพนเซียส์ กล่าวว่า เบลแล็บเป็นสถานที่ "ที่ทำให้อนาคตบังเกิดขึ้น ดุจเดียวกับที่ได้เปิดโลกใหม่ด้านไมโครอิเล็กทรอนิกส์ โดยการค้นพบทรานซิสเตอร์ เบลแล็บ กำลังพยายามสร้างสิ่งซึ่งเข้ามาแทนที่ในรูปของโฟตอน เพื่อประโยชน์ด้านข้อมูลและการจัดการสิ่งประดิษฐ์ ต่าง ๆ ที่ชวนพิศวงของเบลแล็บนั้น รวมถึงออฟติคัลคอมพิวเตอร์ ซึ่งเหนือกว่าแบบอิเล็กทรอนิกส์ความก้าวหน้าในการทดลอง ได้พัฒนาไปรวดเร็วมาก ออฟติคัลคอมพิวเตอร์ ใช้แสงเลเซอร์แทนการเชื่อมต่อโดยอิเลคตริค ทำให้สามารถทำงานได้เร็วกว่านับพัน ๆ เท่า จึงเป็นสิ่งที่อำนวยประโยชน์อย่างนึกไม่ถึงมาก่อนแก่ทุกคน นับจากนักทฤษฎีฟิสิกส์ไปจนถึงนักพยากรณ์อากาศ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us