|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กรกฎาคม 2531
|
|
เหตุการณ์ประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่งได้เกิดขึ้นเมื่อประธานาธิบดีเรแกนแห่งสหรัฐฯและนาย มิคาอิล กอร์บาชอฟ ผู้นำโซเวียตได้พบปะเจรจากันในการประชุมสุดยอด ที่กรุงมอสโก นครหลวงของโซเวียต ระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคมถึงวันที่ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา ผลการเจรจาดูเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย และที่สำคัญคือประชาชนทั่วโลกมีสิทธิหวังถึงสันติภาพที่ปราศจากสงครามนิวเคลียร์ เพราะว่าสองประเทศนี้สามารถตกลงกันได้ในเรื่องการกำจัดอาวุธ
รายละเอียดของข้อตกลงและบรรยากาศของการประชุมหลาย ๆ ท่านก็คงทราบดีแล้วจากทั้งข่าวโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ รวมทั้งจากสุนทรพจน์ของผู้นำทั้งสองที่ได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลก อย่างไรก็ตามยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ทั้งคู่ไม่ได้กล่าวออกมา แต่เป็นประเด็นสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้การเจรจาครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ
สิ่งนั้นก็คือเหตุผลที่ว่าสหรัฐฯทุ่มเทเงินทองจำนวนมากไปกับการสร้างแสนยานุภาพทางทหาร จนก่อให้เกิดหนี้สินจำนวนมาก และทางด้านสหภาพโซเวียตเองก็มีสถานะทางเศรษฐกิจย่ำแย่ ทั้งสองประเทศจำเป็นต้องลดบทบาทในด้านการเมืองการทหารระหว่างประเทศลงเพื่อประโยชน์ของประเทศตน
นี่จึงเป็นก้าวใหม่ที่ทำให้เราหวังได้ว่าสันติภาพอย่างถาวรจะมีโอกาสเกิดขึ้นในโลก ยิ่งกว่านั้นความร่วมมือของทั้งคู่แย้มนัยให้เห็นว่าผู้นำโลกเสรีเช่นสหรัฐฯได้ก้าวข้ามพ้นกำแพงแห่งความเชื่อเก่า ๆ ที่เห็นว่าโซเวียตเป็น "อาณาจักรปีศาจ" ซึ่งฝังหัวชาวอเมริกันมานาน และมีผลต่อการกำหนดนโยบายของสหรัฐฯต่อโซเวียต ยิ่งในสมัยของประธานาธิบดีเรแกนแล้วกล่าวได้ว่าท่านประธานาธิบดีผู้นี้เริ่มยุคการปกครองของเขาด้วยทัศนะดังกล่าวเลยทีเดียว ส่วนทางโซเวียตนั้นก็มีการเปิดประเทศมากขึ้น มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงภายในต่าง ๆ
ถึงแม้ว่าการตกลงจำกัดอาวุธจะไม่ก่อผลในด้านการขจัดอาวุธอย่างสมบูรณ์ แต่ท่าทีที่ดีขึ้นของทั้งคู่ทำให้ชาวโลกอย่างเรา ๆ มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่า คนรุ่นเราหรือรุ่นลูกหลานของเราคงไม่ต้องเผชิญกับภัยสงครามนิวเคลียร์ที่เกิดจากน้ำมือของสองประเทศคู่ขัดแย้งต่างลัทธิกันนี้
|
|
|
|
|