Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน31 มีนาคม 2548
สแตนดาร์ดฯฮุบSCNB100%             
 


   
www resources

Standardchatered Homepage
โฮมเพจ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน

   
search resources

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน
Banking and Finance




กองทุนฟื้นฟูฯ เทขายหุ้นธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน ให้ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด 25% ในราคาหุ้นละ 22 บาท รวมมูลค่า 3.8 พันล้านบาท หลังจากประสบผลสำเร็จในการขายหุ้นยูโอบีรัตนสินให้กับกลุ่มยูโอบี ได้เงินแล้วกว่า 2.95 พันล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 3 แบงก์ ทั้งกรุงไทย นครหลวงไทย และไทยธนาคาร ยังรอจังหวะให้ได้ราคาสูงที่สุดก่อนจะขาย ด้านผู้บริหารกลุ่มสแตนดาร์ดฯ ตอกย้ำรุกธุรกิจในไทยต่อ หลังถือหุ้นใหญ่ทั้ง 100%

นางสว่างจิตต์ จัยวัฒน์ ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคาร แห่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายจัดการกองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ได้ลงนามขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมดในธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน (SCNB) หรือธนาคารนครธนเดิม สัดส่วนประมาณ 25% ให้กับธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ในราคาหุ้นละ 22 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 3,800 กว่าล้านบาท

"ราคาขายที่หุ้นละ 22 บาทเป็นราคาที่กองทุนฟื้นฟูฯพอใจ เนื่องจากเป็นราคาที่ได้ส่วนต่างกำไรราคาหุ้นมากพอ และสูงกว่าราคามูลค่าทางบัญชีของธนาคารหลายเท่า โดยการขายหุ้นที่เหลือ 25% นี้ถือเป็นการทำตามสัญญาเก่าที่ได้ทำบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ไว้เมื่อนานมากแล้ว แต่เพิ่งจะมาลงนามซื้อขายกันในช่วงนี้"

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2542 กองทุนฟื้นฟูฯ ได้ขายหุ้นธนาคารนครธน 75% ให้กับกลุ่มสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดไปแล้ว และได้ไปเปลี่ยนชื่อเป็นสแตนดาร์ดชาร์เตอร์นครธน ซึ่งหลังจากขายหุ้นครั้งนี้ทำให้กลุ่มสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ถือหุ้นในธนาคารดังกล่าวทั้ง 100% ซึ่งสามารถทำได้เพราะมีการยกเว้นให้ตามเกณฑ์เดิม และเป็นไปตามหลักการสถาบันการเงิน หรือบริษัทต้องถือหุ้นได้ในสถาบันการเงินเดียวเท่านั้น ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (มาสเตอร์แพลน)

นางสว่างจิตต์ ยังกล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ กองทุนฟื้นฟูฯ ได้ขายหุ้นที่เหลือประมาณ 24% ให้กับธนาคารยูโอบี สิงคโปร์ ได้เงินรวมทั้งสิ้น 2,950 ล้านบาท ถือเป็นราคาที่ดี ซึ่งทำให้ยูโอบีถือหุ้นในธนาคารยูโอบี รัตนสิน 100% และสามารถนำธนาคารยูโอบี รัตนสินไปควบรวมกิจการกับธนาคารเอเชียได้ ตามหลักการเดียวกับสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดนครธนที่ต้องถือหุ้นในสถาบันการเงินแห่งเดียว ตามหลักการในแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน

ในส่วนของ 3 ธนาคารที่เหลือ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารนครหลวงไทย และธนาคารไทยธนาคารนั้น ทางกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯยังไม่มีแนวคิดที่จะขายออกไป หรือนำไปควบรวมกิจการกับธนาคารใด ถึงแม้ว่าขณะนี้จะมีกำไรหากขายหุ้นของทั้ง 3 ธนาคารออกไป เนื่องจากทางกองทุนฟื้นฟูฯ เห็นว่าแนวโน้มราคาหุ้นน่าจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงต้องการรอให้ราคาดีที่สุดจึงจะนำหุ้นที่ถืออยู่ ออกมาขาย เพื่อนำเงินรายได้ไปชดเชยภาระหนี้สินของกองทุนฟื้นฟูฯ

"แบงก์นครหลวงไทย และไทยธนาคาร มีสถาบันการเงินทั้งของไทย และต่างประเทศเข้ามาขอซื้อหุ้นอยู่หลายแห่ง และยังได้รับการทาบทามเพื่อควบรวมกิจการจากหลายแห่งอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบงก์นครหลวงไทย ซึ่งเป็นแบงก์ที่มีหนี้เสียน้อยก็มีคนสนใจเข้ามาเจรจาหลายราย แต่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯยังไม่ได้ตัดสินใจ เพราะต้องรอจังหวะที่เหมาะสมเพื่อให้ขายได้ในราคาดีที่สุด ส่วนแบงก์ไทยก็เป็นอีกแบงก์ที่มีคนสนใจหลายแห่งเช่นกัน" นางสว่างจิตต์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากยังไม่ขายหุ้นธนาคารเหล่านี้ออกไป แต่มีการตั้งสถาบันประกันเงินฝากและต้องยุบกองทุนฟื้นฟู จะโอนหุ้นเหล่านี้ให้กระทรวงการคลังดูแลหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องของอนาคต จะต้องรอดูก่อนว่าจะขายหุ้นออกไปได้เมื่อไร ก่อนหรือหลังที่จะยุบกองทุนเพื่อการฟื้นฟู เพราะถึงแม้จะยุบกองทุนก็ยังต้องดูแลจัดการเรื่องงบดุลของตัวเอง และดูแลบรรษัทบริหารสินทรัพย์ (เอเอ็มซี) ที่อยู่ในการดูแลของกองทุนฟื้นฟูฯ อยู่

ด้าน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การขายหุ้นธนาคารนครธนออกไป เป็นไปตามเงื่อนไขเดิมที่ทำไว้ตั้งแต่การขายหุ้น 75% ในช่วงปี 2542 ทำให้ตอนนี้กลุ่มสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ถือหุ้นได้ 99.99% แต่ยังถือว่าเป็นธนาคารพาณิชย์ของไทยอยู่ เพราะตามหลักการแล้วหุ้นของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดในอนาคตจะทยอยลดลงจนเหลือ 49% เพราะจากนี้หากสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดนครธน มีการเพิ่มทุนอีก สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดจะซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วนไม่ได้ แต่จะสัดส่วนจะลดลงเหลือ 49% ไม่สามารถระบุได้ สำหรับราคาขายหุ้นที่ได้ถือเป็นราคาที่ดีที่สุดในขณะนี้

ด้านนางแอนมารี เดอร์บิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน กล่าวว่าธนาคารจะจัดทำคำเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อย (Tender Offer) ตามที่กฎหมายกำหนดสำหรับหุ้นที่เหลือในราคาเดียวกับที่ซื้อจากกองทุนฟื้นฟูฯ คือ ที่ราคาหุ้นละ 22 บาท

"การที่กลุ่มธนาคารถือหุ้นของธนาคารเพิ่มขึ้น แสดงถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจระยะยาวในประเทศไทย และยังแสดงถึงความสำคัญของไทยที่มีต่อกลุ่มธนาคาร ธนาคารมีความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจและการมอบประสบการณ์การเป็น "คู่คิดมิตรแท้" แก่ลูกค้าเพื่อจะทำให้เราเป็นธนาคารที่ดีที่สุด ในประเทศไทย"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us