|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กรกฎาคม 2531
|
|
"เศกสม บัณฑิตกุล" ไม่ได้จบปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ (M.B.A.) จากสถาบันที่มีชื่อเสียงแห่งใดทั้งในและต่างประเทศ
ไม่ได้เป็นทายาทตระกูลธุรกิจนับร้อยล้านพันล้าน ที่กำลังจะสืบทอดความยิ่งใหญ่ และมั่นคงที่คนรุ่นก่อนได้บุกเบิกสร้างรากฐานด้วยความยากลำบากมาเกือบตลอดชีวิต ที่เราได้ยินกันอยู่ทุกบ่อย
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่การงานในสถาบันหรือองค์กรธุรกิจใหญ่ ๆ อาทิปูนซิเมนต์ไทย ธนาคารกรุงเทพหรืออีกมากมายหลายแห่ง ที่ผู้ฟังเมื่อได้ยินอาจต้องเลิกคิ้วด้วยความสงสัยแกมยอมรับอยู่ในใจว่า "เก่งจริง ๆ อายุยังน้อยก็มา "นั่ง" ตำแหน่งสำคัญ ๆ อย่างนี้ได้"
"เศกสม บัณฑิตกุล" วันนี้เป็นผู้จัดการทั่วไปอยู่ที่หาญเอ็นจิเนียริ่ง บริษัทเก่าแก่ ผู้บุกเบิกนำเข้าเครื่องปรับอากาศเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเป็นรายแรก และกล่าวได้อย่างเต็มปากว่าเมื่อสิบห้าสิบหกปีก่อนนั้น เป็น "อันดับหนึ่ง" ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
หาญเอ็นจิเนียริ่ง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2503 โดยหาญ และประยูรศรี ชาญณรงค์ รับออกแบบ คำนวณ ติดตั้ง ให้บริการเกี่ยวกับเครื่องทำความเย็นและเครื่องปรับอากาศด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท
กิจกรรมของหาญในยุคแรก ๆ เรียกได้ว่ารุ่งโรจน์มาก ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทที่ให้บริการด้านเครื่องทำความเย็นยังมีไม่มากนัก เมื่อเห็นว่าอนาคตข้างหน้าค่อนข้างสดใส หาญฯจึงเริ่มขยายไลน์สินค้าออกไปจากเดิมที่ตัวเองทำอยู่
ให้ครอบคลุมถึงสินค้าที่บริษัทยังไม่เคยสั่งเป็นชิ้นเป็นอันได้แก่ สินค้าประเภทเครื่องจักรกลเกี่ยวกับวิศวกรรมโยธาทุกประเภท เครื่องอุปกรณ์อุตุนิยมวิทยา อุปกรณ์การแพทย์ทุกสาขา มาจำหน่าย
และชักชวนยอดฝีมืออย่างสุเทพ ชวนะวิรัช ที่ปัจจุบันเป็นกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ของซาฟารีเวิลด์ กับเพื่อนฝูงอีกสองสามคนเข้าไปช่วยบริหารอีกแรงหนึ่ง
แต่เนื่องจากหาญฯ เข้าไปทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อนอีกทั้งตลาดเครื่องปรับอากาศก็เติบโตเร็วกว่าที่ผู้บริหารดั้งเดิมหลายคนคาดคิด
นั่นก็คือแทนที่จะเป็นห้วงเวลาที่หาญฯประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ กลับเป็นยุคถดถอยที่ยากจะเหนี่ยวรั้ง รวมไปถึงการถอนตัวของสุเทพและผู้บริหารที่หาญฯชวนมาด้วย
"ตอนนี้เรากำลังจะบุกตลาดอีกครั้ง ด้วยสินค้าคุณภาพที่เรามีอยู่ ด้วยชื่อเสียงและความไว้วางใจที่ลูกค้ามีต่อเราตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา กอปรกับตลาดส่งออกสินค้าแช่แข็งต่าง ๆ ในช่วง 4-5 ปีนี้ที่จะขยายตัวออกไปได้อีกมาก" เศกสมบอกถึงเป้าหมายของหาญ ฯในระยะเวลาอันใกล้นี้กับ "ผู้จัดการ"
เศกสมจบมัธยมศึกษาตอนปลายจากเทพศิรินทร์ เข้าศึกษาต่อวารสารศาสตร์ที่ธรรมศาสตร์
เป็นนายกองค์การนักศึกษาธรรมศาสตร์ (อมธ.) ขณะที่เรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 พอขึ้นปี 4 เขาเข้าอบรมในสองโครงการ คือโครงการ "ธนาคารคู่บ้านคู่เมือง" ของธนาคารกรุงเทพ และโครงการ "นักลงทุนรุ่นเยาว์" ของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย อันเป็นรุ่นแรกของทั้งสองโครงการ
ซึ่งเศกสมได้รับเลือกจากเพื่อนต่างสถาบันเป็นประธานรุ่นทั้งสองโครงการ โดยโครงการแรกเขาเป็นประธานรุ่นร่วมกับสุชาดา ลูกสาวชาตรี โสภณพนิช
เริ่มทำงานครั้งแรกในโบรกเกอร์อินชัวรันส์ "สยามอินชัวร์ตี้" อยู่หนึ่งปี ก่อนเข้าทำงานกับธนาคารกรุงเทพอีกหกเดือน
"ผมมองว่างานแบงก์ไม่เหมาะกับบุคลิกของเราเท่าไรเราคงไม่สามารถทำประโยชน์ให้แบงก์ได้เต็มที่ รวมทั้งตัวเราคงไม่ได้ประโยชน์อะไรเช่นกัน" เศกสมบอก "ผู้จัดการ"
จากนั้นเขาก็เข้ามาทำงานกับหาญฯเป็นเซลส์แมนเขาเลือกขายเครื่องคอมเพรสเซอร์ยี่ห้อแอสเปอร่าที่ไม่เคยมีใครในบริษัทสนใจมาก่อน
แต่นั่นก็เหมือนการเปิดโอกาส ที่จะให้เขาพิสูจน์ตัวเอง และเศกสมก็ทำได้ดีเสียด้วย เมื่อเขาบุกเบิกจนแอสเปอร่ามียอดขายเป็นอันดับหนึ่งของสินค้าทุกตัวที่หาญฯขายอยู่ เพิ่มยอดขายจากไม่ถึงล้านมาเป็นหลายสิบล้านบาทในปัจจุบัน ได้รับการโปรโมทให้เป็น "ผู้จัดการทั่วไป" เป็นผู้รับนโยบาย มีส่วนร่วมในการวางแผน วางนโยบายในแง่การปฏิบัติ ซึ่งกล่าวได้ว่าตำแหน่งหน้าที่และความรับผิดชอบของเขา "เป็นรองคน ๆ เดียวแต่เหนือกว่าคนนับสิบนับร้อย"
รวมทั้งตอนนี้เขากำลังจะบุกเบิกสินค้าใหม่ คือเครื่อง INKJET CODING เป็นเครื่องจักรที่สามารถวางเข้าไปในไลน์การผลิตสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่งได้ทันทีเป็นเครื่องที่เน้นเล่นทาง "แพคเก็จจิ้ง" มากกว่า "ตัวสินค้า" ที่ต่างประเทศ "เล่น" กันมานานแล้ว บรรดาผู้ผลิตสินค้าในตลาดเมืองไทยยังไม่มี ใครสนใจจริงจังมากนัก
สิ่งที่น่าสนใจมาก ๆ ก็คือเขาเป็นรุ่นใหม่ที่ถูกหล่อหลอมจากความกระตือรือร้น กระหายอยากจะเรียนรู้ตลอดเวลาของตัวเอง
บวกกับการได้รับการศึกษาอบรมความรู้ทางการบริหารสมัยใหม่ จากโครงการของธนาคารกรุงเทพ มีลักษณะของความเป็น INTREPRENEUR ที่สามารถตัดสินใจ ลงทุน และเกาะกุมโอกาสได้อย่างดีเยี่ยม อันเป็นความรู้ที่ได้รับจากโครงการนักลงทุนรุ่นเยาว์
ทั้งหมดนี้เป็นอีกภาพหนึ่งของผู้บริหารสมัยใหม่ที่ "ผู้จัดการ" เชื่อว่า เศกสม เป็นคนหนึ่งที่พอจะเป็นตัวแทนของคนที่ประยุกต์ทั้งสามสิ่งเข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดี ของคนรุ่นใหม่อีกมากมายที่กระจายอยู่ในทุกองค์กร และหากได้รับโอกาสที่จะพิสูจน์ความสามารถของตนเองแล้วก็จะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต
"นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่เราก้าวเข้ามาทำธุรกิจ มีอะไรที่ต้องเรียนรู้ และท้าทายมาก เป็นการมองธุรกิจอย่างที่มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์ เป็นศิลปะ ซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงการใช้ความรู้ในทางทฤษฎีจากตำราเรียน สิ่งสำคัญคือเราต้องเรียนรู้จากความเป็นจริงที่เป็นอยู่ และเราต้องเรียนอีกมากจากทั้งสิ่งแวดล้อมและคนที่อยู่รอบข้าง" เศกสมสรุปวันนี้และสิ่งที่เขาต้องทำกับ "ผู้จัดการ"
ยังมีเวลาอีกนานที่เศกสมจะต้องพิสูจน์ตัวเองในเส้นทางนี้ของเขา เช่นเดียวกับคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดคล้ายคลึงกัน ที่พวกเราทุกคนคงหวังอย่างยิ่งที่จะเห็นคนอย่างเศกสมในธุรกิจของไทยมาก ๆ
|
|
|
|
|