|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ มิถุนายน 2531
|
|
BOI ก็เหมือนหน่วยงานรัฐบาลอื่นๆ นั่นล่ะ ที่ถือว่าเป็นที่รวมของบรรดาผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งกล่าวในแง่ทรัพยากรบุคคลของชาติแล้วไซร้ คนพวกนี้เขาเหมือนดั่ง "ทองคำ" ทองคำซึ่งมีค่ามหาศาลและเป็นความหวังอันบรรเจิดเพริดพริ้งของทุกๆ คน
ไม่ใช่เป็นทองส่องแสงของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างน่าสังเวชใจ!!
เมื่อก่อนนั้นเราพูดกันว่า ลูกไทยหลานไทยเอ๋ย! หากหวังได้ดิบได้ดีมีอนาคตในวันข้างหน้าแล้วล่ะก็ ต้องพยายามเข้าโรงเรียนนายร้อยให้จงได้ แต่มาถึงวันนี้จากอาเพศอุบัติภัยทางเศรษฐกิจต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่เว้นปี ทำให้ต้องเปลี่ยนความเชื่อถือกันเสียใหม่แล้วว่า
ลูกไทยหลานไทยเอ๋ย! หากหวังจะประสบความสำเร็จสูงสุดและมั่งคั่งภายในชั่วลัดนิ้วมือเดียวล่ะก็ จงเป็นข้าราชการในหน่วยงานไหนก็ได้ที่สามารถให้คุณให้โทษกับพ่อค้าได้อย่างแยบยล งานสบายๆ แค่ "แดกข้าวมันไก่" มื้อเดียวก็ร่ำรวยหายห่วงกันไปทั้งชาติเลยทีเดียว!!!!
BOI กับบทบาทของข้าราชการในสังกัดบางคน บางกลุ่ม ก็มีอยู่ไม่น้อยที่ถูกดูถูกมองด้วยสายตาและความรู้สึกคลางแคลงใจ!?
อาจจะผิดทั้งด้วยเจตนาหรือไม่เจตนา แต่ถ้าหากเขาเหล่านั้นเป็นอาชญากรที่กำลังปล้นชาติ ปล้นประชาชน ภายใต้อำนาจของกฎหมายที่เปิดช่องโหว่ให้แล้วไซร้ ย่อมเป็นเรื่องชวนสลดหดหู่เป็นอย่างยิ่งที่คนเหล่านั้นได้เย้ยหยันกติกาสังคมที่ทุกคนยอมรับอย่างไม่ไยดี
ในเมื่อทุกวันนี้เรามีโจรมากพอแล้ว คงไม่มีใครอยากเห็นโจรกลุ่มใหม่ปรากฏขึ้นมาทำมาหากินอยู่บนซากของโจร ที่เต็มไปด้วยความเลวร้ายและเป็นภัยต่อชาติบ้านเมือง ต่อประชาชนมารวมกันอีก?? โจรในคราบของนักบุญนั้นน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
ตัวละครที่ "ผู้จัดการ" กำลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้ พวกเขาทั้งหลายล้วนเป็นกำลังสำคัญของ BOI หน่วยงานรัฐที่กำลังถูกเพ่งเล็งเป็นอย่างมากถึงการทำคุณประโยชน์ให้กับนักลงทุน บทบาทของพวกเขาทั้งหมดจึงเป็นเรื่องชี้ชัดได้เป็นอย่างดีว่า
เราหวังที่จะเห็นการทำลายความฉ้อฉลทุกรูปแบบจากพวกเขาได้หรือไม่???
พวกเขาและ BOI ควรดำรงอยู่ต่อไปเพื่อเป็น "เสาหลัก" ของการพัฒนาอุตสาหกรรมดีหรือไม่!!??
คำตอบนั้นมิได้ล่องลอยอยู่ในสายลม!!!!
สถาพร กวิตานนท์ - รองเลขาธิการฯ BOI สถาพรย้ายข้ามฟากจากตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการสภาพัฒนาฯ มาเป็นรองเลขาธิการฯ BOI เมื่อปี 2527 แรกทีเดียวเขาได้รับการคาดหมายว่าจะให้ขึ้นมาเป็นเลขาฯ สืบแทนเดชา เพราะเป็นที่รู้กันอยู่ตื้นๆ ว่า สถาพรเป็นสายตรงมาจากทำเนียบ"
แต่แล้วโผกลับถูกเปลี่ยนให้เป็น ชีระ ภาณุพงศ์ สายตรงอีกคนหนึ่งขึ้นมากุมบังเหียนแทน...
สถาพรเมื่อเข้ามาอยู่ใน BOI ใหม่ๆ กล่าวกันว่า เขาออกจะมีความคิดขัดแย้งกับชีระอยู่เนืองๆ ซึ่งอาจเป็นผลพวงมาจากการงานที่สภาพัฒนาฯ ที่มักยึดถือความคิดเห็นของตนเองเป็นหลัก ยังไงสถาพรก็ได้ชื่อว่า เป็นความหวังใหม่ เขาเป็นคนที่มีความคิดปราดเปรื่อง ฉับไว ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว งานที่รุดหน้าของ BOI เป็นเพราะเขาผลักดันอย่างมากคนหนึ่ง
สถาพรยังเหลืออายุงานอีกหลายปี ตำแหน่งเลขาธิการฯ นั้น เขาจองไว้แล้ว หากไม่มีอะไรขัดแย้งกับสื่อมวลชนไทยอีก เชื่อว่าเขาจะได้รับแรงเชียร์ไม่น้อยเลย
วาณี เลิศดำริห์การ - รองเลขาธิการฯ ลูกสาวขุนเลิศดำริห์การ อดีตผู้ว่าฯ กทม. ผู้นี้นับเป็นลูกหม้อดั้งเดิมของ BOI สมพร บุณยคุปต์ พูดถึงคู่ใจในการทำงานของเขาคนนี้ว่า เป็นคนที่มีความตั้งใจจริง ไม่ยอมตกเป็นหมากให้ใครเดิน เป็นคนที่มีอัธยาศัยน่าคบหาเป็นอย่างยิ่ง
คนใน BOI เองก็ชมเชยวาณีไม่น้อยว่า "น่าเสียดายที่การทำงานของบางกองฯ ควรจะให้ความสำคัญกับรองเลขาฯ มากขึ้น ท่านเป็นคนที่ไม่เคยนอกลู่นอกทาง ซื่อสัตย์ที่สุดก็ว่าได้"
ก็คงน่าเสียดายจริงๆ เพราะอายุงานของวาณีเหลืออีกไม่มากแล้วก็ต้องเกษียณ!!
เปรมศรี เกตุวงศ์ - ผู้ช่วยเลขาธิการฯ เศรษฐศาสตร์บัณฑิตผู้นี้ไต่เพดานขึ้นมาจากตำแหน่ง ผอ.กองวิเคราะห์โครงการ แล้วมาเป็นผอ.กองแผนงาน จากนั้นจึงเลื่อนขึ้นมาเป็นเลขานุการกรมฯ สมัยเดชาแล้วขึ้นมาเป็นผู้ช่วยฯ เพราะอาวุโสสูงสุด
เปรมศรีก็เฉกเช่นข้าราชการผู้หญิงรุ่นเก่าๆ คนหนึ่ง ที่ไม่มีพิษมีภัยอะไรกับใคร การตัดสิใจไม่ค่อยเด็ดขาดนัก เป็นผู้ช่วยฯ ที่ระดับ ผอ. ไม่ค่อยได้มาสุงสิงมากนัก เนื่องจากรู้ว่าเป็นคนที่หนุนใครไม่เป็นและกำลังหนุนก็ไม่แข็งแกร่งนัก เปรมศรีจัดว่าเป็น "น้ำดี" อีกรายหนึ่งของ BOI
จักรชัย พาณิชพัฒน์- ผู้ช่วยเลขาธิการฯ วัย 51 ปีคนนี้ จบปริญญาตรี วิศวฯ ไฟฟ้า จุฬาฯ และ จบปริญญาโทสาขาเดียวกันที่สหรัฐอเมริกา เดิมทีจักรชัยรับราชการอยู่ที่กรมชลประทาน ก่อนย้ายข้ามฟากมาเป็นหัวหน้ากองตรวจสอบ BOI
เหตุที่จักรชัยย้ายมาเป็นหัวหน้ากองตรวจสอบได้นั้นข่าวด้านหนึ่งระบุว่า เป็นเพราะพ่อของเขา ดุสิต พาณิชพัฒน์ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ ได้ชื่อว่าเป็นคนสนิทของจอมพลประภาส จารุเสถียร ผู้หนึ่ง ซึ่งจอมพลประภาสก็เคยมีอำนาจไม่น้อยใน BOI ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จักรชัยจะมาอยู่ได้
จักรชัยอยู่ BOI ประมาณ 10 ปี จึงย้ายมาเป็น ผอ.กองสิทธิ ราวปี 2524 แล้วโยกไปเป็น ผอ.กองพัฒนาโครงการในปี 2528 ก่อนขึ้นเป็นผู้ช่วยฯ ในปี 2529 สไตล์การทำงานของเขาเป็นคนที่ค่อนข้างกล้าตัดสินใจ กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นเป็นของตัวเอง โอกาสที่จะขยับขึ้นเป็นรองเลขาฯ อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
อีกมุมมองหนึ่งแจ้งว่า เขาพัวพันอยู่กับพรรคกิจสังคมอย่างแนบแน่น????
วีระ นาควัชระ - ผอ.กองสิทธิประโยชน์ น้องชายจิตแพทย์ชื่อดัง วิทยา นาควัชระ คนหนุ่มที่เกิดมาในตระกูลผู้ดีและค่อนข้างจะร่ำรวย วีระจบปริญญาตรี วิศวกรรมไฟฟ้า จุฬาฯ และจบปริญญาโท วิศวกรรมอุตสาหการ ที่สหรัฐอเมริกา
วีระเริ่มต้นทำงานกับ BOI เมื่อปี 2514 ในกองสิทธิประโยชน์ 4 ปี แล้วไปอยู่กองตรวจสอบ 2 ปี ก่อนกลับมาเป็นใหญ่ที่กองสิทธิประโยชน์อีกครั้งโดยได้รับตำแหน่ง ผอ. ในปีที่ผ่านมา บางคนใน BOI บอกว่า เขาเป็นคนสุขุม ลึกซึ้ง และพลิกแพลงบทเล่นได้อย่างกลมกลืนจึงเลื่อนขึ้นมาอย่างปรู๊ดปราดโดยได้รับแรงหนุนจาก จักรพันธ์ - ปราณี - โสฬส ซึ่งโสฬสนั้นเข้ากันได้อย่างดีกับเลขาฯ ชีระ
"แกเป็นคนทำงานดีนะ แต่บางครั้งมักติดยืดเยื้อโดยที่เราคิดว่ามันไม่จำเป็น ความยืดเยื้อดังกล่าวนี้ทำให้นักธุรกิจที่เข้ามาติดต่อต้องยุ่งยาก เกิดปัญหาเสียเวลา และยุ่งยากเรื่องที่ไม่จำเป็น" แหล่งข่าวคนหนึ่งกล่าว
เขายังเป็นเลขานุการและกรรมการอนุกรรมการสิทธิประโยชน์เครื่องจักรและวัตถุดิบที่มีส่วนเกี่ยวพันกับนักลงทุนมากที่สุด เป็นกรรมการที่มีความละเอียดอ่อนลึกซึ้งอย่างมากกับคำครหาว่า "จะมีนอกมีในหรือไม่กับการให้สิทธิพิเศษ" เพราะหน่วยงานนี้มีนักลงทุนบางคนบอกว่า กรรมการบางคนตั้งราคาการช่วยเหลือไว้เลย 20%
คนหนุ่มที่มีอนาคตก้าวไกลอย่างวีระและมีพื้นฐานครอบครัวที่ดี เราเชื่อว่าเขาไม่ใช่คนที่จะเสี่ยงเล่นเกมนี้อย่างที่หลายคนมองหน่วยงานนี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก
ย้อนหลังถึงเรื่อง การเพิ่มจำนวนแกนปั่นด้ายของบริษัทไทยเมล่อนเทกซ์ไทล์ ของเสี่ยสุกรี โพธิรัตนังกูร ที่กล่าวกันว่ามีลับลมคมในยากหยั่งคิดเพราะในช่วยปี 2527 มีการเพิ่มจำนวนแกนปั่นด้ายผิดสังเกตถึง 40,000 แกน ซึ่งเป็นการสวนทางกับความเป็นจริงของตลาดอย่างมาก
ครั้งนั้นมีคำถามเกิดขึ้นมาว่า ทำไป BOI ถึงให้บัตรส่งเสริมกับไทยเมล่อนฯ และ ไทยเมล่อนฯ กับบทบาทที่ผ่านมาช่วง 2-3 ปีก็ยังคงขยายแกนปั่นด้ายไม่หยุดหย่อน ซึ่งคนที่หลายคนวิพากษ์ถึงว่าน่าจะเป็นผู้ให้คำตอบได้ดีที่สุดก็คือ "วีระ นาควัชระ"!!??
พรชัย ตุลยธัญ - ผอ.กองตรวจสอบ เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่ สมพร บุณยคุปต์ ระบุว่า "รู้จักสมพรดีที่สุด" พรชัยจบปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ อุตสาหการ จุฬาฯ ปริญญาโท สาขาเดียวกันที่สหรัฐอเมริกา และ ปริญญาเอก สาขาเดิมอีกที่ เอไอที.
พรชัยเริ่มต้นชีวิตข้าราชการก็ที่ BOI ในปี 2516 โดยเริ่มงานที่กองตรวจสอบ แล้วลาไปเรียนต่อที่ เอไอที. พอกลับมาเลื่อนขั้นอย่างรวดเร็ว หากเป็นนักค้ำถ่อเขาก็คงได้เหรียญทองไปครองอย่างสบายๆ ในสมัยเลขาฯ สมพร พรชัยเลื่อนขั้นปีละซี จากซี 5 ไป 6 ไป 7 และขึ้น 8 เป็นผอ.กองพัฒนาโครงการ
"เขาสนิทกับเลขาฯ สมพรมาก เมื่อเลขาฯ สมพรไปเป็นวุฒิสมาชิกก็ไม่ได้ทิ้งขว้าง ยังคงคอยให้คำปรึกษาอยู่เนืองๆ พูดถึงเรื่องแรงหนุนภายนอกแล้วพรชัยสูงกว่าทุกคน" แหล่งข่าวกล่าว
การก้าวขึ้นมาอย่างรวดเร็วทำให้บางคนไม่ชอบเขาเท่าไรนัก แม้ว่าพรชัยจะพยายามสร้างมนุษยสัมพันธ์ ใจกว้าง เขาเป็นคนที่ข้าราชการระดับล่างนิยมชมชอบ เพราะพรชัยพยายามสร้างความคุ้นเคยจนถูกมองว่า เขากำลังสร้างฐานในอนาคต??
ก้าวเดินของพรชัยต้องพบอุปสรรคเพราะเดิมทีเดียว เขาเป็นผอ.กองสิทธิประโยชน์ กองที่หลายคนหมายตา แต่แล้วด้วยกระแสผลักดันทุกวิถีทางทำให้พรชัยหลุดพ้นวงโคจรมาอยู่กองตรวจสอบ เพื่อผลักดันให้วีระสวมตำแหน่งแทน
พรชัยมีลูกน้องคนสนิทคนหนึ่งชื่อ บุญรัตน์ เป็นข้าราชการซี 7 กองพัฒนาโครงการ หลายเรื่องที่บุญรัตน์รับเป็นหน้าเสื่อให้กับเขา ทว่าฟ้าวันนี้ใน BOI ของพรชัย ยุคชีระยังเรืองอำนาจยังคงเป็นฟ้าสลัวๆ ที่ไม่สดใสเหมือนฟ้าของเขาในยุคเลขาฯ สมพร !?
โสฬส งามวงศ์วาน - หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจ จบปริญญาตรี ประสานมิตร ก่อนมาเรียนต่อด้านเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โสฬสมาจากครอบครัวที่ไม่สู้ดีนัก แรกๆ ที่ทำงานใน BOI เขาต้องลำบากลำบนขึ้นรถเมล์มาทำงาน บ้านก็ต้องอาศัยเช่าคนอื่นอยู่
โสฬสเริ่มทำงานใน BOI ที่กองวิเคราะห์ฯ และก็ปักหลักอยู่กับกองนี้มาตลอดจนได้รับแต่งตั้งจากชีระให้เป้ฯหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจที่จัดตั้นขึ้นตามอำนาจเลขาธิการฯ เป็นหน่วยงานที่ทำงานคล้ายกับกองวิเคราะห์ และส่งเรื่องผ่านถึงตัวเลขาฯ ได้เลย
ชีระสมัยเป็นรองเลขาฯ และมีหน้าที่ดูแลงานกองวิเคราะห์นั้น เขาทีลูกน้องที่เชื่อมือได้คนหนึ่งคือ โสฬส งามวงศ์วาน เมื่อชีระก้าวขึ้นไปเป็นเลขาฯ โสฬสยังคงเป็นมือกระบี่ที่เขาวางใจจึงได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจที่รอวันขึ้นเป็นผอ.กองในกองหนึ่ง
"เลขาฯ ชีระ หากจะเรียกใช้ใครแล้วล่ะก็ 2คนแรกที่จะต้องถูกเรียกคือวีระ กับโสฬส" แหล่งข่าวภายในกล่าวกับ "ผู้จัดการ"
โสฬสในตำแหน่งหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจในทุกวันนี้ เขาไม่ต้องโหนรถเมล์มาทำงานอีกแล้ว แต่กลับเปลี่ยนรถทำงาน 2 คัน คันหนึ่งเป็น บีเอ็มดับบลิว. ส่วนอีกคันเป็น โตโยต้า และยังมีบ้านหลังงามๆ กับที่ดินของตัวเองอีกด้วย!!!!
ปราณี ยศะสินธุ์ - ผอ.กองแผนงาน นี่ก็เป็นลูกหม้ออีกรายหนึ่งของ BOI หลังจบปริญญาโท เศรษฐศาสตร์ ที่สหรัฐอเมริกา แล้วเลื่อนขึ้นมาเป็น ผอ.กองวิเคราะห์ ในสมัยเลขาฯ สมพร
"สมัยคุณสมพรแกรุ่งมากที่สุด มาถึงสมัยเลขาฯ ชาญชัยบทบาทก็ยังไม่ถดถอย ตอนนั้นเรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวของ กองวิเคราะห์ที่โดดเด่นที่สุด รู้จักนักลงทุนมากที่สุด พอตอนหลังถูกย้ายไปเป็น ผอ.กองแผนงาน เลยอยู่แบบไปวันๆ" แหล่งข่าวกล่าว
จักรพันธ์ ยศะสินธ์ - ผอ.ศูนย์บริการลงทุน สามีของปราณี จบปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ เครื่องกลจากเยอรมัน เขาก็เหมือนกับภรรยา ที่รุ่งโรจน์ในยุคเลขาฯ สมพร และเพราะด้วยความเป็นคนใจกว้างของสามี - ภรรยา คู่นี้จึงทำให้รู้รสชาติของการถูกหักหลังอย่างเจ็บปวดที่สุด
"เขาทั้งคู่เคยหนุนคนๆ หนึ่งขึ้นมาเป็น ผอ. แล้วปัจจุบันนี้ คนผู้นั้นแทบจะเหลียวมองสามี - ภรรยาคู่นี้อีกเลย" แหล่งข่าวภายในกล่าว
เขาคนนั้นที่ถูกหนุนคือคนที่ตั้งเป้าการทำมาหากินในตำแหน่ง ผอ. เอาไว้ว่าจะต้องทำให้ได้ถึง 100 ล้านบาท!!!!
วันชัย มหิธนังกูร - ผอ.กองเผยแพร่ ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และปริญญาโท จากสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นทำงานที่ BOI ในกองตรวจสอบสมัยเลขาฯ สมพร แต่เป็นเพราะความใจร้อนบุ่มบ่าม จึงทำให้ไม่กินเส้นกับใครนัก ถูกย้ายไปเป็นหัวหน้าสำนักงานนิวยอร์ก 4 ปีแล้วกลับมาอยู่กองสิทธิประโยชน์ที่ไม่มีบทบาทอะไรมากนัก เพราะถูกรัศมีของวีระบดบังอยู่เสียสนิท
วันชัยเริ่มเป็นที่ถูกจับตามองอีกครั้งเมื่อปี 2530 หลังจากได้รับแต่งตั้งเป็นผอ.กองเผยแพร่ ซึ่งเป็นกองที่ต้องวิ่งชนกับนักลงทุนเป็นลำดับแรก โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนจากไต้หวันที่โหมลุยเข้ามาลงทุนในบ้านเราอย่างมากมายล้วนรู้จักวันชัย
วันชัยมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง เพื่อนของเขาคนนี้รู้ภาษาจีนดีจึงตั้งบริษัทที่ปรึกษากฎหมายคอยให้การบริการกับกลุ่มนักลงทุนไต้หวัน ซึ่งการบริการนี้บริษัทเพื่อนของเขาจะรับอาสาเป็นคนติดต่อและดำเนินเรื่องให้ตั้งแต่ต้นจนจบ
ม้าตีนปลายรายนี้ไม่มีสิทธิประมาทเขาได้เลย????
พงษ์ศักดิ์ อังสุพันธ์ - ผอ.กองวิเคราะห์ จบเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ รุ่นเดียวกับ สถาพร กวิตานนท์ เดิมทีอยู่กองวิเคราะห์ และเคยถูกเสนอชื่อให้มาเป็น ผอ.ศูนย์บริการลงทน แต่ต้องอกหักไปในสมัยเลขาฯ สมพร ถึงกับขอย้ายตัวเองไปเป็นหัวหน้าสำนักงานซิดนีย์ ออกเตเลียนานถึง 8 ปี จนเลขาฯ สมพรเกษียณจึงย้ายกลับมาเป็นผอ.กองวิเคราะห์
พงษ์ศักดิ์เป็นคนง่ายๆ เรียบๆ เงียบเสียจนไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่????
ชุตาภรณ์ ลัมพสาละ - ผอ.กองต่างประเทศ ใหม่ล่าสุดของ BOI เข้ามาทำงานที่นี่เมื่อปี 2529 โดยรองเลขาฯ สถาพรเป็นคนดึงมาจากสภาพัฒน์ฯ บทบาทของเธอยังไม่เด่นชัดเท่าที่ควร แต่จัดว่าเป็นคนที่กระตือรือร้น และค่อนข้างจะละเอียดในการทำงาน เชื่อว่าหากถึงยุคของสถาพร วันนั้น ชุตาภรณ์คงพิสูจน์ความสามารถให้เห็นมากไปกว่านี้
อย่างที่ "ผู้จัดการ" กล่าวไว้แต่ต้นแล้วว่า BOI เป็นหน่วยงานที่ถูกหมายตาเป็นอย่างมากในปัจจุบัน บทบาทที่แสดงออกไปทำให้หลายคนวิจารณ์กันอย่างหนักแน่นว่า "สมควรรื้อทิ้งไปได้แล้วหรือไม่" เพรารังแต่จะสะสมเนื้อร้ายทุกวี่วัน...
ก็ฝากความหวังไว้กับบุคคลที่ได้เอ่ยถึงมาทั้งหมดนี้แหละ ที่จะช่วยกันรังสรรค์บทบาทของ BOI ให้เป็นที่อบอุ่นใจของนักลงทุน ช่วยกันยื่นดอกไม้คนละไม้คนละมือ ภาพของ BOI ก็คงจะดีขึ้น เรื่องที่หลายๆ คนเสนอให้ยุบทิ้งก็อาจจะหมดไป...
สำคัญที่ว่าถ้าทุกอย่างยังเละเทะเปรอะเปื้อนไม่รู้จบ เห็นจะมีก็แต่ "พวงหรีด" ที่ประดับด้วยดอกไม้ราคาถูกๆ ยื่นให้ทดแทน!!!!
|
|
|
|
|