ในที่สุดภาวะอัดอั้นรอคอยมานานถึง 23 ปี ของคนไทยก็ได้รับการปลดเปลื้องอีกครั้งหนึ่งกับความสำเร็จสูงสุดของตำแหน่ง "นางงามจักรวาล" ประจำปี 2531

และไม่ว่า "ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก" ผู้หญิงที่นำความยินดีมาให้กล่าวโดยข้อเท็จจริงเธอจะเป็นผลผลิตจาก ยู.เอส.เอ. เสียมากกว่า แต่เลือดเนื้อเชื้อไขเธอยังเป็น "คนไทย" ทุกอณูธาตุ นอกจากนี้ผลพวงที่จะส่งผ่านมากับความสำเร็จของเธอย่อมตกอยู่ในประเทศไทยโดยตรง

ความงามอันเป็นอัจฉริยภาพของเธอจึงสามารถยอมรับได้อย่างบริสุทธิ์ใจ ส่วนหนทางข้างหน้าเป็นเรื่องที่เธอต้องพิสูจน์ให้ทั่วโลกประจักษ์ชัดถึงความมีคุณภาพแท้จริงว่า เธอนั้นคู่ควรแล้วกับการเป็นสมบัติอันเลอค่าของแผ่นดินอีกชิ้นหนึ่ง!!!

ก็คงเป็นเรื่องปกติเบื้องหน้า-เบื้องหลังชัยชนะยิ่งใหญ่เช่นนี้ ย่อมต้องมีทั้งคนที่ดีใจและเสียใจ โดยไม่เจตนาควบคู่กัน รายที่น่าดีใจเป็นเบื้องต้นจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากบริษัท คอลเกตปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ให้การสนับสนุนงานประกวดนางสาวไทย ซึ่งเป็นจุดสตาร์ทก่อนก้าวไปสู่สนามนางงามจักรวาล

การพลิกแพลงกลยุทธ์ทางการตลาดโดยใช้ "ความงาม" เป็นตัวล่อของคอลเกตฯ นั้น ทั้งเหนื่อยและหมดงบไปไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท ในการประกวดแต่ละปี แต่ผลจากชัยชนะของภรณ์ทิพย์เชื่อได้เลยว่าไม่ช้าไม่นาน คอลเกตฯ ย่อมต้องคั่วผลประโยชน์ต่อเนื่องด้วยเทคนิคหลากหลายทางการตลาดอย่างยากที่จะปฏิเสธ

24 พฤษภาคม 2531... บรรยากาศโดยทั่วไปภายในคอลเกตฯ ยังคงซึมเศร้าวังเวงกับการตบเท้าลาออกของมืออาชีพที่ร่วมปลุกปั้นความสำเร็จกับคอลเกตฯ มาช้านานหลายๆ คน เมื่อ "ผู้จัดการ" สอบถามข่าวคราวการประกวดนางงามจักรวาล หลายคนยังไม่รู้เรื่องเสียด้วยซ้ำไป

26 พฤษภาคม 2531... ความเงียบเหงาจากอุบัติเหตุมืออาชีพลาออกภายในคอลเกตฯ ยังคงมีอยู่บ้าง แต่ในสถานการณ์ที่เป็นต่อจากชัยชนะของภรณ์ทิพย์ คอลเกตฯ ย่อมไม่รีรอใดๆ อีกต่อไป และแล้วแผนเร่งด่วนก็ถูกสั่งลงมายังฝ่ายปฏิบัติการตลาดอย่างทันควัน ด้วยการสั่งพิมพ์โปสเตอร์นางงามจักรวาลคนล่าสุดเพื่อใช้ในการโปรโมทสบู่ปาล์มโอลีฟ ซึ่งเป็นสบู่ที่สนับสนุนงานประกวดนางสาวไทยมาแต่ต้น

ก็เจ๊ากันไปกับการสูญเสียมืออาชีพ เพราะพอที่จะคาดหวังได้บ้างว่า อนาคตสินค้าหลายตัวของค่ายคอลเกตฯ ไม่ว่าจะเป็นยาสีฟัน สบู่ ผงซักฟอก จะ "ตกทอง" จากชัยชนะของภรณ์ทิพย์ได้อีกยาวไกลตามประสาโรคคลั่งคนดังของผู้บริโภคคนไทย!!!

โรงเรียนสอนตัดเสื้อระพีเป็นอีกรายที่โชควิ่งเข้ามาอย่างไม่รู้ตัวในฐานะผู้ออกแบบและตัดเย็บชุดประกวดของนางสาวไทย เพราะปกติคนที่เป็นสปอนเซอร์เสื้อผ้าของนางสาวไทยก็คือ "โรงเรียนสอนตัดเสื้อกาลวิน"

ความสำเร็จโดยบังเอิญที่ตกใส่มือระพีเริ่มกันตรงที่ โรงเรียนสอนตัดเสื้อกาลวินมีความไม่พอใจคณะกรรมการจัดงานประกวดนางสาวไทยปีนี้ที่ไปเซ็นสัญญาให้ "ไข่ บูติค" เป็นคนออกแบบและตัดเย็บชุดค็อกเทล ประจวบเหมาะกับที่ไข่บูติคก็มีโครงการจัดตั้ง "วิทยาลัยแฟชั่น" แข่งขันกับกาลวินด้วย รูปการณ์ออกมาอย่างนี้ทางกาลวินถือว่าเป็นการหักหน้ากันมากเกินไป จึงขอถอนการสนับสนุนชุดต่างๆ ที่เหลืออยู่ ทางคณะกรรมการฯ เลยหันไปคว้าโรงเรียนสอนตัดเสื้อระพีมารับหน้าเสื่อแทน...

ชุดราตรีสวยสบายที่ภรณ์ทิพย์ใส่ประกวดนั้นเป็นฝีมือของทีมงานโรงเรียนสอนตัดเสื้อระพีที่ใช้เวลาออกแบบและตัดเย็บเพียง 10 วัน แต่เป็นสิบวันที่ช่างคุ้มค่าเสียจริงๆ ชื่อเสียงของโรงเรียนสอนตัดเสื้อระพีที่ได้เงียบหายไปหลายปีคงได้ฤกษ์กลับมาสู่ความนิยมของผู้คนอีกครั้งหนึ่ง

ลำยง บุณยรัตพันธุ์ เจ้าของโรงเรียนสอนตัดเสื้อระพีเก็บความดีใจและมองเห็นอนาคตที่มีความหวังของระพีได้แล้ว... ขณะที่ ทัฐนีย์ ศิริเยี่ยม เจ้าของโรงเรียนสอนตัดเสื้อกาลวิน คงต้องนั่งหาคำตอบให้กับตัวเองอยู่ในทีว่า "ทำไมนะโชคโดยบังเอิญนี้ถึงหลุดมือกาลวินไปเสียได้"

นี่แหละหนาอย่างที่เขาเรียกว่า "เก่งนั้นบางทีก็สู้เฮงไม่ได้"!!!

อีกรายหนึ่งที่อาจได้รับผลพวงจากชัยชนะของภรณ์ทิพย์ก็คือ บริษัทสิทธิผลมอเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ เหตุที่สิทธิผลฯ อาจเข้ามามีเอี่ยมเกี่ยวข้องด้วยนั้นก็ด้วยเหตุผลที่ว่ารถยนต์ที่นางงามจักรวาลได้รับคือ "มาเซราตี" นั้นเป็นรถยนต์ในเครือบริษัทไครส์เลอร์ที่เข้าไปเทคโอเวอร์กิจการของมาเซราตีมาเมื่อไม่ช้าไม่นาน

สิทธิผลมอเตอร์ - มิตซูบิชิ นั้นไม่เพียงแต่จะเป็นสปอนเซอร์ให้กับนางสาวไทยเป็นปีแรกในปีนี้เท่านั้น หากว่าสิทธิผลฯ - มิตซูบิชิ (ประเทศไทย) ยังเป็นผู้ร่วมทุนของไครส์เลอร์ในภาคพื้นเอเชียอีกด้วย ซึ่งมีข่าวว่า ลี ไอเอค็อคค่า ประธานฯ ใหญ่ไครส์เลอร์จะเดินทางมาเมืองไทยเร็วๆ นี้

มิตซูบิชิก็เป็นรถนางสาวไทย...มาเซราตี...ก็เป็นรถของนางงามจักรวาล...และนางสาวไทยกับนางงามจักรวาลก็เป็นคนๆ เดียวกันเสียด้วย ความบังเอิญอย่างนี้มีหรือที่สิทธิผลฯ - มิตซูบิชิ จะไม่แย้มยิ้มภูมิใจไว้ล่วงหน้า!!!

ที่แน่ๆ กลยุทธ์ตลาดรถยนต์ในบ้านเราปีนี้คงได้มีทีเด็ดอะไรใหม่ๆ ออกมาให้ยลอย่างแน่นอน!!!

และความเป็นจริงที่พยากรณ์ได้ล่วงหน้าเลยประการหนึ่งก็คือ นับต่อจากนี้ไปธุรกิจประกวดขาอ่อนในบ้านเราคงได้มีโอกาสต้อนรับผู้หญิงสวยๆ ที่มีความรู้พากันหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่เคอะเขินอีกแล้ว ก็คงน่าสนใจอยู่หรอกเพราะเงินรางวัลและสิ่งของที่อาจได้รับมีมูลค่าน้อยกันเสียเมื่อไร...

จริงหรือไม่จริงถามป้าชุลี ใจยงค์ ดูก็ได้ นี่ก็มีข่าวว่าต่อจากนี้ป้าแกอาจไม่สนใจคนสวยพื้นๆ ตามชนบทอีกต่อไปแล้ว แต่พร้อมที่จะทุ่มเงินไปกว้านหานางงามสายเลือดไทยถึงอเมริกาโน่นเลยทีเดียว!!!