|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ มิถุนายน 2531
|
|
การเข้ามาในเมืองไทยของซาทชิ แอนด์ ซาทชิ อันเป็นผลจากการเข้าเทคโอเวอร์บริษัทเทดเบทส์เป็นการเข้ามาที่ดูเหมือนว่าฝุ่นจะตลบไปหมด
ก็คงไม่ต้องพูดกันให้มากความแล้วกระมังว่า เกิดอะไรขึ้นในช่วงที่เป็นทรานซิทชั่นของ ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ เพราะข่าวคราวความอีรุงตุงนังนั้นก็คงมีรายงานออกมาสม่ำเสมอโดยที่ ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ เป็นฝ่ายรูดซิปปากตัวเองไว้แน่นสนิทมาตลอดปีกว่าๆ นี้ มิไยที่ใครต่อใครจะทิ่มตำขนาดไหนก็ตาม
การเข้ามาชนิดฝุ่นตลบของ ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ นั้น สาเหตุสำคัญก็คงไม่ผิดหรอกถ้าจะบอกว่าเป็นเพราะ ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ เข้าฮุบกิจการของเทดเบทส์ซึ่งสาขาในเมืองไทยได้เข้ามาปักหลักอยู่นานแล้ว ซึ่งก็เป็นปรากฏการณ์ทั่วไปขององค์กรที่เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบถอนราก
แต่อีกสาเหตุหนึ่งก็คงเป็นเพราะ "ความใหญ่" ของ ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ ด้วย
ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ เป็นบริษัทสัญชาติอังกฤษที่ถูก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2513 โดยพี่น้องตระกูล ซาทชิ 2 คน เริ่มต้นด้วยการเป็นกิจการเล็กๆ มีพนักงานเพียง 8 คน แต่สามารถสร้างประวัติการณ์น่าตื่นตะลึงเมื่อทะยานขึ้นสู่ความเป็นเอเยนซี่อันดับหนึ่งของอังกฤษได้สำเร็จในปี 2523 หลังจากก่อตั้งมาได้เพียง 10 ปี และปีต่อมาก็คว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งของยุโรป
เมื่อปี 2529 ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ ขึ้นมาใหญ่อันดับ 2 ของโลก ซึ่งถ้าวัดกันเฉพาะยอดบิลลิ่งจากเครือข่ายทั้งหมดก็เป็นอันดับหนึ่ง
ยอดบิลลิ่งของซาทชิ แอนด์ ซาทชิ เวิร์ลดไวด์ เมื่อปี 2530 ที่ผ่านมานั้นเท่ากับ 4.6 พันล้านเหรียญ ส่วนของเครือข่ายทั้งหมดเท่ากับ 9 พันล้านเหรียญ
ใหญ่หรือไม่ก็ดูเอาเถอะ
โรดอริค มอร์ ประธานภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ อินเตอร์เนชั่นแนล ยอมรับว่าความใหญ่เป็นหลักการสำคัญของ ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ เช่นเดียวกับหลักการอีก 2 ประการ คือการทำกำไรและการมีความริเริ่มสร้างสรรค์
"มันไม่ใช่เรื่องยากเลยในการเข้าถึงเพียง 2 ใน 3 ของหลักการนี้ เพราะปัจจุบันมีบริษัทโฆษณาขนาดใหญ่ที่ทำกำไรมากๆ ไม่น้อยเลย แต่บริษัทโฆษณาเหล่านี้มักไม่ประสบความสำเร็จด้านการสร้างสรรค์และมีบริษัทโฆษณาที่มีความคิดสร้างสรรค์มาก แต่ก็มีขนาดเล็กไม่สามารถโตได้ ความมุ่งหมายตลอดกาลของเราคือ บรรลุถึงหลักการทั้ง 3 ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ยังไม่มีบริษัทโฆษณาแห่งใดทำได้มาก่อน" โรดอริค มอร์ ถือโอกาสโอ่สำทับ
การเข้ามาของยักษ์ใหญ่ ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ แม้ในระยะที่ผ่านมาฝุ่นจะตลบไปหมดก็จริง แต่ถึงวันนี้ดูเหมือนว่าฝุ่นได้จางไปพอสมควรแล้ว
เพราะฉะนั้นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจึงได้อุบัติขึ้นเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา
โรดอริค มอร์ ตัดสินใจบินมาเป็นประธานพิธีเปิดตัวครั้งนี้ด้วยตัวเอง ส่วนคนอื่นๆ ก็มี ปีเตอร์ คูลิ่ง กรรมการผู้จัดการ ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ ประเทศไทย, นิพนธ์ สัจจาวุธ ผู้อำนวยการฝ่ายการบริหารที่เคยอยู่กับเทดเบทส์, สุพจน์ เตรียมศิริวรกุล ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อโฆษณา, ดิเรค โบว์เดน ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อโฆษณา เวิร์ลดไวล์ด ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ อินเตอร์เนชั่นแนล, แอนดี้ เฟรเชอร์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ อินเตอร์เนชั่นแนล และ จูลี่ ลินกัน ที่ปรึกษาฝ่ายงานสร้างสรรค์ของ ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ ประเทศไทย
และเนื่องจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกนี้ ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ เปิดประเดิมด้วยการแถลงถึงกิจกรรมในส่วนที่เรียกว่า "ไดเร็กต์มาร์เก็ตติ้ง" วันนั้นนอกจากผู้บริหารของ ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ ทั้งระดับโลกและในประเทศไทยตามรายชื่อข้างต้นแล้ว ปีเตอร์ โรเชนวอลด์ ประธาน ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ ไดเร็กต์ และ ลีนน์ คลาเปคกี้ กรรมการผู้จัดการบริษัทโปรเฟชชั่นแนล มาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส (พี.เอ็ม.เอส.) ก็เลยต้องรวมอยู่ด้วย
พี.เอ็ม.เอส นั้นเป็นกิจการส่วนตัวของลีนน์ที่เข้ามาทำงานด้านไดเร็กต์มาร์เก็ตติ้งในเมืองไทยตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว และเพิ่งจะเข้าไปอยู่ในเครือข่ายของซาทชิ แอนด์ ซาทชิ ภายใต้ชื่อ ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ ไดเร็กต์ เมื่อเร็วๆ นี้เอง
โรดอริค มอร์ กล่าวว่า ในอเมริกาและยุโรป มีธุรกิจด้านไดเร็กต์มาร์เก็ตติ้งมานานแล้ว แต่สำหรับในเอเชีย สายงานนี้ยังดูใหม่มาก แม้ว่าจะมีบริษัทผู้ประกอบธุรกิจด้านนี้ถึง 2 - 3 รายแล้วก็ตาม
"เรามีความเชื่ออย่างเดียวกับลูกค้าหลายรายของเราว่า เมืองไทยเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และผมแน่ใจว่าทุกท่านในที่นี้ย่อมเคยได้ทราบมาก่อนว่า เศรษฐกิจของไทยมีอนาคตแจ่มใสและจะขยายตัวได้อีกมาก ไม่ด้อยไปกว่า เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง และสิงคโปร์เลย สิ่งที่ทำให้เมืองไทยน่าสนใจมากคือ การมีประชากรถึง 53 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขมหาศาลสำหรับการตลาดในประเทศ" มอร์กล่าวในตอนหนึ่ง
ส่วนลีนน์ คลาเปคกี้ ซึ่งเคยศึกษาและมีประสบการณ์ในงานด้านไดเร็กต์มาร์เก็ตติ้งในเมืองไทยมามากก็บอกว่า โดยทั่วไปแล้วงานไดเร็กต์มาร์เก็ตติ้งในงานพิมพ์โฆษณาเอเชียจะเน้นหนักไปที่งานไดเร็กต์เมล์ และคูปองตอบรับเสียเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ ต้องการนำเสนอขอบข่ายของงานซึ่งครบวงจรกว่า "อย่างเช่น การวิจัยตลาด การแจก SAMPLING และคูปอง การประชาสัมพันธ์และรวบรวมข้อมูลการตลาด เพื่อใช้ในการสร้างสรรค์แคมเปญโฆษณา โดยจะจัดทำข้อมูลเฉพาะที่เหมาะสมที่สุดกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย" เธอยกตัวอย่างให้ฟัง
ปีเตอร์ โรเชนวอล์ด ประธาน ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ ไดเร็กต์ ก็ได้ชี้ให้เห็นความสำคัญของบริการไดเร็กต์มาร์เก็ตติ้งอย่างน่าสนใจมาก เขาบอกว่าโฉมหน้าใหม่ของการตลาดในทศวรรษที่ผ่านมานี้ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งนี้สืบเนื่องจากแรงผลักดันทางเศรษฐกิจ 2 ประการ คือ ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วและขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายทางการตลาดมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งก็น่าจะหมายความว่า ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องทุ่มงบโฆษณาเพื่อสื่อข่าวสารไปยังกลุ่มเป้าหมายในตลาดมากขึ้น
"และเมื่อราคาของสื่อโฆษณาสูงขึ้น ผลตอบแทนที่จะได้รับก็ควรจะต้องคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป" โรเชนวอล์ด สรุป
ในทัศนะของโรเชนวอล์ดนั้น ไดเร็กต์มาร์เก็ตติ้งเป็นการทำโฆษณาที่ได้ผลและหากได้นำเข้ามารวมกับการโฆษณาแบบทั่วๆ ไปแล้ว ก็จะช่วยให้การโฆษณาทรงประสิทธิภาพคุ้มค่าการลงทุนมากยิ่งขึ้น ซึ่งปรากฏการณ์เช่นนี้มีความสำคัญยิ่งสำหรับวงการธุรกิจในย่านเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นเขตที่ผู้ประกอบการไม่ต้องการทุ่มเทค่าใช้จ่ายสูงมากนัก ทว่ายังต้องการผลประโยชน์เต็มที่จากเงินที่ลงทุนไป
"ซึ่งนี้คือเหตุผลที่ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ ไดเร็กต์ เลือกเมืองไทยเป็นศูนย์กลางการดำเนินงานในเขตแปซิฟิกและได้จัดตั้งบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านมาร์เก็ตติ้งขึ้นที่นี่ เหมือนกับที่เราได้ทำไปแล้วที่ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และมาเลเซีย" เขาหยอดคำหวานแถมท้าย
ก็เห็นจะต้องยอมรับกันละว่า การเปิดตัวของซาทชิ แอนด์ ซาทชิ คราวนี้มีความริเริ่มสร้างสรรค์อยู่ไม่น้อย
ซึ่งก็เป็นหลักการสำคัญข้อหนึ่งที่ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ ทั่วโลกยึดถือเป็นคัมภีร์ทีเดียว
แน่นอน...ก็ต้องไม่ลืมอีก 2 ข้อด้วย คือ ซาทชิ แอนด์ ซาทชิ นั้น ต้องการใหญ่พร้อมๆ กับมีผลกำไรงดงามด้วยเช่นกัน
|
|
|
|
|