|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ พฤษภาคม 2531
|
|
พลันที่มีการประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 29 เมษายน การเคลื่อนไหวที่กำลังคึกคักกระปรี้กระเปร่าของโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ดเสมือนหนึ่งเดินทางมาถึงทางสองแพร่งในบัดดล
การเมืองเรื่องยุบสภาบังเอิญต้องให้มาเกี่ยวพันกับโครงการนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะอนาคตโครงการนี้จะออกมาในรูปใดนั้นสัมพันธ์ไปถึงรัฐบาลที่จะพาเหรดเข้ามาบริหารประเทศหลังการเลือกตั้งวันที่ 24 กรกฎาคม เป็นผู้ชี้ขาด
เป็นที่รับทราบกันโดยทั่วไปว่า รัฐบาลที่สนับสนุนและผลักดันทุกวิถีทาง ทำได้แม้แต่การผ่าทางตันของระบบเศรษฐกิจในปี 2528 เพื่อที่จะให้โครงการอีสเทิร์นซีบอร์ดคลอดออกมานั้นคือรัฐบาลที่มีพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี
แหล่งข่าววงในกล่าวว่า ป๋าเปรมและทีมงมนที่รับผิดชอบโครงการนี้มีความปลื้มปีติเหลือล้นที่เห็นโครงการนี้ทำท่าว่าจะไปได้สวยหลังจากที่ป๋าได้ไปวางศิลาจาฤกษ์โครงการปิโตรเคมี 1 เมื่อปลายปีที่แล้ว
แม้โดยหลักการรวมแล้ว โครงการนี้จะเป็นประติมากรรมชิ้นเอก ทว่ายังไม่อาจมั่นใจได้นักว่า สมมุติได้รัฐบาลใหม่ที่ไม่ได้มีป๋าเปรมเป็นหัวหน้าขบวนนั้นรัฐบาลชุดใหม่จะยอมรับแผนปฏิบัติการที่วางเอาไว้แล้วมากน้อยเพียงใด อย่างน้อยที่สุดคงมีการตกแต่งหรือดัดแปลงอะไรบ้างเล็กน้อย
ซึ่งสร้างความกระอักกระอ่วนใจแก่บรรดาลูก ๆ ของป๋าที่เป็นข้าราชการประจำ และมีหน้าที่โดยตรงกับโครงการนี้มากทีเดียว แต่ถ้าป๋ายังมีกิเลสตัณหาได้กลับมานั่งเก้าอี้ตัวโปรดอีกครั้ง โครงการนี้ก็คงเดินหน้าลุยโดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ มากั้นขวาง
ไหน ๆ ก็ผลุบ ๆ โผล่ ๆ จนเป็นรูปเป็นร่างแล้ว อย่าให้มีอันต้องกระเจิดกระเจิงอีกเลย!!
แต่ที่แน่ ๆ ผลของการยุบสภาเที่ยวนี้ยังผลให้พรรคการเมืองและนักการเมืองที่หวังตักตวงผลประโยชน์จากการซื้อขายที่ดินเพื่อโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ดมีอันต้องล้มฟาดคะมำหงายกันไปตาม ๆ กัน เผลอไผลถ้าไม่ได้กลับมากินตำแหน่งเดิม งานนี้อาจเป็นเรื่องเจ็บตัวฟรีก็เป็นได้
การสนองรับโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ดให้เป็นจริงหน่วยงานหนึ่งที่มีบทบาทสูงก็คือการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ซึ่งต้องทำหน้าที่บุกเบิกพื้นที่นับหมื่นไร่สนองโครงการนี้ กนอ. หลังยุคอดีตผู้ว่าเจ้าปัญหาวันจักร วรดิลก เป็นช่วงเวลาที่การเวนคืนที่ดินเพื่อโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ดได้เกิดขึ้น
กนอ.ก็เป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีกลุ่มอิทธิพลคอยใช้ความเป็นข้าราชการขบงับผลประโยชน์ส่วนตัวกันอย่างปรีเปรม ในข้อเท็จจริงพบว่าช่วงที่มีการเวนคืนที่ดินทั้งมาบตาพุดและแหลมฉบังได้มีคนของ กนอ.หลายคนเช่นกันที่ได้ไปกว้านซื้อที่ดินบางส่วนดักหน้าเอาไว้ ทำให้การเวนคนที่ดินประสบปัญหายุ่งยากไม่เบา
แต่ก็พอที่จะกล่าวได้ว่า กนอ.ยุคที่โชติชัย อรรถวิภัชน์ อดีตผู้ว่าเมืองพัทยามาบริหารสามารถที่จะเวนคืนที่ดินได้ในจำนวนที่น่าพอใจ
ความคืบหน้าเรื่องนี้ควรที่จะก้าวต่อไปด้วยความราบรื่นถ้ากระทรวงอุตสาหกรรมจะไม่ได้ประมวล สภาวุส สส.พรรคชาติไทย เข้ามาเป็นรัฐมนตรี ก็อย่างที่รู้กันกว้างขวางว่า ไม่ว่าเรื่องอะไรประมวลพยายามที่จะทำตัวรู้เรื่องดีเสียทุกเรื่อง
ตุ๊กตาทองรัฐมนตรียุ่งดีเด่นเหมาะสมที่จะตกเป็นของเขามากที่สุด!!!
ประมวลได้ส่ง พล.อ.บุญฤทธิ์ ทรรทรานนท์ อดีตรองผบ.ทบ.เข้ามาเป็นประธานคณะกรรมการกนอ.เพื่อคอยกำกับและตรวจสอบการทำงานอย่างใกล้ชิด แน่ละว่าหากประมวลและคนของเขาจะเล่นบทนี้อย่างรัดกุมไม่กระโตกกระตากจนเป็นที่น่าเกลียดในหลายกรณีแล้ว "สิ่งที่เขาทำลงไปคงเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่ทุกคนยอมรับกันได้"
ทว่าทุกอย่างไม่เป็นเช่นนั้น กนอ.ยุคหลัง ๆ กลายเป็นที่สั่งสมความขัดแย้งอย่างหนักหน่วงระหว่างเจ้าหน้าที่ประจำกับระดับนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกับตัวประมวลเอง เรื่องที่ไม่ลงรอยกันเอามาก ๆ คือแนวคิดและวิธีการดำเนินงาน
ข้อมูลที่เป็นจริงจากหลายกระแสยืนยันว่า จากความขัดแย้งที่แทบจะพูดคุยกันไม่รู้เรื่องนั้นทำให้โชติชัยคิดที่จะลาออกจากตำแหน่ง ผู้ว่าการนิคมฯมาแล้วหลายครั้ง ทว่าได้รับการทัดทานจากทีมงานของป๋าเปรมดึงเอาไว้
"ตอนหลังมาโชติชัยมักจะ DEAL โดยตรงกับท่านนายกฯ เองเลย โดยเฉพาะเรื่องการเวนคืนที่ดินแหลมฉบังและมาบตาพุดในส่วนที่เหลือ" แหล่งข่าวกล่าว
แล้วเรื่องก็มาประทุอีกครั้ง เมื่อจู่ ๆ ประมวลมีคำสั่งให้โชติชัยทบทวนการเวนคืนที่ดินบริเวณมาบตาพุดที่จะต้องประกาศภายในปีนี้อีก 8,000 กว่าไร่ว่ามีความต้องการใช้แท้จริงแล้วหรือ โดยอ้างเหตุว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนที่จะใช้ที่ดิน หากมีการเวนคืนที่ดินจะเป็นการสร้างความเดือดร้อนกับชาวบ้าน
ก็เป็นอีกบทบาทหนึ่งของนักการเมืองที่อิงฐานมวลชนเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็ก!!
การอ้างความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ประมวลยกขึ้นมานั้น สร้างความเคลือบแคลงใจแก่เจ้าหน้าที่รับผิดชอบอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นที่รู้อยู่แล้วว่าที่ดินบริเวณมาบตาพุดในปัจจุบันนี้นั้นหาได้เป็นของชาวบ้านร้านถิ่นอย่างเดิมอีกแล้ว แต่ตกเป็นของนายทุนที่ดินจากกรุงเทพฯทั้งสิ้น
โดยเฉพาะนายทุนที่ดินเป็นพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่ง ซึ่งใช้บริวารของตนออกไปกว้านซื้อที่ดินกักเก็บเก็งกำไรนับพันหมื่นไร่ในย่านมาบตาพุด
ประเด็นที่น่าตั้งข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือ แนวคิดของประมวลที่ต้องการยับยั้งการเวนคืนนี้ออกไปอีก 2-3 ปีแล้วปล่อยให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการพัฒนาที่ดินเพื่อใช้ในโครงการต่าง ๆ ความคิดอย่างนี้มองยังไง ๆ มันก็เป็นเรื่อง... "เตะหมูเข้าปาก....ดี ๆ นี่เอง"
เฮียประมวลล่ะก้อชอบเล่นอะไรตลก ๆ ที่ดูแล้วขำไม่ออกไปเสียทุกที!!
"ไม่แฟร์นะที่อ้างชาวบ้านมาสนับสนุน เรื่องที่ไม่สลับซับซ้อนอย่างนี้มองก็รูว่า ยิ่งยืดเวลาการเวนคืนที่ดินออกไปนานเท่าใด ก็เท่ากับเป็นการสร้างเงื่อนไขราคาให้สูงขึ้นโดยไม่มีผลดีอะไรกับนักลงทุน นอกเสียจากพวกนายทุนเห็นแก่ได้เพียงไม่กี่กลุ่ม" แหล่งข่าวคนหนึ่งกล่าว
และสิ่งที่โจษขานกันมากก็คือ ความเป็น "นายทุนที่ดิน" รายใหญ่ของพรรคชาติไทย ที่มีข่าวว่าได้มีการกว้านซื้อที่ดินเข้ามากักเก็บในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งถ้าข่าวดังกลายเป็นความจริงความคิดง่าย ๆ ของประมวลไม่อาจที่จะมองเป็นอย่างอื่นได้เลย
ถ้าจะไม่ใช่การกระทำที่ไร้สปิริตเพื่อผลประโยชน์แห่งพรรคของตนเป็นที่ตั้ง!!
แล้วนี่คงเป็นเรื่องธรรมดา ๆ อีกเรื่องหนึ่งในยุคนี้ที่การเล่นการเมืองเป็นไปเพื่อสนองตอบต่อความต้องการของกลุ่มก้อน โดยมิใส่ใจกับหลักการอันถูกต้อ
ดีที่มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรขึ้นมา ซึ่งจะต้องมีการทบทวนคำสั่งของรัฐมนตรีประมวลกันเสียใหม่สำหรับรัฐบาลชุดใหม่ งานนี้พรรคชาติไทยคงต้องทุ่มเทสุดกำลังที่จะกลับเข้ามาบริหารงานกระทรวงอุตสาหกรรมอีกครั้ง และยังมีคนหน้าเดิมที่ชื่อ ประมวล สภาสุ เป็นรัฐมนตรีว่าการ
หากผลิตไปจากนี้ไอ้เข้ทั้งหลายก็เตรียมตัวซับน้ำตาตัวเองกันให้ดีเถิด
หากผิดไปจากนี้ไอ้เข้ทั้งหลายก็เตรียมตัวซับน้ำตาตัวเองกันให้ดีเถิด
เพราะยังไง ๆ ที่ดินที่หวังจะฟันกำไรนันมีหวังต้องขายให้ กนอ. ในราคาถูกแสนถูกแน่นอน
อ้อมีคนร้องไห้ได้ก็ย่อมต้องมีคนที่รอคอยจะหัวเราะอยู่เช่นกัน การต่อสู้ทางการเมืองเที่ยวนี้อีกพรรคหนึ่งที่น่าจะออกแรงลุ้นให้พรรคตัวเองเข้ามามีบทบาทในคณะรัฐบาล โดยเฉพาะกับกระทรวงอุตสาหกรรม ก็น่าจะเป็น "พรรคประชากรไทย"
พรรคนี้เขาก็เป็นนายทุนที่ดินรายใหญ่อีกพรรคหนึ่งเหมือนกันนะ!!!
ไอ้เข้จะร้องไห้ หรือจิ้งจก จะได้หัวเราะอีกไม่ช้าได้รู้กัน!!!
|
|
|
|
|