ชั่วระยะเวลาไม่ถึงสองทศวรรษกับการเติบโตจนน่าทึ่งในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์จากบริษัทปลายแถวที่ถีบตัวเองขึ้นสู่อันดับที่ 2 เป็นรองก็แต่เพียงปูนซิเมนต์ไทยในอัตราส่วนที่นับวันจะลดช่องว่างลงไปทุกที ๆ และพูดถึงอนาคตที่คงรุกก้าวไปอย่างน่าครั่นคร้ามของบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัดนั้นพลังขับเคลื่อนสำคัญย่อมเป็นคนชื่อ

"สมเกียรติ ลิมทรง" คน ๆ นี้แหละที่ถ้าจัดอันดับ "สุดยอดนักบริหาร" ในรอบทศวรรษแล้วนั้นชื่อของเขาต้องติด "ท้อปไฟว์" อย่างไรข้อกังขาใด ๆ ทั้งสิ้น สมเกียรติ พิสูจน์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ชัดทั้งแก่ผู้ถือหุ้นเป็นที่ประจักษ์ชัดทั้งแก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทและสาธารณชนแล้วว่า วันเวลาที่เขากุมบังเหียนอยู่นี้นับเป็น "ยุคทอง" ของปูนวิเมนต์นครหลวงโดยแท้จริง

สมเกียรติเองก็หวังไว้ว่าความรุ่งโรจน์นี้ควรยืนยาวไปชั่วนิรันดร์กาล!!!

ปูนซิเมนต์ไทยเองก็เถอะ พูดถึงการแข่งขันในอนาคตแล้วนั้น "ผู้จัดการ" เชื่อเหลือเกินว่าถ้าไม่มีฐานที่แข็งแกร่งเพียงพอแล้วและก็มีสิทธิ์ที่จะเสียววาบไปกับความคิด และการทำงานที่เอาจริงเอาจังของคนผู้นี้ทุกเสี้ยววินาทีเลยก็ว่าได้

สมเกียรติในปี พ.ศ. 2531 ยงคงรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวเหมือนที่เคยถือครองมาหลายสิบปีได้อย่างหนักแน่น ซึ่งหากไม่นับช่วงเวลาความสุขส่วนตัวที่ปล่อยอารมณ์ลุ่มลึก ละเมียดละไมเพลิดเพลินไปกับความงามของน้องนางริมขอบเวทีประกวดนางสาวไทย คนหนุ่มวัยยี่สิบเศษ ๆ ที่ยังโสดอย่างเขาย่อมต้องใช้เวลาที่อยู่ไปกับการทำงานชนิดไม่รู้เดือนรู้ตะวัน

มีเรื่องเล่าที่เป็นจริงว่าคราวที่เกิดไฟไหม้อาคารมหาทุนพลาซ่า (บิ๊กเบลล์) เพลินจิตนั้น เหตุการณ์นี้หวุดหวิดที่จะกลายเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของเมืองไทยไปเสียแล้ว หากไม่มีวีรกรรม โดยไม่เจตนาของคนชื่อ "สมเกียรติ ลิมทรง" เข้ามาเกี่ยวข้อง

คืนนั้นแม้จะดึกดื่นค่อนคืนเพียงไรสมเกียรติยังคงสนุกกับการสะสางงาน เขาแทบไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่า ได้เกิดไฟไหม้ขึ้นที่ชั้น 2, 3 ของอาคารซึ่งมันมีความเป็นไปได้ไม่น้อยว่าไฟที่กำลังลุกโหมอย่างดุร้ายนั้นมีทางที่จะลามขึ้นมาถึงชั้น 7 ที่เขานั่งทำงานอยู่ ครั้นพอรู้เรื่องเลยต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจขอความช่วยเหลือด้วยการนำเฮลิคอปเตอร์มาขนคนที่ติดค้างในตึกรวมทั้งตัวเขาด้วยทันที

โชคดีไปไม่งั้นแล้วความเศร้าสลดอย่างใหญ่หลวงอาจเป็นจริง!!!

และบางทีชื่อ "สมเกียรติ ลิมทรง" อาจลบหายไปจากบัญชรนักบริหารเพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นก็เป็นได้??

คนเราโชคร้ายผ่านพ้นโชคดีก็มักเดินเข้ามาทักทาย ปีนียังเป็นอีกปีที่ผู้ถือหุ้นของปูนซีเมนต์นครหลวงได้ยิ้มระรื่นกับผลกำไร/หุ้นในอัตราที่ค่อนข้างสูง ซึ่งนั่นเป็นความภูมิใจระดับหนึ่งที่สมเกียรติและทีมงานได้ชื่นชมอย่างเงียบ ๆ

แต่ที่ไม่เงียบเห็นจะเป็นตรงที่ปีนี้เป็นปีที่ปูนซีเมนต์นครหลวงถึงเวลาที่จะลงมือสร้างความยิ่งใหญ่ให้เป็นไปตามแผนงานอย่างจริงจังเสียที หลังจากที่ได้ใช้ระยะเวลาหนึ่งขวบปีที่ผ่านมาชั่งตวงน้ำหนักด้วยความระมัดระวังและสุขุมรอบคอบอย่างที่สุด

คนที่จะทำให้ความคิดนี้เป็นจริงก็คงต้องเป็นคนชื่อ "สมเกียรติ ลิมทรง" คนนี้แหละ!!

แหล่งข่าวภายในปูนซีเมนต์นครหลวงเผยกับ "ผู้จัดการ" ว่า ขณะนี้สมเกียรติกับคนสนิทที่ชื่อ "ธงชัย จันทรางกูล ณ อยุธยา" กำลังสนุกับการตระเวนกวานซื้อที่ดินย่านต่าง ๆ ทั่วประเทศที่เห็นว่าเหมาะสมกับการขยายตัวของบริษัท โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ได้ลงไปดูทำเลหลายแห่งทางภาคใต้เอาไว้แล้ว

ธงชัยนั้นเป็นคนที่สมเกียรติดึงมาจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวกันว่าสมเกียรติพูดคุยกับธงชัยด้วยข่าวเพียงข่าวเดียวในหน้าหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษฉบับหนึ่งแล้วตัดสินใจรับเข้าทำงานทันที การเข้ามาอย่างฉับพลันทันด่วนของธงชัยสร้างความฉงนสนเท่ห์แก่คนเก่า ๆ อยู่ไม่น้อย สมเกียรติวางบทบาทของธงชัยไว้ที่โรงงานเป็นหลัก ซึ่งขวบปีที่ผ่านมาแม้ธงชัยจะมีปัญหาเกี่ยวกับรถบรรทุกรับจ้างขนปูนแต่เขาก็ยังได้รับความไว้วางใจจากสมเกียรติเป็นอย่างมาก จนถูกมองว่าเป็น "มือขวา" เลยทีเดียว

แม้เจตนารมณ์และเป้าหมายของการกว้านซื้อที่ดินครั้งใหญ่ของสมเกียรติที่กำลังเป็นอยู่จะยังไม่แจ่มชัด แต่ท่าทีนี้เป็นอยู่จะชี้ให้เห็นถึงการ "รุก" ก้าวหนึ่งที่ต้องจับตามองกันต่อไป

นอกจากนี้ยังมีข่าวว่าสมเกียรติได้ยื่นขอสัมปทานในหลายพื้นที่ทั่วประเทศที่เขาเห็นว่าสามารถจะผลิตปูนซีเมนต์ได้เอาไว้เกือบหมดแล้วเช่นกัน ซึ่งบางพื้นที่นั้นคร่อมตัดหน้าพื้นที่สัมปทานของบริษัทคู่แข่งเลยก็มี

"จะไปว่าแกก็ไม่ถูกเพราะคนอื่นมัวแต่รีรอกันอยู่ของพรรค์นี้มันต้องเสี่ยงดวงกันดู บางพื้นที่ใช่ว่าจะทำได้หมดแต่ถ้าคุณมีสัมปทานอยู่ในมือก็เป็นฝ่ายได้เปรียบไม่ใช่หรือ" แหล่งข่าวในกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวสั้น ๆ กับ "ผู้จัดการ"

อินทรีองอาจ..... องอาจผงาดฟ้า!!!

สัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ของปูนซีเมนต์นครหลวงและของสมเกียต ลิมทรง ว่าไปแล้วสมควรที่จะเป็นจริงเสียทีใช่ไหมล่ะ!?