Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน30 มีนาคม 2548
"โนเบิล"เพิ่มสัดส่วนรายได้ค่าเช่า35%ผุดPlay Groundทองหล่อเล็งเปิดสาขา2สุขุมวิท36             
 


   
www resources

โอมเพจ โนเบิล ดีเวลอปเม้นท์

   
search resources

โนเบิล ดีเวลอปเม้นท์, บมจ.
Real Estate




"โนเบิล" ทุ่ม 400 ล้านบาท ผุดPlay Ground เพิ่มสัดส่วนรายได้ระยะยาว ตั้งเป้าอนาคตสัดส่วนรายได้ธุรกิจให้เช่าเพิ่มเป็น 30-35% เล็งเปิดสาขา 2 ที่สุขุมวิท 36 แจงสิ้นไตรมาส 2 ปี48 มีสต๊อกบ้านพร้อมโอนต้นทุนเก่าไม่มีภาระหนี้อยู่ในมือ 4,000 ล้านบาท ยันเป็นต่อคู่แข่งเหตุปัจจัยลบ น้ำมัน-ดอกเบี้ยไม่กระทบ ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 3,500 ล้านบาท

นายกิตติ ธนากิจอำนวย ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายที่ 3,500 ล้านบาท จาก11 โครงการ ที่เปิดขายอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีมูลค่าการขายประมาณ 12,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีกำไรจากยอดขาย 30 % หรือประมาณ 450 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตประมาณ 20-25% จากที่เดิมปี 2547 บริษัทมีรายได้จาการขาย 3,000 กว่าล้านบาท โดยในช่วง 2 สัปดาห์จากนี้ บริษัทจะจัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติปันผลแก่ผู้ถือผู้

ทั้งนี้ ในช่วงสิ้นไตรมาส 2 ของปี 2548 นี้ บริษัทมีสต็อกบ้านสร้างเสร็จพร้อมขาย ที่ไม่มีภาระผู้พันธ์อยู่ในมือทั้งสิ้นจำนวน 4,000 ล้านบาท หรือประมาณ 616 ยูนิต ซึ่งจะสามารถรองรับการขายได้ประมาณ 2 ปี เฉลี่ยปีละ 2,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบคู่แข่งบ้านในระดับเดียวกัน ซึ่งมีราคาเฉลี่ยที่ 6.5 ล้านบาท เนื่องจากสต็อกบ้านพร้อมขายเหล่านี้เป็นบ้านต้นทุนเดิม ทำให้ไม่จำเป็นต้องเร่งการขายเพราะไม่ต้องแบกรับภาระต้นทุนดอกเบี้ยจากสถาบันการเงินในขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่สร้างบ้านสั่งสร้างต้องรับภาระจากต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น

"จากที่ในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทระดมสร้างบ้านพร้อมอยู่สต็อกไว้ในมือ 4,000 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีหนี้สินต่อทุนในปัจจุบันที่ 0.85 ทำให้บริษัทมีความเสี่ยงน้อยกว่าผู้ประกอบการรายอื่นที่ต้องสร้างบ้านบนต้นทุนใหม่ อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดตัว 3-4 โครงการใหม่ "นายกิตติกล่าว

สำหรับในปี 2548 นี้ บริษัท กำหนดสัดส่วนการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมที่ 30-35 % ส่วนสัดส่วนการสร้างบ้านอยู่ที่ 60-65 % นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่ซื้อแลนด์แบงก์สะสมเข้ามาเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต โดยบริษัทวางงบประมาณการซื้อแลนด์แบงก์ในปี 2548 ไว้ประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถซื้อแลนด์แบงก์สะสมได้ประมาณ 4-5 แปลง เฉลี่ยแปลงต่อแปลง 300-400 ล้านบาท

นายกิตติ กล่าวว่า นอกจากนี้บริษัท ยังได้ขยายไลน์ธุรกิจในส่วนของธุรกิจค้าปลีก ในลักษณะศูนย์การค้าขนาดเล็ก ภายใต้แบรนด์ Play Ground โดยสาขาแรกได้เปิดตัวที่ซอยทองหล่อ 55 ซึ่งตั้งอยู่ส่วนหน้าของโครงการคอนโนเบิลออรา บนพื้นที่ 7,000 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็นพื้นที่เช่า 3,700 ตารางเมตร หรือประมาณ 70% ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีก 30 % เป็นพื้นจัดสรรให้กับพันธมิตรทางธุรกิจที่เข้ามาเปิดร้านค้าในทุกสาขาที่บริษัทจะเปิดให้บริการ สำหรับโครงการ Play Ground ทองหล่อ 55 ใช้งบประมาณลงทุน 400 ล้านบาท คาดว่าจะมีรายได้จากการบริหารพื้นที่ต่อปี 250 ล้านบาทและจะมีอัตราการเติบโตของรายได้ประมาณ 20% ต่อปี

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเปิดตัว Play Ground สาขาที่ 2 ในถนนสุขุมวิท 36 ซึ่งอยู่พื้นที่ที่จะขึ้นโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งคาดว่าสาขาใหม่จะใช้พื้นที่ใหญ่กว่าสาขาแรกที่เปิดตัวไป ประมาณ 2-3 เท่า แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องรอผลตอบรับจากโครงการแรกก่อนซึ่งหากประสบความสำเร็จก็จะพัฒนาสาขาที่ 2 และต่อเนื่องในสาขาอื่น โดยตาดว่าจะเริ่มเปิดตัว Play Ground สาขาต่างในพื้นที่ หัวเมืองใหญ่ๆ อาทิ หัวหิน เชียงใหม่ ภูเก็ต ส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯ บริษัทพิจารณาไว้หลายที่ประกอบด้วย สนามบินสุวรรณภูมิ ลาดกระบัง และย่านใจกลางเมือง เช่นสุขุมวิท สาทร

"ทั้งนี้การที่บริษัทเข้ามารุกธุรกิจค้าปลีกเนื่องจากต้องการลดความเสียงจากการประกอบธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงจากสภาวะผันผวนเศรษฐกิจ และผลกระทบจากปัจจัยตลาดรอบด้าน

โดยบริษัทตั้งเป้าว่าในอนาคตจะเพิ่มสัดส่วนของรายได้ในส่วนของธุรกิจให้เช่าพื้นที่ ค้าปลีก รวมถึงโครงการโรงแรม และรีสอร์ท ซึ่งบริษัทมีแผนจะพัฒนาเข้ามา เพื่อเป็นรายได้ระยะยาวให้กับบริษัท โดยวางเป้าว่าจะมีรายได้จากธุรกิจดังกล่าวที่ 30-35% จากที่ปัจจุบันมีอยู่ที่ 5 % และมีรายได้การพัฒนาโครงการขายที่ 60-65% แต่สัดส่วนรายได้ดังกล่าวจะสามารถเพิ่มได้ตามเป้าเมื่อไหรนั้นต้องดูสภาพตลาดด้วย "นายกิตติกล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us