"โนเบิล" ทุ่ม 400 ล้านบาท ผุดPlay Ground เพิ่มสัดส่วนรายได้ระยะยาว ตั้งเป้าอนาคตสัดส่วนรายได้ธุรกิจให้เช่าเพิ่มเป็น 30-35% เล็งเปิดสาขา 2 ที่สุขุมวิท 36 แจงสิ้นไตรมาส 2 ปี48 มีสต๊อกบ้านพร้อมโอนต้นทุนเก่าไม่มีภาระหนี้อยู่ในมือ 4,000 ล้านบาท ยันเป็นต่อคู่แข่งเหตุปัจจัยลบ น้ำมัน-ดอกเบี้ยไม่กระทบ ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 3,500 ล้านบาท
นายกิตติ ธนากิจอำนวย ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายที่ 3,500 ล้านบาท จาก11 โครงการ ที่เปิดขายอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีมูลค่าการขายประมาณ 12,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีกำไรจากยอดขาย 30 % หรือประมาณ 450 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตประมาณ 20-25% จากที่เดิมปี 2547 บริษัทมีรายได้จาการขาย 3,000 กว่าล้านบาท โดยในช่วง 2 สัปดาห์จากนี้ บริษัทจะจัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติปันผลแก่ผู้ถือผู้
ทั้งนี้ ในช่วงสิ้นไตรมาส 2 ของปี 2548 นี้ บริษัทมีสต็อกบ้านสร้างเสร็จพร้อมขาย ที่ไม่มีภาระผู้พันธ์อยู่ในมือทั้งสิ้นจำนวน 4,000 ล้านบาท หรือประมาณ 616 ยูนิต ซึ่งจะสามารถรองรับการขายได้ประมาณ 2 ปี เฉลี่ยปีละ 2,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบคู่แข่งบ้านในระดับเดียวกัน ซึ่งมีราคาเฉลี่ยที่ 6.5 ล้านบาท เนื่องจากสต็อกบ้านพร้อมขายเหล่านี้เป็นบ้านต้นทุนเดิม ทำให้ไม่จำเป็นต้องเร่งการขายเพราะไม่ต้องแบกรับภาระต้นทุนดอกเบี้ยจากสถาบันการเงินในขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่สร้างบ้านสั่งสร้างต้องรับภาระจากต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น
"จากที่ในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทระดมสร้างบ้านพร้อมอยู่สต็อกไว้ในมือ 4,000 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีหนี้สินต่อทุนในปัจจุบันที่ 0.85 ทำให้บริษัทมีความเสี่ยงน้อยกว่าผู้ประกอบการรายอื่นที่ต้องสร้างบ้านบนต้นทุนใหม่ อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดตัว 3-4 โครงการใหม่ "นายกิตติกล่าว
สำหรับในปี 2548 นี้ บริษัท กำหนดสัดส่วนการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมที่ 30-35 % ส่วนสัดส่วนการสร้างบ้านอยู่ที่ 60-65 % นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่ซื้อแลนด์แบงก์สะสมเข้ามาเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต โดยบริษัทวางงบประมาณการซื้อแลนด์แบงก์ในปี 2548 ไว้ประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถซื้อแลนด์แบงก์สะสมได้ประมาณ 4-5 แปลง เฉลี่ยแปลงต่อแปลง 300-400 ล้านบาท
นายกิตติ กล่าวว่า นอกจากนี้บริษัท ยังได้ขยายไลน์ธุรกิจในส่วนของธุรกิจค้าปลีก ในลักษณะศูนย์การค้าขนาดเล็ก ภายใต้แบรนด์ Play Ground โดยสาขาแรกได้เปิดตัวที่ซอยทองหล่อ 55 ซึ่งตั้งอยู่ส่วนหน้าของโครงการคอนโนเบิลออรา บนพื้นที่ 7,000 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็นพื้นที่เช่า 3,700 ตารางเมตร หรือประมาณ 70% ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีก 30 % เป็นพื้นจัดสรรให้กับพันธมิตรทางธุรกิจที่เข้ามาเปิดร้านค้าในทุกสาขาที่บริษัทจะเปิดให้บริการ สำหรับโครงการ Play Ground ทองหล่อ 55 ใช้งบประมาณลงทุน 400 ล้านบาท คาดว่าจะมีรายได้จากการบริหารพื้นที่ต่อปี 250 ล้านบาทและจะมีอัตราการเติบโตของรายได้ประมาณ 20% ต่อปี
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเปิดตัว Play Ground สาขาที่ 2 ในถนนสุขุมวิท 36 ซึ่งอยู่พื้นที่ที่จะขึ้นโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งคาดว่าสาขาใหม่จะใช้พื้นที่ใหญ่กว่าสาขาแรกที่เปิดตัวไป ประมาณ 2-3 เท่า แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องรอผลตอบรับจากโครงการแรกก่อนซึ่งหากประสบความสำเร็จก็จะพัฒนาสาขาที่ 2 และต่อเนื่องในสาขาอื่น โดยตาดว่าจะเริ่มเปิดตัว Play Ground สาขาต่างในพื้นที่ หัวเมืองใหญ่ๆ อาทิ หัวหิน เชียงใหม่ ภูเก็ต ส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯ บริษัทพิจารณาไว้หลายที่ประกอบด้วย สนามบินสุวรรณภูมิ ลาดกระบัง และย่านใจกลางเมือง เช่นสุขุมวิท สาทร
"ทั้งนี้การที่บริษัทเข้ามารุกธุรกิจค้าปลีกเนื่องจากต้องการลดความเสียงจากการประกอบธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงจากสภาวะผันผวนเศรษฐกิจ และผลกระทบจากปัจจัยตลาดรอบด้าน
โดยบริษัทตั้งเป้าว่าในอนาคตจะเพิ่มสัดส่วนของรายได้ในส่วนของธุรกิจให้เช่าพื้นที่ ค้าปลีก รวมถึงโครงการโรงแรม และรีสอร์ท ซึ่งบริษัทมีแผนจะพัฒนาเข้ามา เพื่อเป็นรายได้ระยะยาวให้กับบริษัท โดยวางเป้าว่าจะมีรายได้จากธุรกิจดังกล่าวที่ 30-35% จากที่ปัจจุบันมีอยู่ที่ 5 % และมีรายได้การพัฒนาโครงการขายที่ 60-65% แต่สัดส่วนรายได้ดังกล่าวจะสามารถเพิ่มได้ตามเป้าเมื่อไหรนั้นต้องดูสภาพตลาดด้วย "นายกิตติกล่าว
|