Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2531








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2531
ประสิทธิ์ ณรงค์เดช กู้ศักดิ์ศรีอย่างมั่นใจ             
 


   
search resources

ประสิทธิ์ ณรงค์เดช
Cosmetics
บีดีเอฟ. อินทนิล, บจ.




ความแปลกแยกในสังคมไทยนั้นเอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้เท่าไรนัก คนที่เราคิดว่าเขาสู้จนหมดเค้าหน้าตักมีหวังต้องเดินตัวเปล่าเล่าเปลือยกลับบ้านสถานเดียวนั้น บางครั้งเขาอาจใช้เวลาไม่นานนักพลิกสถานการณ์เลวร้ายกลับมาเป็นฝ่ายมีชัยได้อย่างเหลือเชื่อ

เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งกับหลายๆ คน และน่าจะเป็นคำถามคาดการณ์ดีที่สุดในเวลานี้กับคนชื่อ "ประสิทธิ์ ณรงค์เดช" ด้วยอีกคนหนึ่ง!!

ประสิทธิ์หลังภาวะถูกรุมกระหน่ำอย่างตัดเยื่อไม่เหลือใยจากเพื่อนเก่าที่เคยร่วมเสพสุขกันมาอย่าง สก๊อต เปเปอร์ โดยมีน้องชายร่วมสายเลือดอย่าง เกษม ณรงค์เดช คอยเป็นลูกคู่ "สามัคคีบีฑา" ชนิดไม่สนใจสายสัมพันธ์ใดๆ ที่เคยมีมา (อ่านเพิ่มเติมเรื่องประสิทธิ์-สก๊อต ในผู้จัดการฉบับที่ 53)

หลายคนลงมติเป็นเสียงเดียวกันอย่างแน่นหนักว่า "ฟ้ามืดนั้นอาจมีไต้ แต่ฟ้าใสๆ ของประสิทธิ์นั้นมันช่างรางเลือนและมีความเป็นไปได้น้อยเอามากๆ"

ยิ่งเมื่อหันกลับมามองแรงหนุนอย่างผ้าอนามัยเซลล๊อกซ์ที่ประสิทธิ์เคยหวังจะใช้เป็นฐานค้ำบัลลังภ์ความยิ่งใหญ่หลังจากที่เสียความเป็นผู้นำตลาดไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน ถึงวันนี้ผ้าอนามัยเซลล๊อกซ์ทำท่าจะกลายเป็นอนุสรณ์ของเขาไปเสียจริงๆ แล้ว!?

ประสิทธิ์ ณรงค์เดช คนโตตัวเล็กจากลุ่มน้ำมูล ถึงโอกาสสุดท้ายบนเวทีธุรกิจกระนั้นหรือ??

"ผมว่าเขายังไม่สิ้นความหวังเสียทีเดียว" คนใกล้ชิดเขาบอกกับ "ผู้จัดการ" และแย้มนัยเพิ่มเติมว่า ประสิทธิ์ในวันนี้ได้สรุปบทเรียนอย่างเป็นระบบมากขึ้น เขากำลังเริ่มบูรณะปฏิสังขรณ์ธุรกิจที่ย่ำแย่ทุกตัวให้ฟื้นคืนกลับสภาพรุ่งเรืองดังเดิมอย่างขะมักเขม้นและเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งเรื่องนี้ประสิทธิ์เองก็ย้ำกับ "ผู้จัดการ" ในการพบกันครั้งหลังสุดว่า "ผมจะตั้งโรงงานเซลล๊อกซ์เปเปอร์"

คำยืนยันนี้เสมือนหนึ่งเป็นสักขีพยานให้ทุกคนรับรู้ว่ากระดาษชำระเซลล๊อกซ์จะหวนกลับมาพิสูจน์ศักดิ์ศรีของตัวเองอีกครั้งอย่างแน่นอน และนั่นเท่ากับว่าสก๊อต เปเปอร์ ที่พยายามจะสลายความเชื่อมั่นในตัวกระดาษเซลล๊อกซ์ให้จางไปจากความรู้สึกของผู้ใช้ ย่อมจะต้องพบกับคู่ต่อกรที่น่ากลัวที่สุด!!?

นอกจากนี้ประสิทธิ์ยังเตรียมแผนเด็ดปีกตลาดผ้าอนามัยพร้อมๆ กันด้วย โดยจะเข็นผ้าอนามัยเซลล๊อกซ์สู่ตลาดในอีกราวเดือนสองเดือนข้างหน้า ซึ่งการเคลื่อนไหวเที่ยวนี้แม้จะไม่สามารถสั่นสะเทือนผู้นำตลาดเช่นโกเต๊กซ์และโมเดสได้มากนัก แต่สำหรับประสิทธิ์แล้ว "มันย่อมดีกว่าไม่ทำอะไรออกมาเลย"

ธุรกิจที่น่าจับตามองความเป็นไปในวันข้างหน้าของประสิทธิ์มากที่สุดน่าจะเป็นบริษัทอินทนิล จำกัด ซึ่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทนี้กำลังสร้างความคึกคักในตลาดอยู่หลายๆ ตัว อาทิเช่น ผลิตภัณฑ์นีเวีย

อินทนิลตั้งขึ้นเมื่อ 16 ปีก่อน โดยประสิทธิ์ได้ License จาก บริษัทไบเออร์ สด๊อรฟ อัคเตียน เกเซลต์ จำกัด ของเยอรมัน ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์ยา และผลิตภัณฑ์เทซ่าซึ่งคือเทปต่างๆ

อินทนิลเริ่มการผลิตครั้งแรกในปี 2517 ตัวแรกที่ผลิตออกมาคือ Zinc Oxide Surgical Tapes และชุดปฐมพยาบาลที่ใช้ในวงการแพทย์ นับเป็นบริษัทแรกที่ผลิตสินค้าชนิดนี้ขึ้นในประเทศไทย

กระทั่งถึงปี 2522 บีดีเอฟ. (เยอรมัน) จึงได้เข้าร่วมทุนกับอินทนิลของประสิทธิ์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งนี่คือยุทธวิธีขยายตัวทางธุรกิจที่ประสิทธิ์นิยมชมชอบ และไม่แน่นักว่าเขาอาจใช้วิธีเช่นนี้ไปอีกยาวนาน โดยไม่สนใจว่าความเจ็บปวดอาจจะมาเยือนอย่างไม่รู้ตัวอีกหรือไม่??

สองบริษัทสัมพันธ์นี้มาเปลี่ยนชื่อเสียใหม่ในปี 2524 เป็น บีดีเอฟ. อินทนิล อันมีเหตุผลมาจากการที่ได้มีการเพิ่มทุนมากขึ้นคือฝ่ายเยอรมันถือหุ้น 49% และฝ่ายไทยถือหุ้น 51% และบีดีเอฟ. อินทนิล นี้ก็กลายเป็นบริษัทในเครือไบเออร์สด๊อรฟในที่สุด

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นนิมิตหมายอันงดงาม เพราะหนึ่งปีให้หลังบริษัทก็ได้เริ่มโหมตะลุยตลาดอย่างหนักหน่วง โดยใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนีเวียเป็นหัวจักร ทำเอาจอห์นสันแอนด์จอห์นสันที่เคยครองตลาดอยู่ ต้องหนักอกหนักใจไม่น้อย นีเวียใช้เวลาไม่นานก็ครองอันดับ 2 ได้อย่างไม่ยากเย็น

วันนี้ของบีดีเอฟ. อินทนิล รุกคืบไปอย่างน่าหวาดเกรงมากขึ้นตามลำดับ มีการขยายโรงงานแห่งใหม่ขึ้นอีกแห่งที่บางพลีไปเมื่อเร็วๆ นี้ โดยมี ประสิทธิ์ ณรงค์เดช นั่งแป้นเป็นประธานใหญ่ที่คอยบัญชาการเกมสัประยุทธ์ทางการตลาดอย่างใกล้ชิด

นี่คือความหวังของประสิทธิ์อีกชิ้นหนึ่ง และเที่ยวนี้เหมือนกับลั่นกระสุนนัดเดียวโดยมีโอกาสที่จะได้นกถึงสองตัวคือเสริมศักยภาพให้กับผลิตภัณฑ์นีเวียให้ก้าวไปเป็นหนึ่งในตลาดเครื่องสำอาง และถ้าประสิทธิ์พบกับความสำเร็จก็เท่ากับว่าเขาสามารถเขียนเสือให้สก๊อต เปเปอร์ต้องเหลียวกลับมาสำรวจตัวเองในระดับหนึ่ง

ก็บอกแล้วไงว่าสังคมไทยนี้มีอะไรแปลกๆ อยู่เสมอ อย่างประสิทธิ์ใครบางคนอาจคิดว่าเขาหมดลายไปเสียแล้ว ทว่าจากปรากฏการณ์ที่แสดงออกมาพิสูจน์แล้วว่า ประสิทธิ์ยังมีเขี้ยวที่คมกริบ รอเพียงให้ถึงวันและเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น!!!!

ไม่เพียงแค่นั้น แม้แต่ในสนามการเมืองก็แว่วข่าวออกมาว่า ในระยะเดือนสองเดือนที่ผ่านมา ประสิทธิ์กับมิตรร่วมรบทางการเมืองในสมัยที่ตั้งพรรคพลังใหม่ขึ้นมาใหม่ๆ อาทิเช่น ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์, สุเทพ วงศ์กำแหง ได้ร่วมกับอดีตแกนนำกลุ่มดุสิต 99 (กลุ่มวุฒิสมาชิกชื่อดังในอดีต) อย่างเช่น เกษม จาติกวณิช, พล.อ.สิทธิ จิรโรจน์ และยังมี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ผู้ว่า กทม. ได้พบปะหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมืองกันเป็นประจำที่โรงแรมอิมพีเรียล

เป้าหมายของคนกลุ่มนี้ส่วนหนึ่งนอกจากจะชำระความคับแค้นทางใจ (เกษม - สิทธิ) ที่ตกเป็นเป้าทางการเมืองของรัฐบาลชุดปัจจุบันแล้วนั้น ด้านหนึ่งยังเป็นการวางฐานฟื้นฟูกลุ่มการเมืองที่มีคุณภาพกลุ่มหนึ่งให้เป็นที่รับรู้อีกหนหรือเปล่า เป็นสิ่งที่อดตั้งคำถามไม่ได้

ก็ต้องมองกันต่อไปว่า หากมิตรพลังใหม่และกลุ่มดุสิต 99 สามารถผลักดันคนของกลุ่มให้ขึ้นมาเป็นใหญ่ทางการเมืองได้แล้วไซร้ คงได้เห็นอะไรเด็ดๆ มันส์ๆ ออกมาอีกเป็นพะเรอเกวียน โดยเฉพาะกับคนชื่อ "ประสิทธิ์ ณรงค์เดช" ซึ่งเที่ยวนี้กล่าวกันว่า เขาไม่ใช่ประสิทธิ์ที่เหนียวหนึบอีกแล้ว หากเป็นประสิทธิ์ที่ไม่ยี่หระกับการเป็นฐานทางการเงินแต่อย่างใดทั้งสิ้น!?!

คงมีแต่เสียงย้ำเตือนจากบางคนที่บอกประสิทธิ์ด้วยความรักอย่างจริงใจว่า ยังไงๆ ก็อย่าลืมหวนกลับไปทบทวนย่างก้าวเดิมที่เคยผ่านมาบ้างก็แล้วกันว่าครั้งหนึ่งนั้นการเมืองเคยจะทำให้เขาเสียคนมาแล้วในทางธุรกิจ หวังเพียงว่าครั้งนี้ทั้งสองอย่างคงดำเนินไปด้วยดี

เพราะโอกาสของคนที่เจ็บซ้ำสองนั้น...มันมืดมน และแทนที่จะได้รับความเห็นใจ กลับจะต้องถูกตราหน้าว่าเจ็บแล้วไม่จำเสียอีกด้วย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us