Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน15 พฤษภาคม 2545
แบงก์กรุงไทยขอเป็นแชมป์ บัตรเครดิตดึงคน 6 ล้านเข้าระบบ             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกรุงไทย

   
search resources

ธนาคารกรุงไทย
Credit Card




แบงก์กรุงไทยประกาศกร้าวขอเป็นแชมป์ตลาดบัตรเครดิตหลังลดฐานรายได้ผู้ถือบัตรเครดิตเหลือ 7,500 บาทต่ำสุดในระบบ หวังเบียดซิตี้แบงก์และแบงก์คู่แข่ง คาดปี 46 ฐานบัตรเพิ่ม 1 ล้านบัตร

ด้านแบงก์อื่นยังสงวนท่าทีคงฐานรายได้ผู้ถือบัตร 10,000 บาท ยอมรับผลของเกณฑ์แบงก์ชาติทำให้ฐานลูกค้า บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นรวม 6 ล้านคน ชี้ทุกค่ายมีช่องทางเจาะตลาดลูกค้าได้อีกเพียบ

ภายหลังที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ได้ประกาศยกเลิกเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำของผู้ขอมีบัตรเครดิต รวมถึงการออกบัตรเสริม และให้ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งเป็นผู้กำหนดคุณสมบัติของผู้ถือบัตรเครดิตเอง แต่ธนา-

คารพาณิชย์จะต้องมีระบบบริหารความเสี่ยงตามที่ธปท.กำหนดนั้น

นายนิวัตต์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทบัตร กรุงไทย จำกัด ในเครือธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) KTB

กล่าวอย่างชัดเจนว่าบริษัทได้ปรับลดเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำผู้ถือบัตรเครดิตกรุงไทยลงเหลือ 7,500 บาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้า เพิ่มขึ้นอีกมาก

และการปรับครั้งนี้บริษัทไม่ได้มองที่ธุรกิจบัตรอย่างเดียว แต่เป็นการวางแผนรองรับการแปรรูปบริษัท ซึ่งต้องมีการออกผลิตภัณฑ์อื่นๆ อาทิ สินเชื่อบุคคล

ซึ่งฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นก็จะรองรับผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท

"การปรับฐานรายได้ขั้นต่ำครั้งนี้ เพื่อต้องการแข่งขันในตลาด บนและตลาดล่าง รวมถึงบริษัทข้ามชาติ อาทิ อิออน จีอีแคบปิตอล โดยจุดมุ่งหมายนั้นบริษัทต้อง การเป็นที่ 1 ของตลาดบัตรเครดิต"

นายนิวัตต์กล่าว

พร้อมระบุว่าในปี 2546 ธนาคารตั้งเป้าไว้มีฐานบัตรเครดิตจำนวน 1 ล้านบัตร อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันหลังประกาศใช้กลยุทธ์ฟรีค่าธรรมเนียมตลอดชีพมีผู้สมัครขอมีบัตรของบริษัท 6,000-10,000

บัตรต่อวัน ทำให้ต้องปรับขบวนการ ทำงานใหม่ และคาดว่าผู้สมัครจะได้รับการอนุมัติบัตรภายใน 1 เดือน เป็นอย่างช้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ต่างได้มีการปรับปรุง เกณฑ์เกี่ยวกับฐานรายได้ขั้นต่ำของผู้ถือบัตรเครดิตลงแล้วเป็นส่วนใหญ่ ยังคงเหลือที่ยังไม่ปรับเพียง 2-3 ธนาคารเท่านั้น

ซึ่งธนาคารเหล่านั้นอยู่ระหว่างการ เตรียมการปรับซึ่งคาดว่าภายในเดือนพฤษภาคมคงจะมีการปรับทั้งหมด

ส่วนอัตราที่ปรับลงนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถในการรองรับความเสี่ยงของแต่ละธนาคารซึ่งแตกต่างกัน

"ประเด็นที่สำคัญถึงแม้ธนาคารพาณิชย์จะมีฐานลูกค้าบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น แต่แนวทาง ที่ทุกธนาคารต้องการคือ การผลักดันอัตรการหมุนเวียนใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น

ซึ่งแม้ขณะนี้จะมีโปรโมรชั่นออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นแต่ความหยั่งยืนของการใช้ของลูกค้า จะเป็นอย่าไรหากหมดหน้าโปรโมรชั่น ขณะเดียวกันผู้บริโภคยังให้ความสำคัญต่อภาวะเศรษฐกิจอยู่"

รีวิวฐานรายได้แต่ละแบงก์

ธนาคารที่ปรับฐานรายได้ของผู้ถือบัตรลงต่ำมากในตอนนี้คือธนาคารกรุงไทยปรับลดจากฐานรายได้เดิม 15,000 บาทเหลือ 7,500 บาท เท่ากับธนาคารซิตี้แบงก์ ธนาคารกรุงเทพปรับลดจาก 15,000

บาทเหลือ 10,000 บาท เช่นเดียวกบธนาคารทหารไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาและธนาคารนครหลวงไทย ที่ปรับลดจาก 15,000 บาทเหลือ 10,000 บาท

สำหรับธนาคารที่ยังไม่ได้ปรับลดเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำผู้ถือบัตรแต่อยู่ระหว่างการดำเนิน ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมจะดำเนินการ ได้ คือธนาคารกสิกรไทยจะปรับลดจาก 15,000 บาทเหลือ

10,000 บาทโดยคาดว่าจะใช้เวลาในการพิจารณาผลลัพธ์จากการปรับลดเหลือ 10,000 บาทประมาณ 2 ปีหากปรากฏว่าไม่มีปัญหาอาจมีการปรับลดให้ต่ำกว่า 10,000 บาท

ขณะที่ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธนยังอยู่ที่ 15,000บาท แต่เตรียมปรับลดเหลือ 10,000 บาท และมีการนำโปรโมชั่นฟรีค่าธรรมเนียมตลอดชีพมาใช้เช่นเดียวกับที่ธนาคาร กรุงไทยใช้ในเวลานี้

ส่วนธนาคารไทยธนาคารยังไม่มีนโยบายที่จะทำธุรกิจบัตรเครดิต เพราะธนาคารได้ประกาศนโยบาย และทิศทางชัดเจนในการเป็นโฮลเซลแบงกิ้ง ขณะที่ธนาคารน้องใหม่คือธนาคารธนชาตนั้น

ยังไม่สามารถทำธุรกิจ บัตรเครดิตได้เพราะติดที่ต้องดำเนินการตามกฏเกณฑ์ที่ตกลงไว้กับธปท. โดยอย่างน้อย 5 ปี ไปแล้วจะสามารถทำได้แต่ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อม ของธนาคารด้วย

ปัจจุบันแม้แต่บัญชีเงินฝากออมทรัพย์กับบัญชีเงินฝากกระแสรายวันก็จะต้องรอให้ผ่าน 1 ปีขึ้นไปก่อน และทุกอย่างที่จะดำเนินการต้องขออนุญาตจากธปท.

แหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งเปิดเผยว่า ขณะนี้กฎเกณฑ์ของธปท.ที่คุมเกี่ยวธุรกิจบัตรเครดิตได้ยกเลิกไปแล้ว

ส่วนหนึ่งทำให้ธนาคารธนาคารพาณิชย์มีความคล่องตัวมากขึ้นในการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ต่อไปผู้บริโภคจะมีทางเลือกมากขึ้น

การให้บริการของแต่ละธนาคารจะมีรายละเอียดที่น่าสนใจหลากหลายมากขึ้น อาทิ บางแห่งอาจปรับฐานรายได้ขั้นต่ำลงมากแต่อาจจะมีสิทธิประโยชน์สำหรับ ผู้ถือบัตรน้อยลง

ขณะที่บางแห่งนั้นจะชูเรื่องสิทธิประโยชน์ผู้ถือบัตรเป็นสิ่งจูงใจในการรักษาฐานลูกค้าเก่าและขยายฐานลูกค้าใหม่

ลูกค้าเพิ่ม 6 ล้านคนแบงก์เลือกดูด

สำหรับกรณีที่ธนาคารใหญ่อย่างธนาคารกรุงไทย ได้ปรับลดฐานรายได้ขั้นต่ำลงค่อนข้างมากนั้น ยอมรับว่าคงจะสามารถขยายฐานลูกค้า ได้มาก

แต่คงไม่ถึงกับทำให้ธนาคารพาณิชย์ที่ปรับลดลงน้อยกว่าเสียโอกาสหรือหมดโอกาสในการที่จะขยายฐานลูกค้า

เพราะจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ยกเลิกการคุมธุรกิจบัตรเครดิต ได้ส่งผลให้จำนวนของผู้บริโภคที่สามารถมีบัตร หรือเรียกว่าตลาดของธุรกิจบัตรเครดิตขยายตัวเพิ่มขึ้นมากจากที่แต่เดิมฐานรายได้ขั้นต่ำ

15,000 บาทนั้นผู้มีสิทธิ์ถือบัตรเครดิตในตลาดมีประมาณ 2 ล้านคน แต่หลังจากเลิกคุมแล้วคาดว่าตัวเลขผู้สามารถมีบัตรได้หากคิดคำณวนจากตัวเลขฐานรายได้ประมาณ 8,000-10,000 บาทนั้น

มีประมาณ 6 ล้านคน ทีเดียว

"ยอมรับว่าการเลิกเกณฑ์ของธปท.ส่งผลให้ธนาคารมีโอกาสในการขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น แต่ที่ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ยังไม่กล้าที่จะลดฐานรายได้ขั้นต่ำลงมากนัก

เพราะยังเป็นห่วงเรื่องความเสี่ยง ซึ่งเรื่องนี้เป็นความสามารถของแต่ละธนาคาร ที่จะมีวิธีการจัดการความเสี่ยงได้อย่างไร ธนาคารแต่ละแห่งย่อม มีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงไม่เหมือนกัน

ดังนั้น ภาพรวมของตลาดธุรกิจบัตรเครดิตนับจากนี้ไปจะมีความคึกคัก สินค้ามีความหลากหลายมากขึ้น แต่ธนาคารต้องไม่ยอม

ให้ประวัติศาตร์ซ้ำรอยเกิดหนี้เอ็นพีแอลจำนวนมากดังที่เคยเกิดขึ้นมากแล้ว" แหล่งข่าวกล่าว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us