|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ มีนาคม 2531
|
|
ทำไมเราจะต้องมากังวลกับเรื่องที่โอโซนในบรรยากาศชั้นบนถูกทำลายกันด้วย นั่นเป็นเรื่อง ที่พวกนักวิทยาศาสตร์ต้องสนใจกันเองมิใช่หรือ ?
"ก็ไม่ใช่โดยสิ้นเชิงหรอก" นักวิทยาศาสตร์จะบอกกับคุณอย่างนี้ โอโซนคือสิ่งที่จะปกป้องคุณจากอันตรายของรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต (UV ) ซึ่งสามารถทำลายออกซิเจนในอากาศชั้นบนที่ต่ำกว่า เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งที่ผิวหนัง ชะลอวงจรชีวิตของพืช ลดคุณภาพสารผสมที่มนุษย์สร้างขึ้นเช่นพลาสติก เป็นต้น
สิ่งที่จะทำลายโอโซน(O3) คือ ก๊าซ CFS (CHLOROFLUROCARBONS ) ซึ่งแพร่กระจายออกมาจากอะไรบางอย่าง ที่ดูไม่น่าจะมีอันตรายใด ๆ เลย เช่น สเปรย์ฉีด น้ำยาทำความสะอาด วัตถุให้ ความเย็นในตู้เย็นและแอร์คอนดิชั่น หรือโฟมที่ใช้เป็นฉนวนและภาชนะต่าง ๆ เมื่อก๊าซ CFS ถูกปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็จะลอยขึ้นสู่บรรยากาศชั้นบน ซึ่งรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตจะแยกอะตอมของคลอรีนก็จะโจมตีโอโซนออกเป็น 2 (เปลี่ยน O3 เป็น O และ O2 ) เข้ารวมกับอะตอมเดี่ยวของออกซิเจน ปล่อยที่เหลือให้ลอยอยู่รอบ ๆ ไม่อยู่ในฐานะที่จะปกป้องอะไรได้อีกและเมื่อโมเลกุลของคลอรีนที่รวมกับออกซิเจนพบกับโมเลกุลของโอโซนใหม่ ก็จะเกิดกระบวนการทำลายโมเลกุลของโอโซนในลักษณะดังกล่าวไปเรื่อย ๆ
ด้วยความกลัวถึงผลที่จะตามมาเนื่องจากการที่โอโซนถูกทำลายจนหมดไป รัฐบาลสหรัฐจึงได้ออกกฎหมายห้ามการใช้ก๊าซ CFS ในกระป๋องสเปรย์ตั้งแต่ปี 1978 และต่อมาในการประชุม UN ENVIRONMENTAL PROGRAMME ปีที่แล้ว ที่ประชุมก็ตกลงที่จะให้มีการควบคุมผลิตภัณฑ์ของก๊าซ CFS ให้อยู่เพียงระดับปัจจุบันและค่อย ๆ ลดลงในที่สุด ประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายจะอนุญาตให้เพิ่มการใช้ก๊าซ CFS เพียงในอัตรา 10% ต่อปี ยกเว้นในกรณีที่มีความสำคัญกับปัญหาเศรษฐกิจของตนจริง ๆ
|
|
|
|
|