Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน14 พฤษภาคม 2545
CPFกำไรขยับขึ้น 8% หวั่นปีนี้ตลาดกุ้งหดตัว             
 


   
search resources

เจริญโภคภัณฑ์อาหาร, บมจ.




"เจริญโภคภัณฑ์อาหาร"โชว์กำไรไตรมาสแรก 762 ล้านบาท โตขึ้น 8% โดยเป็นกำไรจากธุรกิจหลักถึง 71% ระบุไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการเข้มงวดตรวจสารตกค้างไก่และกุ้งจากอียู

ประกาศจ่ายปันผลประจำไตรมาสหุ้นละ 0.11 บาท เผยไตรมาส 2/2545 ยอดขายกุ้งและไก่จะขยับเพิ่มขึ้นอีก 20% พร้อมแนะเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งหันมาเข้าร่วมโครงการโปรไบโอติค

ฟาร์มมิ่งแทนการใช้ยาปฏิชีวนะ เพื่อแก้ปัญหาสารตกค้างในกุ้ง คาดว่าทั้งปีตลาดกุ้งจะไม่ขยายตัว แต่ทรุดลง 10% เนื่องจากราคาตกต่ำและปัญหาสารตกค้าง

นายอดิเรก ศรีประทักษ์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)หรือ CPF เปิดเผย ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ของปี 2545 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 762 ล้านบาท

เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 707 ล้านบาท โดยเป็นกำไรจากการดำเนินงานในธุรกิจหลักทั้ง จากยอดขายในประเทศและส่งออกถึง 71%

ซึ่งเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรจากการดำเนินงานเพียง 445 ล้านบาทและมีกำไรจากการขายเงินลงทุนหุ้นสยามแม็คโครจำนวน 262 ล้านบาท

สาเหตุที่ไตรมาสนี้บริษัทฯมีกำไรเพิ่มขึ้นเกิดจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 12 % โดยมีจำนวน 17,610 ล้านบาท ขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนมียอดขาย 15,709 ล้านบาท นอกจากนี้การ ส่งออกที่เพิ่มขึ้น

รวมถึงการลดต้นทุนการผลิตส่งผลให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายทางด้านการเงินและการดำเนินงานลดลง

ดังนั้น คณะกรรมการบริษัทฯจึงมีมติให้จ่ายเงินปันผลประจำไตรมาส 1/2545 ในอัตราหุ้นละ 0.11 บาท เพิ่มขึ้นช่วงเดียวกันของปีก่อนที่จ่ายปันผลหุ้นละ 0.10 บาท โดยจะดำเนินงานจ่ายในวันที่ 12

มิถุนายนนี้ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯจะขึ้นเครื่องหมาย XD ใน วันที่ 22 พฤษภาคมศกนี้

นายชิงชัย โลหะวัฒนะกุล กรรมการ ผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ราคากุ้งได้ขยับตัวเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบจากปลายปีที่ผ่านมา

โดยอยู่ที่ระดับ 230 บาท/50ตัวกิโลกรัม คาดว่าในไตรมาส 2-3 ราคากุ้งจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่าไตรมาสแรก ทำให้ยอด ขายกุ้งของ CPF น่าจะเติบโตอีกไม่น้อยกว่า 20%

โดยทั่วไปราคากุ้งในไตรมาสแรกจะค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่น เนื่องจากสภาพอากาศไม่เหมาะแก่การเลี้ยงกุ้งเท่าใด

สำหรับยอดขายไก่คาดว่าจะดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดส่งออก ในไตรมาส 2/2545 น่าจะโตอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 20% ทำให้ยอดขาย ทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมายที่ระบุไว้ 82,000 ล้านบาท

โครงสร้างรายได้ของ CPF มาจาก พันธุ์สัตว์ 4% อาหารสัตว์บก 23% อาหารสัตว์น้ำ 13% เนื้อสัตว์จำหน่ายในประเทศ 35% เนื้อสัตว์บกเพื่อส่งออก 13% เนื้อสัตว์น้ำเพื่อส่งออก 9%และอื่นๆ 3%

แนะผู้เลี้ยงกุ้งเลิกใช้ยา

หันมาใช้โปรไบโอติคฯ

นายชิงชัย กล่าวถึงกรณีที่สหภาพยุโรปคุมเข้มการตรวจสารตกค้างในกุ้งและไก่จากไทยว่า เชื่อว่าการส่งออกเนื้อไก่ไปสหภาพยุโรปไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากบริษัทฯควบคุม ขั้นตอนการเลี้ยงไก่ได้

แต่ในส่วนกุ้งส่งออกไป อียูพบว่ามีระบบการเลี้ยงแตกต่างกัน แต่เมื่อรัฐบาลไทยห้ามนำเข้าสารดังกล่าวแล้ว ทำให้ปัญหาสารตกค้างคลี่คลายลงได้

นอกจากนี้ CPF ได้แนะนำเกษตรกร ผู้เลี้ยงกุ้งไม่ให้มีการใช้ยาปฏิชีวนะ แต่แนะนำให้ใช้โปรไอโอติค ซึ่งเป็นเชื้อจุลินทรีย์ชนิดหนึ่งที่ยับยั้งการเกิดโรคกุ้งได้ เท่ากับเป็นการป้องกันแทนการรักษา

ทำให้เกษตรกรไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ เพราะผลการศึกษาพบว่ายิ่งใช้ยามากขึ้น โรคจะดื้อยา ทำให้ปัญหาสารตกค้างในกุ้งหมดไป

โครงการโปรไบโอติค ฟาร์มมิ่ง ยังช่วยลดต้นทุนในการเพาะเลี้ยงกุ้งต่ำลงถึงกิโลกรัมละ 10 บาท และเปอร์เซ็นต์ความเสียหายลดลงเหลือแค่ 5-10% เท่านั้น ปัจจุบันมีเกษตรกร

เข้าร่วมโครงการโปรไบโอติค ฟาร์มมิ่งแล้วกว่า 2,000 บ่อในช่วงเวลา 2 เดือน

"ปัญหาสารตกค้างที่สหภาพยุโรปมีการตรวจเข้มงวดขึ้น คาดว่าคงจะไม่มีผลกระทบต่อบริษัทมากนัก เนื่องจากว่าบริษัทส่งกุ้งไปยังยุโรปเพียงแค่ 6% เท่านั้น"

ในช่วงไตรมาสแรกนี้ การเลี้ยงกุ้งของไทยลดลง 20% เนื่องจากราคาตกลง เป็นผลจากกุ้งขาวมีราคาถูกกว่ากุ้งกุลาดำถึง 10% และปัญหายาตกค้าง ทำให้เกษตรกรกังวลในเรื่องดังกล่าว

ซึ่งเชื่อว่าตลอดทั้งปีธุรกิจกุ้งกุลาดำน่าจะทรุดตัวไปอีก 10% แต่ถ้ารัฐสามารถเจรจากับอียูเกี่ยวกับการผ่อนปรนมาตรการคุมเข้มการตรวจสารตกค้างได้ ก็จะทำให้ตลาดกุ้งของไทยดีดตัวขึ้น

ส่วนค่าเงินบาทในช่วงนี้แข็งค่าขึ้นนั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อCPF เนื่องจากบริษัทฯมีการนำเข้าวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์เพียง 15% ของวัตถุดิบที่ใช้ และส่งออกเนื้อสัตว์บก-น้ำคิดเป็น

20%ของยอดขายรวมแต่ปีนี้บริษัทตั้งเป้าส่งออกเนื้อสัตว์บกและสัตว์น้ำเพิ่มขึ้นเป็น 24-25% ของยอดขาย สูงกว่าปีก่อนที่มียอดส่งออกเพียง 21%

นายชิงชัย กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทจะเริ่มโครงการใหม่ 2 โครงการ คือ การเพาะเลี้ยง ปลาทับทิมเพื่อส่งออก โดยจะส่งออกไปยังประเทศสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและอีกหลายประเทศ

คาดว่าจะสร้างรายได้ระยะเริ่มแรกปีละ 112 ล้านบาท

"ตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เมื่อพิจารณาจากราคาหุ้นและผลตอบแทนจากการจ่ายเงิน ปันผลพบว่าหุ้น CPF สามารถให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยปีละ 47% ซึ่งเหมาะสมสำหรับการลงทุนระยะยาว

คุ้มกว่านำเงินไปฝากกับธนาคาร พาณิชย์"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us