|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ มิถุนายน 2529
|
|
“ขอให้มีคนที่มีคาลิเบอร์อย่างผมสัก 10 คนเท่านั้นแหละ ผมอยากจะรู้ว่ามันจะทำอะไรได้ทุกภูมิภาคในโลกนี้เราข้ามไปได้ เพราะทุกปีนี่เราได้เห็นกัน เรารู้จักกัน เรายกหูพูดกันได้ อย่างผู้บัญชาการสอบสวนกลางโมร็อกโคกับผมอยู่ด้วยกันที่ญี่ปุ่นถึง 45 วัน หรืออธิบดีกรมตำรวจมาเลเซีย ก็เคยนอนห้องเดียวกันตอนได้ทุนโคลัมโบ…ความร่วมมือระหว่างประเทศจึงสำคัญมาก”
พ.ต.ท.ประจักษ์ศิลป์ สุพรรณเภสัช รองผู้กำกับการนโยบายและแผนงาน กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มือปราบอาชญากรธุรกิจมือดีที่สุดคนหนึ่งของกรมตำรวจบอกกับ “ผู้จัดการ” ด้วยความมั่นใจ
พ.ต.ท.ประจักษ์ศิลป์ เกิดเมื่อ 1 ก.ย.2488 จึงอยู่วัยย่าง 41 ปีในวันนี้
เป็นนายตำรวจเพียงไม่กี่คนที่ได้รับรางวัลการศึกษายอดเยี่ยมทั้งจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน และโรงเรียนสารวัตรและผู้บังคับกอง ผ่านการศึกษาและการอบรมดูงานในต่างประเทศนับครั้งไม่ถ้วน และสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่าง “ภาคภูมิ”
ปี 2517 ได้ทุนโคลอมโบไปศึกษา ณ สถาบันสหประชาชาติเพื่อการป้องกันอาชญากรรม และการปฏิบัติต่อผู้กระทำความผิดคดีอาญาที่กรุงโตเกียว นอกจากนี้ยังผ่านการอบรมจากซีไอเอของสหรัฐอเมริกาด้วย จนได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านการก่อการร้ายสากล การต่อรองและการแย่งตัวประกัน!
ด้านหน้าที่การงานนั้น ผ่านงานพื้นฐานของตำรวจมาตลอด ตั้งแต่รองสารวัตรตำรวจนครบาล ผู้บังคับหมวดตรวจภูธร สารวัตรตำรวจสันติบาล ผู้บังคับกองสถานีตำรวจภูธร อำเภอเชียงใหม่ หัวหน้าสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
มาจับงานอาชญากรรมทางธุรกิจเข้าจริงๆ ก็เมื่อได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพนักงานสอบสวนคดีราชาเงินทุน และตั้งแต่นั้นก็วนเวียนอยู่กับคดีความผิดทางธุรกิจมาโดยตลอดจนขณะนี้เป็นผู้ตรวจสำนวนคดีประเภทนี้ทั้งหมด เฉพาะปีที่แล้วปีเดียวก็ต้องตาแฉะกับสำนวนถึง 763 คดี ไม่ว่าคดีนั้นหน่วยงานไหนจะรับผิดชอบ ต้องส่งให้ตรวจสำนวนทั้งสิ้น
จึงไม่น่าแปลกใจถ้าหากได้ทราบว่าเป็นผู้ที่รับเชิญให้ไปบรรยายในที่ต่างๆ อยู่เป็นประจำ รวมทั้งการเป็นพระอาจารย์ของสมเด็จพระบรมฯ เมื่อครั้งอยู่โรงเรียนเสนาธิการทหารบกด้วย
นอกจากนี้ยังเป็นผู้วางหลักสูตรการฝึกอบรมพนักงานสอบสวนในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดด้านอาชญากรรมทางธุรกิจเมื่อ 2 ปีก่อนจนเป็นที่ฮือฮา เพราะเป็นผู้เอาพฤติการณ์แยบยลของอาชญากรเสื้อนอกทั้งหลายมาเปิดเผยแก่ตำรวจทั่วไปและสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก จนทำให้คำว่า “อาชญากรทางธุรกิจ” ติดปากคนทั่วไปในเวลานี้
น่าแปลกที่เขาทำคดีจนจับบรรดานักธุรกิจที่ฉ้อฉล หรืออาชญากรเสื้อนอก เข้าคุกมาแล้วไม่รู้เท่าไร จนเป็นที่เข็ดขยาดกันไปทั่วในหมู่แก๊งโจรผู้ดีทั้งหลาย แต่ก็ยังไม่เคยถูกขู่ ถูกติดตามหรือกลัวใครหมายชีวิต เพราะไปขัดผลประโยชน์ของเขาเข้า
“เชื่อไหม ผมไม่เคยถูกขู่ ไม่เคยถูกติดตาม หรือกลัวใครเอาชีวิตเลย มีแต่ผมขู่เขา ตามเขา หรือไม่เขาก็กลัวผม เพราะผมเป็นคนไม่มีศัตรู คือเราทำอะไรแล้วเราไม่แกล้งเขาเท่านั้น คือผมเอาเรื่องจริงๆ เรื่องไปยัดของเขานี่ไม่มี ก็มันผิดจริงๆ มันก็ไม่มีสิทธิ์มาโกรธผม”
พ.ต.ท.ประจักษ์ศิลป์ ยังรู้สึกถึงความเหลื่อมล้ำในการทำคดีของตำรวจอยู่ไม่น้อย “ในขณะที่สามล้อถูกคนร้าย 3 คนตีหัวเอาเงินไปได้ 50 บาท นายตำรวจระดับพลตำรวจโทต้องไปดูสถานที่ เพราะถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ระเบียบกำหนดไว้อย่างนั้น แต่คดีเงินแบงก์หาย 100 ล้านบาท กลับมีร้อยตำรวจเอกไปดูเพียงคนเดียว มันผิดกันนะ คดีแบบนี้ความจริงต้องใช้นายตำรวจเป็นสิบคน คนเดียวจะไปทำได้ยังไง”
นี่เองที่เป็นแรงผลักดันให้กรมตำรวจจำเป็นต้องมีกองกำกับการงานพิเศษขึ้นมาอีก 1 กอง ซึ่งอาจจะใช้ชื่อว่า “กองธุรกิจอาชญากรรม” เพื่อรับมือกับอาชญากรรมทางธุรกิจที่แม้แต่ตำรวจเองก็ยังให้คำจำกัดความที่ลงตัวของคดีประเภทนี้ยังไม่ได้
รู้แต่เพียงว่า มันร้ายแรงกว่าคดีธรรมดาสามัญหลายร้อยหลายพันเท่านัก
“กองฯ ใหม่นี้มีนายตำรวจ 20 คนก็พอแล้ว เพราะคุณจะไปสร้างคน 200 คนให้มีความรู้ใกล้เคียงกับผมนี่มันไม่ใช่ของง่ายนะ เพราะทำมา 10 ปีเต็มเชียวนะ เห็นทุกเรื่องทุกคดีที่เกิดขึ้นในประเทศนี้แล้ว ที่จริงแล้วตัวคดีมันจะมีไม่มากเท่าไร เราต้องการพนักงานสอบสวนที่มีความสามารถจริงๆ ที่เป็นศูนย์กลางติดต่อกับผู้รักษากฎหมายหน่วยอื่นๆ ได้ด้วย ซึ่งสิ่งที่เขาจะต้องมีก็คือต้องพูด 2 ภาษาได้อย่างดีและต้องชำนาญเฉพาะส่วนด้วย
อีกไม่นานเราคงได้เห็นการสร้างนายตำรวจรุ่นใหม่ที่จะขึ้นมารับงานด้านอาชญากรรมธุรกิจโดยเฉพาะ เพื่อทดแทนรุ่นเก่าๆ ที่มีเพียงไม่กี่คนอย่างพันตำรวจเอกสมพงษ์ บุญธรรม พันตำรวจเอกสุรสีห์ สุธีสร พันตำรวจเอกบุญฤทธิ์ รัตนพร พันตำรวจโทประเสริฐ จันทราพิพัฒน์ และพันตำรวจโทประจักษ์ศิลป์ สุพรรณเภสัช ฯลฯ เป็นต้น.
|
|
|
|
|