ผลสำรวจความเห็นผู้ประกอบการทั่วประเทศพบส่วนใหญ่ยังเผชิญปัญหาหลายประการที่รอวันแก้ไข
ประเด็นหลักแข่งขันต่างชาติ ยอดขายตก ขาดแหล่งเงินทุน ขณะที่ภาพรวม SMEs
ไทยยังปรับตัวได้ช้าเหตุไม่ เห็นปัญหาที่แท้จริง ทั้งยังไม่เห็นความสำคัญสืบทอดกิจการ
จากการสำรวจความเห็นของผู้ประกอบการ 12 กลุ่มธุรกิจทั่วประเทศจำนวน 1,080
ราย
โดยสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ร่วมกับบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม
และสถาบันนโยบายสังคม และเศรษฐกิจ เกี่ยวกับ"สภาพปัจจุบัน
ปัญหาและการปรับตัวของ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหงังวิกฤตเศรษฐกิจ" พบว่า
SMEs ของไทยยังประสบปัญหาอีกมาก
รองศาสตราจารย์เกศินี วิฑูรชาติ หัวหน้าคณะผู้วิจัยกล่าว ว่าผู้ประกอบการของไทยประสบปัญหาด้านการดำเนินกิจการอันเนื่องจากปัจจัยภายนอกเป็นส่วนใหญ่
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านการตลาด
การผลิต การเงิน โดยผู้ประกอบการคิดว่าตนเองมีเครื่องมือการทางการตลาดดีอยู่แล้วทั้งที่ลูกค้าก็ยังหันไม่ซื้อสินค้าของผู้อื่นหรือของคู่แข่งขันอยู่ดี
โดยไม่คิดว่าสินค้าของตัวเองมีปัญหาเรื่องคุณ
ภาพการผลิต แต่โทษว่าเป็นเพราะปัจจัยภายนอก ทำให้ไม่สามารถแข่ง ขันด้านราคาได้และในที่สุดก็ส่งผล
ถึงการปรับตัวของ SMEs ไทยที่เป็นไปอย่างเชื่องช้า
โดยส่วนหนึ่งของผู้ประกอบการมีความเห็นว่าอุปสรรคสำคัญของการดำเนินธุรกิจ
คือการทำงานของภาครัฐ ไม่เอื้ออำนวยกับการดำเนินกิจการของตน ไม่ว่าจะเป็นโครงสรู้างภาษี
ขั้นตอนการประสาน
งานของภาครัฐ อีกทั้งการสนับ สนุนอย่างแท้จริงจากหน่วยงาน รัฐที่บอกว่าจะให้ความช่วยเหลือแต่ไม่เป็นผลโดยตรงกับ
SMEs
ในส่วนของการแนวทางการสืบทอดกิจการ ซึ่งเป็นอีกแนวทางหนึ่งภาครัฐต้องการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการของไทย
เห็นความสำคัญเพื่อให้กิจการ SMEs คงอยู่และอยู่ในมือของทายาทธุรกิจโดยแท้
แต่จากการสำรวจพบว่าผู้ประกอบการจำนวนน้อยที่เห็นความสำคัญและมีการเตรียมพรู้อม
ถ่ายทอดกิจการอย่างเป็นระบบ โดย พบว่ามีเพียง 30% เท่านั้นที่ส่งเสริม
ทายาทของตนให้มีความรู้ความเข้า ใจในธุรกิจที่ทำอยู่ โดยในจำนวนนี้ เป็นอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์
และอัญมณีเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่อีก 70% ซึ่งเป็นส่วนมากยังไม่เห็นความสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาพรวมธุรกิจพบว่าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของไทยยังประสบปัญหานานัปการ
เช่นการแข่งขันทั้งจากต่างชาติที่ทวีจำ-นวนเพิ่มมากขึ้น
และการแข่งขันกันเองในประเทศ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ในต่างจังหวัด นอกจากต้องเผชิญกับคู่แข่งในภูมิ
ภาคเดียวกันแล้วพบว่าผู้ประกอบการจากกรุงเทพฯเริ่มหันไปแข่งขันกับผู้ประกอบการที่ต่างจังหวัดด้วย
ทั้งที่เป็นโครงการไม่ใหญ่โตกันและ
มีมูลค่าไม่มากเท่าไรซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
โดยกิจการที่ได้รับผลกระทบ จากการแข่งขันจากต่างประเทศมาก ที่สุดคือธุรกิจอัญมณี
ธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีก หัตถกรรม เครื่องหนัง ใน ส่วนของธุรกิจบริการธุรกิจที่มีปัญหายอดขายลดลงมากที่สุด
คืออัญมณี เซรามิก เครื่องปั้นดินเผา ส่วนกิจการที่มีปัญหาจากหนี้สูญมากที่สุดคือกิจการวัสดุก่อสรู้าง
หัตถกรรมและเครื่องหนัง
อย่างไรก็ตาม จากการที่ผู้ประกอบการประสบปัญหาในหลาย รูปแบบทำให้มีการปรับตัวโดยนำกลยุทธ์ต่างๆ
เข้ามาใช้ โดยเฉพาะการปรับตัวด้านการตลาด ด้านเทค โนโลยี
ด้านกระบวนการผลิตและการสรู้างพันธมิตรทางการผลิต การ ปรับตัวด้านการตลาดเป็นลักษณะการปรับการให้บริการเสริม
การปรับ ราคา เพิ่มช่องทางการจำหน่ายรวม
ทั้งปรับส่วนผสมทางการตลาด
"โดยพบว่า 70% ของผู้ประ- กอบการมีการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็น ส่วนหนึ่งของการปรับตัว
ขณะที่ 60% มีเว็บไซต์และใช้สื่ออินเทอร์เน็ตเพื่อการทำธุรกิจ"
ในส่วนท้ายของข้อสรุป ผู้วิจัยนำเสนอว่าที่ผ่านมาแต่ละภาค ธุรกิจได้รับผลกระทบของปัญหาที่แตกต่างกัน
ผู้ประกอบการแต่ละรายจึงต้องการการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน ในส่วนของภาครัฐ
จึงควรมีนโยบายในการให้ความช่วยเหลือที่แตกต่างกันตามแต่ละอุตสาหกรรมด้วย