|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ เมษายน 2548
|
|
เดือนเมษายนของแต่ละปีมักจะเป็นเดือนที่ตลาดหลักทรัพย์ไทย มีปริมาณการซื้อขายต่ำเกือบจะที่สุดในรอบปี และยังเป็นเดือนหลังเดือนมีนาคม ซึ่งเกือบทุกบริษัทในตลาดฯ ประกาศผลประกอบการประจำปี รวมถึงการจ่ายปันผลออกมาแล้ว หากจะลงทุนระยะยาวในหุ้นไทยแล้ว เดือนเมษายนจึงน่าจะเป็นเวลาที่น่าจะเริ่มต้นทยอยซื้อเก็บสะสมหุ้นที่เลือกสรรไว้ เพื่อขายในช่วงที่ตลาดฯ กลับมาคึกคักและราคาสูงขึ้นช่วงปลายปี หรือไปรอรับปันผลในช่วงต้นปีหน้า
เมื่อพูดถึงการลงทุนระยะยาวในหุ้น เว็บไซต์ และเว็บบอร์ดที่ให้สาระความรู้ด้านนี้เป็นภาษาไทยมากที่สุดหนีไม่พ้น thaivalueinvestor.com ซึ่งมีเว็บบอร์ดที่เต็มไปด้วยความคิดเห็นและข้อมูล เราได้คัดเลือก 5 กระทู้ที่พูดคุยกันในเรื่องแนวคิดการลงทุนระยะยาว
เงินปันผลและหุ้นเน้นคุณค่า ในมุมมอง ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
thaivalueinvestor.com/webboard/viewtopic.php?t=9187
"Dividend VS Value Stock
คนจำนวนมากในตลาดหุ้นมักจะเข้าใจผิดคิดว่า Value Stock หรือหุ้นคุณค่าก็คือหุ้นที่มีการจ่ายปันผลที่ดี ยิ่งปันผลสูงเมื่อเทียบกับราคาหุ้นมากเท่าไรหุ้นนั้นก็เป็นหุ้น Value มากขึ้นเท่านั้น นั่นเป็นความเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง เพราะคำว่า Value Stock นั้น ความหมายก็คือเป็นหุ้นที่มีคุณค่าสูงกว่าราคาหุ้นมาก โดยที่คุณค่านั้นคิดจากความสามารถในการทำกำไรและ/หรือการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทในอนาคตระยะยาว ส่วน หุ้นปันผล' ที่พูดกันนั้นมักจะเป็นปันผลที่จ่ายในปีที่แล้วหรือปีที่กำลังถึงเมื่อเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบัน
ใน Value Stock เราพยายามหาความสามารถในการทำกำไรหรือเงินสดในระยะยาวของบริษัทซึ่งจะต้องวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ตั้งแต่การตลาดจนถึงการเงิน ความได้เปรียบเสียเปรียบเทียบกับคู่แข่งและอื่นๆ อีกมาก ในขณะที่การจ่ายปันผลปีที่แล้วเป็นข้อมูลของอดีตที่ไม่ต้องวิเคราะห์อะไรเลย"
ตัวอย่างความเห็นที่น่าสนใจ
1. "ผมเองเลือกหุ้นที่ p/e อยู่ในช่วง 7-10 ซึ่งความสามารถในการจ่ายปันผล (ถ้าจ่ายหมด) จะอยู่ที่ 14.3-10% แต่ว่าจ่ายจริงๆ เพียงราวๆ ครึ่งเดียว คือ 7-5% และเหลือเงินสดไว้อีกครึ่งหนึ่ง เพื่อขยายกิจการ จะเลือกแบบไม่จ่ายเลยก็ไม่เอา ขอให้เป็นรางวัลสำหรับการถือก็แล้วกัน"
2. "แต่การนำเงินไปลงทุน หลายครั้งก็จะพบได้ว่าเป็นการลงทุนที่สูญเปล่าครับ ควรดูอดีตช่วงก่อนวิกฤติเป็นตัวอย่าง หลายบริษัทที่รอดมาได้ก็เพราะทำธุรกิจพอเหมาะกับตัวเอง"
"เงินปันผลกับราคาหุ้น ระวังติดกับดักนะครับ"
thaivalueinvestor.com/webboard/viewtopic.php?t=9128
"หุ้น A ปันผล 1 บาท ราคา 10 บาท หุ้น B ปันผล 1 บาท ราคา 20 บาท ราคาหุ้น A ควรจะขึ้นไปหาหุ้น B เพราะ Yield ที่เหมาะสมคือ 5%? หรือราคาหุ้น B ควรจะลงมาหาหุ้น A เพราะ Yield ที่เหมาะสมคือ 10%? หรือเป็นไปได้ทั้งสองทาง? หรือจะพุ่งทะยานทั้งคู่ เพราะ Yield ที่เหมาะสมคือ 3% ดีกว่าเงินฝากนิดหน่อย?
ในความเห็นของผม เงินปันผลไม่สามารถใช้คำนวณราคาหุ้นที่เหมาะสมได้เลย การกำหนดตัวเลขเงินปันผลที่เหมาะสม เช่นเปลี่ยน Yield จาก 5%-10% ราคาเป้าหมายก็ห่างกันเท่าตัวแล้วครับ แม้ว่าเงินปันผลจะเป็นสิ่งที่ดี ทำให้ท่านมีกระแสเงินสดใช้ แต่ระวังเงินปันผลจะเป็นเหยื่อล่อท่านเข้าไปติดกับของผู้ที่วางเอาไว้"
ตัวอย่างความเห็นที่น่าสนใจ
1. "นอกจากนั้นให้ระวังหุ้นที่มีปันผลพิเศษ ถ้าคุณคิด Yield ในปีปันผลพิเศษจะดูว่ามากมายมหาศาล แต่ความเป็นจริงคือ หุ้นจะตกลงหลังจาก XD แล้ว เช่น CEI
มีวิธีเก็งกำไรข่าวปันผล คือจะซื้อหุ้นไว้ก่อนประกาศงบ ประกาศปันผล พอประกาศแล้วก็จะมีหลายๆ ท่านอยากได้ปันผล จนลืมเรื่องอื่นๆ ไป เข้ามาซื้อไล่ราคา พวกที่ซื้อไว้ก่อนก็ขายให้ท่าน พอหลัง XD พวกที่ซื้อหวังปันผล ก็ร้องกันว่าขาดทุนไม่คุ้มปันผล (หมายเหตุ : CEI ก่อนจ่ายปันผลนั้นราคา 13 บาท หลัง XD จ่ายปันผล เหลือ 10 บาท ลงมากกว่าเงินปันผล และขณะที่เขียนนี้ลดเหลือ 6.3 บาท)
2. "ราคาหุ้นต้องคิดจากมูลค่าปัจจุบันของ Free Cash Flow ในอนาคต มิใช่มูลค่าปัจจุบันของ Dividend ในอนาคตครับ
Free Cash Flow เป็นเงินสดส่วนเกินที่เหลือจากกำไรเมื่อหักเงินลงทุนส่วนเพิ่มของบริษัทแล้ว ดังนั้นจึงเป็นผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจากธุรกิจของบริษัทจริงๆ ส่วนเงินปันผลเกิดจากความเห็นของกรรมการบริษัทว่าจะตอบแทนผู้ถือหุ้นเท่าไรดีในปีนั้นๆ ถ้าบริษัทมีกำไรสะสม จะกู้ธนาคารมาปันผลยังได้เลย"
"ความเหมือนที่แตกต่างของ VI และ DSM"
(VI ย่อจาก Value Investor ส่วน DSM ย่อจาก Densri Method เป็นแนวคิดของนักเล่นเว็บบอร์ดหุ้นที่ใช้ชื่อ เด่นศรี เกี่ยวกับหลักวิธีการบริหารต้นทุนราคาหุ้นในตลาดขาลงหรือเมื่อมีข่าวร้ายมากระทบ โดยการขายออกไปและซื้อคืนในราคาที่ต่ำลงหรือ short against port เพื่อให้ได้จำนวนหุ้นมากขึ้น หรือหุ้นเท่าเดิมแต่เหลือเงินสด)
thaivalueinvestor.com/webboard/viewtopic.php?t=9023
นักลงทุนพันธุ์แท้ ไม่เก็บหุ้นที่ขาดทุน ถ้าลงทุนแล้วผิดพลาด พื้นฐานเปลี่ยน ก็จะขายหุ้นนั้นทิ้ง ส่วนหุ้นที่ลงทุนไปแล้ว ผลการดำเนินการดีขึ้นเรื่อยๆ ก็จะถูกเก็บไว้ยาวนาน'
VI มักจะเลือกหุ้นที่มีกิจการพื้นฐานดี, ปันผลสม่ำเสมอ, P/E ต่ำ, หนี้สินน้อย,... ส่วน DSM นั้นกลับใช้หลักการที่ว่า ถ้าหุ้นนั้นดีมีอนาคต หรือกิจการย่ำแย่ ทุกอย่างจะสะท้อนออกมาที่ราคาหุ้น'
ดังนั้น ถ้าหุ้นพื้นฐานดีมีอนาคต ราคาหุ้นก็จะต้องวิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ (เขียว)... DSMer ก็จะถือหุ้นนั้นเอาไว้ แต่ถ้าหุ้นพื้นฐานไม่ดี ราคาหุ้นก็จะตกลงมา (แดง)... DSMer ก็จะเริ่มทยอยขายออกไป (เพราะถือว่ากิจการไม่ดี) และเมื่อหุ้นเริ่มขี้นอีกครั้ง (เขียว) ก็ถือว่ากิจการกลับมาดีอีกครั้ง... DSMer ก็จะซื้อหุ้นที่ขายไปกลับมา
บางท่านที่ไม่เคยทำ DSM อาจจะสงสัยว่า แล้วมันจะได้กำไรหรือผมบอกได้เลยว่า ไม่ลองไม่รู้' หลายคนที่ทำไปแล้ว 1-2 ปี มีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว (ถ้าชอบเงิน ก็เอาเงินไปใช้ ถ้าชอบเงินปันผล ก็เอากำไรไปซื้อหุ้นเพิ่ม) เพียงแต่ต้องขยันซื้อและขายมากหน่อย จึงไม่เหมาะกับ VI ที่มีอาชีพอื่นทำอยู่"
ตัวอย่างความเห็นที่น่าสนใจ
1. "การเปรียบเทียบ DSM กับ Value Investment นั้นทำได้ยากครับ DSM เป็น Trading System ในขณะที่ VI เป็นแนวทางการลงทุน เช่นเดียวกับ VS"
2. "DSM ใช้เทคนิคที่รู้กันอยู่แล้ว คือ short-and-cover แต่เอามาประยุกต์แบบเป็น step. พวก hedge fund เองก็ใช้อยู่ เมื่อหุ้นตก > Short position'> stepped short and cover เมื่อหุ้นขึ้น > Long position'> Let the profit run."
3. "ผมไม่อยากให้คนที่เป็น VI ถือหุ้นไว้อย่างเดียว แล้วปล่อยให้ราคาหุ้นมันขึ้นมันลงโดยไม่ทำอะไรเลย ผมพยายามบริหารพอร์ตอยู่ตลอดเวลา จนต้นทุนหุ้นของผมลดลงทุกวันๆ
จริงๆ แล้ว เด่นศรีใช้มาหลายปีแล้ว แกเคยเสนอที่พันธุ์ทิพย์มาแล้ว แต่คนไม่เข้าใจและด่าแกด้วย แกก็เลยเลิกไป แต่ปีที่แล้วหุ้นลงทั้งปี (ทั้งๆ ที่ผลประกอบการออกมาดี) คนก็เลยเข้าใจไอเดียของแก"
4. "ถ้าเป็น vi ถือหุ้นยาวอยู่แล้ว แต่เกิดภาวะขาลง ราคาหุ้นของบริษัทที่ดี มันลงท่าเดียว แต่กิจการยังดีเหมือนเดิม เราก็มาใช้ DSM เพื่อทำให้ซื้อหุ้นเพิ่มได้มากขึ้น โดยที่ไม่ได้ใส่เงินใหม่เข้าไป"
5. "DSM คือ Trading System เป็นวิธีการตัดสินใจซื้อขายไปตาม rules ที่เราตั้งไว้ โดยไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าความโลภหรือความกลัว"
(หมายเหตุ : ผู้อ่านสามารถอ่านรายละเอียดของหลัก DSM ได้ในกระทู้นี้) "ว่าด้วยเรื่องการทำใจให้ถือหุ้นได้นานๆ"
(ผู้เล่าคร่ำหวอดในตลาดหุ้นไทยมานานนับสิบปี) thaivalueinvestor.com/webboard/viewtopic.php?t=9255
"1 ไม่มีสภาพแวดล้อมจากจิตวิทยามวลชนคอยกดดันให้ซื้อๆ ขายๆ สมัยที่ผมนั่งเล่นหุ้นตามห้องค้า ซึ่งเป็นช่วงปี 2520-2522 ผมไม่เคยถือหุ้นตัวไหน จนมีกำไรเกินสามสิบเปอร์เซ็นต์เลย เพราะว่าจิตวิทยามวลชนในห้องค้ามีสูงมากๆ จนเราไม่สามารถทำตัวแตกต่างจากคนอื่นๆ ที่ซื้อๆ ขายๆ กันรายชั่วโมงได้
หลังจากช่วงนั้นสมัยราชาเงินทุน ในช่วงที่ห้องค้าไม่มีใครไปเลย มีพนักงานอยู่สองคน ผมสามารถเก็บหุ้นไว้ขาย โดยรอจนมีกำไรถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ในห้องค้ามีผมนั่งอยู่เพียงคนเดียว จึงไม่มีแรงกดดันต้องให้ทำตามคนอื่น
2. ผมไม่ค่อยยอมให้ใครมาชี้แนะเรื่องหุ้น ช่วงนั้นนับว่ายังโชคดีที่เทรดเดอร์เป็นระบบกินเงินเดือนหมด เขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องยุให้ซื้อๆ ขายๆ ผิดกับในตอนนี้ ซึ่งมาร์เก็ตติ้งส่วนใหญ่มีรายได้จากการกินเปอร์เซ็นต์ค่าคอม ไม่เชียร์ให้ซื้อ ก็จะเชียร์ให้ขาย
3. การที่ไม่มีเรียลไทม์ให้ดู ส่งผลดีมาจนทุกวันนี้ สมัยก่อนมีทางเดียวที่จะดูเรียลไทม์คือ ไปที่ห้องสังเกตการณ์ของตลาดฯ หรือไม่ก็ห้องค้า ซึ่งผมก็ไปแค่นานๆ ครั้ง ผลที่ตามมาคือ เราไม่ต้องติดตามหุ้นแบบเอาเป็นเอาตาย นานๆ เข้า มันก็สะสมเป็นนิสัยการเก็บหุ้นได้เป็นเวลานานๆ จนได้ขายทำกำไรตั้งแต่ 100-400%
4. เงินลงทุนของเรา บีบให้เราต้องได้กำไรหนักๆ ต่อครั้ง คือหลังจากเจ๊งไปตอนราชาเงินทุน ผมไม่กล้าทุ่มเงินแบบหมดหน้าตักเพื่อเล่นหุ้น ประเภทเล่นมาร์จิน ดังนั้นมีทางเดียวที่เราจะสามารถสร้างรายได้จากหุ้นอย่างเป็นกอบเป็นกำคือ ทนถือให้มันขึ้นมาหลายเท่าตัว ผมจะเสียดายเงินมากๆ ประเภทเราได้กำไรหนึ่งล้าน จ่ายเป็นค่าคอมไปตั้งสี่ห้าแสน"
ยังมีกระทู้ที่น่าสนใจอีกหลายกระทู้ เช่น...
"การลงทุนแบบ Constant Dollars Plan"
thaivalueinvestor.com/webboard/viewtopic.php?t=9145
แนวคิดวิธีลงทุนหุ้นแบบระยะยาวโดยทยอยลงทุน
"อุตสาหกรรมที่กำลังอยู่ในช่วงเติบโต"
thaivalueinvestor.com/webboard/viewtopic.php?t=8857
หาหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเป็นช่วงเติบโต
"ที่นี่บทวิเคราะห์เยอะดี เวลาหาบทวิเคราะห์เก่าๆ อ่านเพลินดี"
thaivalueinvestor.com/webboard/viewtopic.php?t=9186
แนะนำเว็บ kelive.kimeng.co.th และ thaiquest.com/securities
ยังมีกระทู้ที่น่าสนใจอีกใน thaivalueinvestor.com/webboard ผู้อ่านสามารถพิมพ์คำที่สนใจเช่น "DSM", "เด่นศรี", "ปันผล", หรือ "cash flow" ได้ในช่องค้นหาด้านบนขวาของแต่ละหน้า หรือหากสนใจเฉพาะหุ้นบางตัวก็เข้าไปในหมวด "ร้อยคนร้อยหุ้น" ด้านบนซ้าย
|
|
|
|
|