เป็นความพยายามอย่างยิ่งยวดของไมโครซอฟท์ที่จะปลูกฝังให้เด็กรุ่นใหม่ได้มีโอกาสใช้ซอฟต์แวร์ที่ถูกลิขสิทธิ์ตั้งแต่เรียนในรั้วโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย เพราะไมโครซอฟท์หวังว่าเด็กๆ เหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญในการหลีกเลี่ยงการใช้ซอฟต์แวร์ ละเมิดลิขสิทธิ์ หลังจากที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่เข้าสู่วัยทำงานแล้ว

หลายปีมาแล้วเราจึงมีโอกาสได้เห็นไมโครซอฟท์ดำเนินนโยบายความร่วมมือกับสถานศึกษา ในรูปแบบของการเข้าไปสนับสนุนซอฟต์แวร์ของตนในกิจกรรมพิเศษหรือการเรียนการสอนของสถานศึกษานั้นๆ อย่างต่อเนื่อง แม้ไมโครซอฟท์จะออกมาปฏิเสธว่ามิได้หวังผลจากการทำกิจกรรมเหล่านี้ แต่หลาย ครั้งที่ไมโครซอฟท์ลงมือทำกิจกรรมดังกล่าว คำถามว่าไมโครซอฟท์ต้องการผลตอบแทนในแง่ของการปลูกจิตสำนึกการใช้ของจริงแทนของเถื่อนก็มักจะถูกตั้งคำถามขึ้นมาในทันที

การจับมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศกว่า 12 แห่ง เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา อาทิ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อให้การสนับสนุน เทคโนโลยี .Net แก่นักศึกษาในคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์หรือ วิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ ได้มีโอกาสเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ของตน

ตลอดจนการให้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์แบบไม่คิดมูลค่าเพื่อใช้ในการเรียนการสอน เนื้อหาหลักสูตร บุคลากรที่เชี่ยวชาญ เว็บท่า การเรียนการสอนสำหรับการเรียนรู้ด้วยตนเองทางด้าน .Net การสนับสนุนการวิจัย เปิดโอกาสให้เข้าร่วมสัมมนาที่เกี่ยวข้องและจับมือกับซอฟต์แวร์พาร์คเพื่อจ่ายค่าสอบเอาใบประกาศนียบัตรด้าน .Net ให้กับนักศึกษาที่สนใจ ภายใต้โครงการ "Microsoft Academic Alliance" ที่มีมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ล้วนแล้วแต่เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันของไมโครซอฟท์ทั้งสิ้น

ไม่เพียงแค่นั้นเทคโนโลยี .Net เทคโนโลยีที่ไมโครซอฟท์มุ่งให้ความสำคัญมากที่สุดในปีนี้ ยังเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างเทคโนโลยี Web Service ซึ่งทางภาครัฐกำลังให้ความสนใจอยู่ เพราะสามารถรวมเอาบริการหลากหลายไว้ในหน้าเว็บไซต์เดียว ผ่านการเชื่อมโยงฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องเอาไว้เพื่อการใช้งาน

โดยปีที่ผ่านมาร้อยละ 70 ของงบประมาณที่เขตอุตสาห-กรรมซอฟต์แวร์หรือซอฟต์แวร์พาร์คใช้ไปกับการพัฒนา Web Service ด้วยซ้ำ

การเปิดทางให้เด็กรุ่นใหม่รู้จักเทคโนโลยีของตนก่อนออก มาเป็นกลไกสำคัญของตลาดในอนาคต ย่อมเป็นอีกทางออกที่ทำให้เทคโนโลยีของไมโครซอฟท์แพร่หลายยิ่งขึ้นด้วย