|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ เมษายน 2548
|
|
"ด้วยความที่ค่ายดีแทคเป็นเบอร์สองของตลาดมาตลอด จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะตกอยู่ในฐานะที่ไม่ได้อยู่อย่างสบาย ดีแทคต้องดิ้นรนเพื่อที่จะรักษาระดับของตัวเองเอาไว้"
คำกล่าวสั้นๆ แต่รวมใจความสำคัญของการทำธุรกิจของบริษัทเอาไว้อย่างครบถ้วน ถูกเปิดเผยโดย วิชัย เบญจรงคกุล Co-CEO ระหว่างเป็นผู้นำในงานแถลงข่าวความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในปีที่ผ่านมาของตนเมื่อเดือนที่ผ่านมา
แม้ในปีที่ผ่านมา ดีแทคจะประสบความสำเร็จด้วยการสร้างรายได้ให้เติบโตได้กว่า 23 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะรายได้จากการบริการที่เพิ่มขึ้นเป็น 37,841 ล้านบาท จาก 30,521 ล้านบาท ในปี 2546 ซึ่งเป็นผลพวงของการทำตลาดอย่างหนักในตลาดพรีเพดหรือระบบเติมเงิน ทำให้ล่าสุดสัดส่วนรายได้จากระบบเติมเงินสูงขึ้นกว่าระบบจดทะเบียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อีกทั้งกำไรสุทธิของดีแทคในปีที่ผ่านมายังโตขึ้นกว่า 73 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ยังคงรักษาฐานลูกค้าใหม่เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น เพิ่มส่วนแบ่งในตลาดการให้บริการ ส่วนเอไอเอสนั้นเสียส่วนแบ่งเล็กน้อยไปให้กับค่ายออเร้นจ์ที่อาศัยกลยุทธ์ทางด้านราคาเข้าช่วยอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา
แต่ดีแทคก็ยังต้องเร่งหากลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างรายได้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ท่ามกลางความเสียเปรียบหลายประการ โดยเฉพาะค่าสัมปทานที่นับวันจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกันกับปัญหาเรื้อรังที่รอวันให้ กทช. แก้อย่างค่า Inter Connection Charge
ในวันแถลงข่าว วิชัยประกาศอย่างเป็นทางการว่า นับต่อจากนี้ดีแทคจะลงมาสู้กับคู่แข่งด้วยการหั่นราคาเข้าสู้อย่างเต็มที่ เรียกว่าหมัดต่อหมัดหากสามารถทำได้ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ นั่นเป็นสาเหตุที่อีกไม่กี่วันให้หลัง ดีแทคก็ประกาศ แถลงข่าวปรับลดราคาค่าบริการบางโปรโมชั่นลงไปจากเดิมจนทำให้กระแสการแข่งขันด้วยราคาในตลาดมือถือนั้นดุเดือดขึ้นในทันที
ดีแทคยังยอมควักเงินในกระเป๋ากว่า 8,000 ล้านบาทเพื่อลงทุนไปกับการขยายเครือข่ายเพิ่มขึ้น เพื่อรุกตลาด GPRS อย่างหนัก เพราะหวังผลจากรายได้ที่เกิดจากการให้บริการเครือข่าย GPRS หลากหลายทาง และตัดสินใจวางระบบเทคโน โลยีสารสนเทศหลังบ้านให้ชาญฉลาดยิ่งขึ้นในปีนี้ทั้งปี และแบ่งเงินอีกประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมด เพื่อใช้ไปกับการทำกิจกรรมทางการตลาด โดยเฉพาะตลาดพรีเพดที่กลายเป็นตัวชูโรงของดีแทคไปอีกนานหลายปี
|
|
|
|
|