เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศอินเดียที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายแพทย์ปราเสริฐและวัลลีย์ ผู้เป็นภรรยา รวมทั้งลูกสาว 2 คนคือ สมฤทัย และอาริญา พร้อมด้วยทีมงานส่วนหนึ่งได้เดินทางเข้าไปท่องเที่ยว หรืออีกนัยหนึ่งเข้าไปศึกษาความเป็นไปได้ของเส้นทางบินใหม่ในแคว้นอัสสัม ประเทศอินเดีย ตามคำเชิญของนักธุรกิจชาวไทยอาหม

แม้ไม่ใช่เรื่องที่จะเปิดกันได้ง่ายๆ แต่เป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นความตั้งใจ ของหมอปราเสริฐว่าธรรมชาติแบบนี้ล่ะที่บางกอกแอร์เวย์สต้องการนำมาเป็นจุดขาย

อาริญาเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังว่า เป็นครั้งแรกของเธอที่ได้เดินทางไปอินเดีย และได้ไปเที่ยวซาฟารีในลักษณะนี้ ในเมืองที่เข้าไปนั้นมีสภาพเหมือนเมืองพุกามในประเทศพม่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 4 ชั้นเก่าๆ ตามขอบหน้าต่างยังมีลูกเหม็น ไล่แมลงเป็นจุดๆ ความสะดวกในการเดินทาง ที่พัก และร้านอาหาร ยังมีน้อย

"ก็เป็นเรื่องที่สนุกและตื่นเต้น ต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 พอ 6 โมงกว่าๆ ออกจากโรงแรม ตอนมองจากที่ไกลๆ ก็เห็นแรด เห็นกวาง ควายป่า แต่ยังไม่เห็นเสือ แต่พอนั่งช้างเข้าไป ก็ยิ่งเห็นได้ชัดขึ้น จริงๆ แล้ว ครอบครัวเราจะชอบอย่างนี้ เที่ยวหรู เที่ยวแบบลำบากไปได้หมด"

ตามปกติแล้วในอุทยานแห่งชาตินี้สามารถนั่งรถจี๊ปเข้าไปตามเส้นทางที่ตัดเข้าป่าได้ แต่การเดินทางด้วยช้างจะทำให้สามารถใกล้ชิดสัตว์ได้มากขึ้น ที่นี่มีความหลากหลายของ พืชพรรณ และสัตว์ป่า มีแรดนอเดียวเป็นพระเอกแห่งท้องทุ่ง มีฝูงควายป่า ช้าง นกกว่า 400 ชนิด และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกว่า 39 ชนิด ที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์ป่าหายาก

"คนไทยน่าจะชอบไปเที่ยวที่อย่างนี้ แต่อาจจะไม่ชอบเรื่องอาหาร เพราะต้องทานอาหารพื้นเมืองทุกมื้อ ชาวบ้านน่ารักมากบางคนที่อายุ 50 กว่าก็สามารถพูดไทย ได้ด้วย"

การเปิดเส้นทางใหม่ในเมืองอัสสัมนี้ เป็นหน้าที่ของทีมงานชุดต่อไปที่จะเข้าไปศึกษาความเป็นไปได้อีกหลายครั้ง แต่ความคิดของนายแพทย์ปราเสริฐโลดแล่นไปถึงการเชื่อมโยงไทยใหญ่ ไทยอาหม ที่มีทั้งแหล่งท่องเที่ยวแบบซาฟารี และเมืองวัฒนธรรมต่างๆ ในอินเดียไว้เรียบร้อยแล้ว