เผย SGF ล้มดีลซื้อ บง.แอ็ดวานซ์ (โกลบอลไทย) หลัง ธปท.ตั้งเงื่อนไขโหดให้เพิ่มทุน 1 พันล้านบาท และต้องค้ำประกันส่วนตัว ขณะที่ราคาหุ้น SGF วิ่งกระฉูด 10% สวนทางตลาดรวมทรุด หลังบริษัทมีมติลดทุน-เพิ่มทุนออกวอร์แรนต์ขาย 20 สตางค์ต่อหน่วย ให้ผู้ถือหุ้น พร้อมออกโครงการอีสบ พร้อมลดพาร์ 10 บาทเป็น 5 บาท ล้างขาดทุน-แตกพาร์เป็น 1 บาท หวังให้จ่ายปันผลได้
วานนี้ (24 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท สยามเจเนอรัลแฟคตอริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SGF เคลื่อนไหวคึกคักตั้งแต่เปิดตลาดในช่วงเช้า สวนทิศทางตลาดหุ้น ไทยโดยรวมซึ่งดัชนีผันผวนปรับตัวลดลง โดยราคาหุ้น SGF ปรับตัวขึ้นไปสูงสุด 5.65 บาท ก่อนจะปรับตัวลดลงมาปิดที่ 5.55 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 9.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41.34 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีกระแสข่าวออกมาว่า สาเหตุที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นเนื่องจาก บริษัทได้แจ้งมติลดทุนโดยการลดมูลค่าที่ตราไว้ต่อหุ้นจาก 10 บาทเหลือ 5 บาท จากนั้นเปลี่ยนแปลงพาร์เป็น 1 บาท พร้อมกับมีการเรียกชำระเพิ่มทุน ออกวอร์แรนต์หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมกรรมการ และพนักงาน
แต่อย่างไรก็ดี บริษัทได้ล้มดีลการเข้าซื้อกิจการบริษัทเงินทุน (บง.) แอ็ดวานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือชื่อเดิม บริษัทเงินทุน โกลบอลไทย จำกัด
นายธีรภัทร์ โกยสุขโข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเจเนอรัล แฟคตอริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SGF กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการยกเลิกมติที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2547 ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อหุ้น บง. แอ็ดวานซ์ ซึ่งประกอบด้วย วาระที่ 9 เกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้นสามัญของเงินทุนแอ็ดวานซ์ และการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน, วาระที่ 10 เกี่ยวกับการแต่งตั้งคุณกิตติวลัย เจริญสมบัติอมร เป็นกรรมการของบริษัท
วาระที่ 12 เกี่ยวกับการออกใบสำคัญแสดงสิทธิของบริษัทจำนวนไม่เกิน 57,547,726 หน่วยให้แก่ผู้ขายหุ้นของเงินทุนแอ็ดวานซ์ให้แก่บริษัท และวาระที่ 17 เกี่ยวกับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 102,347,726 หุ้น
ทั้งนี้ ยังได้มีมติอนุมัติลดทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วของบริษัทจากเดิมจำนวน 1,182,751,530 บาท ให้เป็นทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วจำนวน 591,375,765 บาท โดยการลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของบริษัท (พาร์) จากเดิมมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 10 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 5 บาท และให้เปลี่ยนแปลงพาร์หุ้นละ 5 บาท เป็น 1 บาท
นอกจากนี้อนุมัติออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท หรือ SGF-W1 จำนวนไม่เกิน 295,687,882 หน่วย อายุ 4 ปี เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ราคาเสนอขายหน่วยละ 0.20 บาท มูลค่าการเสนอขายไม่เกิน 59,137,577 บาท และออกใบสำคัญแสดงสิทธิจำนวน 29,500,000 หน่วยให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัท ภายใต้โครงการเสนอขายหลักทรัพย์ให้แก่กรรมการและพนักงาน (ESOP Scheme)
บริษัทจึงมีมติอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีกจำนวน 325,187,882 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 591,375,765 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 916,563,647 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 916,563,627 หุ้น และหุ้นบุริมสิทธิ จำนวน 20 หุ้น โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 325,187,882 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการบริษัท สยามเจเนอรัลแฟคตอริ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เนื่องจากบริษัทได้ยกเลิกการเข้าซื้อกิจการบริษัทเงินทุนแอ็ดวานซ์ จำกัด ทำให้บริษัทต้องมีการยกเลิกการเพิ่มทุนและการออกวอร์แรนต์เพื่อนำมาแลกซื้อกิจการกับบริษัทเงินทุน แอ็ดวานซ์ จำกัด โดยมีทุนจดทะเบียน 220 ล้านหุ้น แต่เป็นทุนที่เรียกชำระแล้ว 118 ล้านหุ้น ส่วนที่เหลือไว้รองรับการแลกหุ้นกับบริษัทเงินทุนแอ็ดวานซ์ จำกัด ดังนั้น เมื่อมีการยกเลิกดีลก็ต้องมีการลดทุนและเพิ่มทุนใหม่
เงื่อนไขแบงก์ชาติทำดีลล่ม
แหล่งข่าวจากวงการค้าหุ้นเปิดเผยว่า สำหรับบง.แอ็ดวานซ์ จำกัด เดิมชื่อ บง.โกลบอลไทย ซึ่งบริษัทเลแมน บราเดอร์ส โฮลดิ้ง อิงค์ วาณิชธนกิจชื่อดัง ซึ่งเป็นผู้ประมูลพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัย ต่อมาได้ขายหุ้นให้กับนางกิตติวลัย เจริญสมบัติอมร ซึ่งเคยนั่งเป็นผู้จัดการประจำประเทศไทย ของเลแมน บราเดอร์ส ประเทศไทย กับกลุ่มผู้บริหาร ต่อมากลุ่มนายวิชัย ทองแตง อดีตทนายคดีซุกหุ้น ซึ่งได้เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน SGF ได้มีการเจรจาแลกหุ้นเพื่อควบรวมกิจการกันตั้งแต่ปี 2547 เพื่อยกระดับขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์
การดำเนินการแลกหุ้นเพื่อควบกิจการระหว่าง SGF กับ บง.แอ็ดวานซ์ มีความคืบหน้าเป็นลำดับ SGF มีการขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นและมีการขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ หรือก.ล.ต.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กระทั่งจู่เมื่อวานนี้ SGF ได้ประกาศล้มเลิกมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่เคยอนุมัติให้มีการเพิ่มทุนแลกหุ้นควบรวมกับบง.แอ็ดวานซ์
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ระบุว่า ผลการดำเนินงานของ SGF ปี 2547 ปรากฏมีกำไรสุทธิ 100.65 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.85 บาท ขณะที่ปี 2546 ขาดทุนสุทธิ 156.25 ล้านบาท หรือขาดทุนหุ้นละ 2.16 บาท การล้มดีลรวมกิจการกับ บง.แอ็ดวานซ์ จำกัด ครั้งนี้น่าจะมาจากธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เนื่องจากบริษัทเงินทุนอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธปท. ตลอดจนการยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์ก็จะต้องผ่านการพิจารณาจาก ธปท.ด้วย ส่วนการลดพาร์ก็เพื่อล้างขาดทุนสะสม ซึ่งจะทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลได้ตามมา
แหล่งข่าวจาก ธปท. เปิดเผยว่า ธปท.ได้พิจารณาอนุมัติ SGF สามารถเข้าซื้อกิจการ บง. แอ็ดวานซ์ จำกัด ได้แต่มีเงื่อนไขว่า ถ้าหาก SGF จะเทกโอเวอร์กิจการทั้ง 100% จะต้องมีการเพิ่มทุน 1 พันล้านบาทเพื่อให้ครอบคลุมภาระเงินฝากประชาชน ที่อยู่ใน บง. แอ็ดวานซ์ จำกัด ซึ่งมีอยู่มากกว่า 1 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังได้กำหนดให้กลุ่ม SGF ต้องค้ำประกันส่วนตัว
"เงื่อนไขดังกล่าวทำให้ SGF แจ้งว่าไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของ ธปท.ได้ โดยให้เหตุผลว่า ที่ผ่านมาไม่ได้มีการขอมติที่ประชุมเรื่องการเพิ่มทุนดังกล่าวไว้ และโดยหลักการของผู้บริหารไม่สามารถทำข้อตกลงที่ต้องไปกำหนดผู้ถือหุ้นให้มาผูกพันต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนดังกล่าวได้"แหล่งข่าวกล่าว
ด้านแหล่งข่าวจากบริษัทสยามเจเนอรัล แฟคตอริ่ง กล่าวว่า ธปท.ตั้งเงื่อนไขที่ผู้บริหารไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ต้องไปกำหนด แทนผู้ถือหุ้น ถ้าทำไปอาจไม่แฟร์กับผู้ถือหุ้นทุกราย แต่ก็เข้าใจธปท.ซึ่งต้องการดูแลเงินฝากประชาชน และอาจเห็นว่ากลุ่ม SGF เป็นกลุ่มใหม่จึงตั้งเงื่อนไขเข้มงวดมาก
แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ SGF คงไม่มีปัญหาอะไรถ้าไม่ได้ซื้อบง.แอ็ดวานซ์ จำกัด ขณะที่บง.แอ็ดวานซ์เป็นกิจการที่มีฐานะการเงินที่ดีมีกำไร
|