|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ พฤศจิกายน 2528
|
|
เรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์นั้น วงการคอมพิวเตอร์บ้านเราถกเถียงกันมานานพอดู
แต่ดูเหมือนเรื่องที่บริษัทคอมป์แมนกรุ๊ปแจ้งความดำเนินคดี 14 บริษัทตัวแทนจำหน่ายคอมพิวเตอร์ ด้วยข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์โปรแกรม “ไทนับ 4” เมื่อเร็วๆ นี้ กลับเป็นเรื่องแปลกใหม่อย่างมากๆ
“ไทนับ 4” เป็นชื่อของชุดโปรแกรมภาษาไทยซึ่งเป็นผลงานร่วมกันของบริษัทคอมป์แมนกรุ๊ปกับชุมชนคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ลาดกระบัง โดยบริษัทคอมป์แมนกรุ๊ป เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์และก็ทำหน้าที่ด้านการตลาดด้วย
โปรแกรมภาษาไทยชุด ไไทนับ 4”นี้ ประกอบด้วยโปรแกรมที่เรียกว่า คำไท ดีเบสไท ซุปเปอร์แคลไทและเอ็มเบสิกไท มีคุณสมบัติที่สามารถทำงานได้ภายใต้ DOS เดียวกันคือ CP/M VERSION 2.2
หรือพูดง่ายๆ ก็คือชุดโปรแกรมภาษาไทยที่ใช้กับฮาร์ดแวร์ของเครื่องแอปเปิล ชนิด 8 บิต รวมทั้งบรรดาเครื่องแอปเปิล คอมแพททิเบิล ทั้งหลายเช่นกัน
ก็เป็นชุดโปรแกรมที่วงการยอมรับกันมาก
เพราะฉะนั้นการก๊อบปี้ ก็ย่อมต้องมีมากด้วยเป็นธรรมดา
แหล่งใหญ่ที่ทำการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยการก๊อบปี้โปรแกรมนั้น ก็เห็นจะหนีไม่พ้นตัวบริษัทผู้ขายเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ทั้งหลาย
“พวกนี้เขาต้องแข่งขันกันมาก เขาจึงพยายามที่จะเอาใจลูกค้า ขายเครื่องกันถูกๆ แถมยังมีโปรแกรมให้ใช้ฟรีๆ อีก ก็ต้องเอาใจลูกค้ากันขนาดนั้นเพื่อให้ขายเครื่องได้ ทีนี้จะแถมโปรแกรมให้ฟรี ๆ ได้มันก็ต้องก๊อบปี้ให้ เรื่องที่จะซื้อโปรแกรมมาแถมให้ลูกค้าฟรีๆ นั้นไม่มีใครกล้าทำอยู่แล้ว เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละ...” คนในวงการคอมพิวเตอร์พูดให้ฟัง
ชุดโปรแกรม “ไทนับ 4” ได้ถูกแนะนำเข้าตลาดเมื่อราวๆ ต้นปี 2528 นี้เอง
ในช่วง 2-3 เดือนแรกยอดขายทำท่าจะไปได้ดีมากแต่พอหลังจากนั้นทุกอย่างก็กลับตาลปัตรหมด “ซึ่งเราก็รู้ได้ทันทีว่าจะต้องมีการก๊อบปี้โปรแกรมของเรากันอย่างขนานใหญ่ เราก็เลยเริ่มเก็บหลักฐานและข้อมูลว่า ใครบ้างที่ละเมิดลิขสิทธิ์เรา และเราตั้งใจแน่นอนที่จะต้องใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อทำให้เห็นเป็นตัวอย่างเสียบ้าง...” ประทีป กุละปาลานนท์ อดีตกรรมการผู้จัดการของคอมป์แมนกรุ๊ปเล่าให้ “ผู้จัดการ” ฟังตั้งแต่ตอนช่วงกลางปี 2528 แล้ว
มาตรการทางกฎหมายเพื่อพิสูจน์ความศักด์สิทธิ์ของกฎหมายลิขสิทธิ์ในบ้านเราทางคอมป์แมน กรุ๊ปจึงได้เตรียมมานานแล้วอีกเหมือนกัน
ก็เป็นไปได้ว่าถ้าคอมป์แมนกรุ๊ปไม่ต้องประสบมรสุมภายในซึ่งมีทั้งเรื่องกิจการที่ทำขาดทุนและผู้ถือหุ้นขัดแย้งกัน มาตรการทางกฎหมายนี้ก็อาจจะถูกใช้ไปแล้วก่อนหน้านี้หลายเดือน
คงไม่ต้องรอจนกลุ่มไทยสมุทรฯ เข้ามา TAKE OVER และอำนาจการจัดการเปลี่ยนมือจากประทีปมาเป็นบุญสิน พรหมสรปสันน์ ก่อนจึงค่อยดำเนินการเป็นแน่
แต่คอมป์แมนกรุ๊ป ก็ดำเนินการไปแล้ว โดยได้แจ้งความกับสถานีตำรวจนครบาลหลายท้องที่ เรียกค่าเสียหายฐานละเมิดลิขสิทธิ์กับบริษัทตัวแทนจำหน่ายคอมพิวเตอร์จำนวน 14 บริษัท รวมค่าเสียหายทั้งหมดที่เรียกไปก็เบาะๆ 2.8 ล้านบาท ตกบริษัทละ 2 แสนบาทเท่าๆ กัน
ทั้ง 14 บริษัทที่ถูกแจ้งความให้ดำเนินคดีนี้ก็มี เช่น บริษัทถาวรคอมพิวเตอร์ บริษัท บี.เอ็ม.คอมพิวเตอร์ บริษัทคอมโป บริษัทซุปพีเรีย คอมพิวเตอร์ บริษัท เค.ที.คอมพิวเตอร์ บริษัทคอมโปแนนซ์ ซัพพลายส์ และบริษัทคอมพิวเตอร์ รีเสิร์ช เป็นต้น
ก็ต้องเรียกว่าเป็นคดีที่วงการคอมพิวเตอร์บ้านเราสนใจกันมาก เพราะอย่างน้อยถ้าคดีนี้สามารถดำเนินไปจนถึงที่สุด ก็คงพอจะใช้เป็นบรรทัดฐานสำหรับกรณีเดียวกัน แต่ต่างกรรมต่างวาระได้เป็นอย่างดีทีเดียว
ในแง่ของความกล้าหาญแล้ว จึงต้องยกให้คอมป์แมนกรุ๊ป
แต่ความกล้าหาญอย่างเดียวบางครั้งมันก็ช่วยแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อมีคำว่า “มิตรภาพ” ของคนในวงการเดียวกันเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
“ทำไปจะชนะหรือแพ้ก็ยังไม่รู้ ปัญหาหยุมหยิมกับทนายก็มาก ค่าเสียหายก็แค่ 2 ล้านกว่าบาท เมื่อต้องคำนึงถึงมิตรภาพความมีน้ำใจของคนในวงการเดียวกันแล้ว ก็ไม่น่าจะทำ” แหล่งข่าวซึ่งพอจะมีเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยพูดกับ “ผู้จัดการ”
ด้วยเหตุผลนี้แหละ ก็เลยทำให้คอมป์แมนกรุ๊ปต้องตัดสินใจถอนคดีทั้งหมดตลอดวันที่ 21 ถึง วันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา
ส่วนว่าจะเป็นเพราะ “ไทยสมุทร” ขอร้องไว้หรือไม่นั้น เรื่องนี้ก็คงไม่ต้องพูดกัน
เอาเป็นว่าทุกอย่างยุติลงเพราะคำว่า “มิตรภาพ” เท่านั้นดีกว่า
ซึ่งถ้าคิดกันตั้งแต่ตอนก่อนจะแจ้งความ เรื่องของเรื่องก็คงจะไม่มีใครเสียเส้นอย่างนี้หรอก
คอลัมน์ รายงานเทคโนโลยี
|
|
|
|
|