Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2528








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2528
เชื่อหรือไม่ว่าคนไทยกินน้ำตาลแพงที่สุดในโลก? เรากำลังจะเป็นเบาหวานกันทั่วหน้า             
 

   
related stories

วิบูลย์ ผาณิตวงศ์ "พยัคฆ์หนุ่มลำพอง" แห่งค่ายบ้านโป่ง ที่กลายเป็นเสือลำบาก เพราะเครดิตดีเกินไป
วิบูลย์ ผาณิตวงศ์ "พลาด" แต่ไม่ผิด
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับชาวไร่อ้อย...อภิมหาเกษตรกร!!!
ไทยรุ่ง ตำนานเสื่อผืนหมอนใบที่เขียนขึ้นโดย "เถ้าแก่หลิ่น"
อนาคตอุตสาหกรรมน้ำตาล ปล่อยให้ตาย ก็ไม่ได้ จะเลี้ยงก็ยากแสนเข็ญ

   
www resources

โฮมเพจ กระทรวงพาณิชย์

   
search resources

กระทรวงพาณิชย์
Agriculture
ตามใจ ขำภโต
บุญชู โรจนเสถียร




ยังคงจำกันได้ว่าสมัยที่เรามีรองนายกชื่อบุญชู โรจนเสถียร และมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ชื่อตามใจ ขำภโต ในปี 2523

คนไทยต้องซื้อน้ำตาลกินกิโลกรัมละ 20 กว่าบาท แถมยังหาซื้อไม่ค่อยได้

ยังจำได้ไหมว่าน้ำตาลทรายที่แสนแพงนั้น สีมันตุ่น ๆ เหมือนรำข้าว

และคงจำได้ว่าน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ที่ซื้อหาได้ภายหลัง เม็ดมันเล็กและขาวกว่าน้ำตาลทรายขาวที่เคยพบเห็นกันมา เนื่องจากเป็นน้ำตาลทรายที่สั่งเข้ามาเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี

ทั้งบุญชู โรจนเสถียร และตามใจ ขำภโต โดนคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์จิกหัวแช่งด่าไม่เว้นแต่ละวันในความผิดที่ตัวเองไม่ได้ทำ

ตั้งแต่ปี 2524 โดยเฉพาะปี 2525 ที่มีการตั้งสำนักงานกลางจัดจำหน่ายน้ำตาลทรายขาวที่เรียกสั้น ๆ ว่าสำนักงานกลางขึ้นมา

คนไทยก็ชินกับราคาน้ำตาลทรายขาวกิโลกรัมละ 12 บาท หรือถ้าอย่างขาวบริสุทธิ์ (ตามมาตรฐานของเมืองไทยคือขาวกว่าที่เรียกว่าน้ำตาลทรายธรรมดานิดหน่อย) ก็ตกกิโลกรัมละ 14 บาท จะแพงจะถูกกว่านี่แค่บาทสองบาท

คนไทยก็สบายใจว่าได้กินน้ำตาลทรายถูก และมีราคาคงที่ไม่วิ่งขึ้นวิ่งลงเหมือนสมัยก่อน

เดิมทีนั้นราคาน้ำตาลเมืองไทยมีขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างค่อนข้างผิดธรรมชาติเมื่อเทียบกับการขึ้นลงของราคาน้ำตาลทรายตลาดโลก

ทุกวันนี้ที่ราคาน้ำตาลทรายในประเทศไม่ค่อยกระดิก ก็เพราะเรามีสำนักงานกลางเป็นผู้ดูแล โควตาการผลิตน้ำตาลของโรงงานน้ำตาลทุกแห่งว่าจะต้องผลิตน้ำตาลทรายขาวเท่าไหร่ น้ำตาลทรายดิบเพื่อส่งออกเท่าไหร่

ตั้งราคาให้เสร็จสรรพว่า น้ำตาลทรายขาวธรรมดาราคาหน้าโรงงานต้องกระสอบละ 1,100 บาท และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ต้องกระสอบละ 1,200 บาท

แต่จะให้ชมว่าสำนักงานกลางทำดี คงชมได้ไม่ถนัดปาก

เพราะตั้งแต่ใช้ระบบ 70/30 คือแบ่งผลประโยชน์จากการผลิตและขายน้ำตาลทุกประเภทให้ชาวไร่ 70 เปอร์เซ็นต์ โรงงาน 30 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ทุกฝ่ายรู้ไส้กันหมด

ราคาน้ำตาลตลาดโลกต่ำ โรงงานไหนแหกคอกแอบผลิตน้ำตาลทรายขาวเกินโควตา มีหวังโดนรุมอัด เพราะเท่ากับไปเบียดเบียนผลประโยชน์ของโรงงานอื่น ชาวไร่กลุ่มอื่น

แต่ถ้าราคาน้ำตาลตลาดโลกสูงขึ้นมาก ๆ ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าสำนักงานกลางจะคุมอยู่หรือเปล่า? เพราะความต้องการของตลาดโลกมันสูงแน่ถ้าราคาน้ำตาลมันสูงขึ้น และเป็นตลาดที่โรงงานน้ำตาลเมืองไทยผลิตเท่าไหร่ขายได้หมด

ไม่เหมือนตลาดภายในที่บริโภคกันเต็มที่ไม่เกิน 7 แสนตันต่อปี ขืนฮั้วกันแอบผลิตน้ำตาลทรายขาว มันจับได้ง่าย

ราคาตลาดโลกที่พูดกันบ่อย ๆ มักจะอ้างอิงจากราคาน้ำตาลทรายดิบที่ตลาดนิวยอร์ก ซึ่งปีนี้เท่าที่ตัวเลข “ผู้จัดการ” มีอยู่ ราคาสูงสุดอยู่ในเดือนมีนาคมเท่ากับ 3.78 เซ็นต์ต่อน้ำหนัก 1 ปอนด์ (3.78 เซ็นต์/ปอนด์)

หากจะเอามาเทียบกับราคาน้ำตาลในประเทศไทยก็ต้องคำนวณกันหน่อยเพราะต่างกันทั้งสกุลเงินและหน่วยของน้ำหนัก

น้ำตาลทรายเมืองไทย 1 กระสอบหนัก 100 กิโลกรัม หรือ 220.5 ปอนด์ (1 กิโลกรัมเท่ากับ 2.205 ปอนด์) น้ำตาลทรายในตลาดนิวยอร์กจึงมีราคากระสอบละ 8 ดอลลาร์กับ 33 เซ็นต์ (เอา 3.78 คูณ 220.5 และปรับเซ็นต์เป็นดอลลาร์ ตามมาตราสกุลเงินสหรัฐ 1 ดอลลาร์เท่ากับ 100 เซ็นต์)

เปลี่ยนจากดอลลาร์เป็นเงินบาท ตีเสียว่า 1 ดอลลาร์เท่ากับ 27 บาทเป๊ะก็พอได้ตัวเลขคร่าว ๆ ว่าราคาน้ำตาลทรายดิบที่ตลาดนิวยอร์กตกกระสอบละ 224 บาทกับอีก 91 สตางค์ หรือกิโลกรัมละ 2 บาท 25 สตางค์

ดังนั้นถ้าอิงตามราคาตลาดโลก ราคาน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ในเมืองไทยราคาควรจะเท่ากัน เพราะต้นทุนผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์มันแค่ 45 บาท ต่อน้ำตาลทรายดิบ 1 ตัน หรือกิโลกรัมละ 4 สตางค์ครึ่ง

พี่น้องชาวไทยที่รักทั้งหลาย ท่านยังคิดว่าท่านกินน้ำตาลทรายถูกอยู่อีกหรือ?

นี่ถ้า “ผู้จัดการ” ไปบอกป้าแช่มที่ขายบัวลอยไข่หวานใกล้ออฟฟิศว่า “ป้า...ถ้าคิดตามราคาน้ำตาลทรายตลาดโลก ป้าจะซื้อน้ำตาลทรายขาวได้ไม่เกินกิโลฯ ละ 3 บาท” ป้าแกคงหัวเราะจนฟันหัก

นี่เอาตัวเลขสูงสุดตั้งแต่ต้นปี 2528 มาคำนวณแล้วนะ

ตอนนี้ก็ได้ข่าวว่าสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายเขากำลังหารือว่าทำอย่างไรจะทำให้คนไทยกินน้ำตาลให้มากขึ้น เพื่อจะได้เอารายได้จากน้ำตาลทรายขาวไปโปะกับรายได้จากการส่งออก เพื่อลดการขาดทุนของโรงงานน้ำตาลและเพื่อช่วยเหลือชาวไร่อ้อยให้ขายอ้อยราคาดีขึ้น

พี่น้องชาวไทยที่รักทั้งหลาย จงเตรียมตัวเตรียมใจเป็นโรคเบาหวานกันได้แล้ว

จงร่วมมือร่วมใจเป็นโรคเบาหวานเพื่อชาติกันหน่อยเถอะ



คอลัมน์ อุตสาหกรรมการเกษตร   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us