ธุรกิจค้าปลีกในเมืองไทยพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ช่วงก่อนปี 2500 รูปแบบการค้าปลีก
เป็นเพียงร้านค้าห้องแถวที่รู้จักในนามร้านโชวห่วย ต่อมานำแนว คิดค้าปลีกแบบตะวันตกพัฒนาการจำหน่ายสินค้า
ทำให้เกิดห้างสรรพสินค้าครั้งแรกในประเทศไทย และขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมค่อนข้างสูงจากกลุ่มผู้บริโภค
ต่อมาพัฒนาการอีกครั้ง
สู่รูปแบบศูนย์การค้าที่มีทั้งห้างสรรพสินค้าและร้านค้าในอาคารเดียวกัน
จากนั้น ศูนย์ การค้าพัฒนาเป็นชอปปิ้งคอมเพล็กซ์ ที่นอกจากประกอบด้วยห้างสรรพสินค้าและร้านค้า
ยังมีอาคารสำนักงาน
โรงภาพยนตร์ สวนสนุก และศูนย์อาหาร เป็นต้น จากนั้นช่วงที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวค่อนข้างสูงช่วงปี
2530-2539 ธุรกิจค้าปลีกเมืองไทยริเริ่มพัฒนาช่องทางจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีกหลายรูปแบบ
ส่วนใหญ่ร่วมทุนระหว่างนักลงทุนไทยกับนักลงทุนต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าสะดวกซื้อ
ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ไฮเปอร์-มาร์เก็ต หรือร้านค้าเฉพาะอย่าง เป็นต้น จนกระทั่งปี
2540
ที่ไทยประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจและการเงิน ทำให้ต่างชาติซึ่งเดิมเป็นผู้ถือหุ้นไม่ถึงร้อยละ
50 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ปรับขยับเพิ่มขึ้นเหนือผู้ร่วมทุนชาวไทยปัจจุบัน
ขยายสาขา
อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ทั้งในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดย
เฉพาะรูปแบบดิสเคานต์สโตร์ ที่จำหน่ายสินค้าราคาถูก ที่รองรับความต้องการผู้บริโภคยุคประหยัดอย่างดี
ส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกขนาดกลางและเล็ก ที่ตั้งบริเวณใกล้เคียง โดยเฉพาะร้านโชวห่วย
ซึ่งเป็นค้าปลีกรูปแบบดั้งเดิมที่ไม่สามารถปรับตัวรับกับการแข่งขันที่รุนแรงได้
ต้องปิดกิจการจำนวนไม่น้อย
ล่าสุดกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่อย่างดิสเคานต์สโตร์และคอนวีเนียน สโตร์บางราย
ขยายตัวไปสถานีบริการน้ำมัน เพื่อเปิดบริการร้านค้าสะดวกซื้อ หรือจี-สโตร์
(G-store : Gas Station Store)
ที่เดิมส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเองของบริษัทผู้ค้าน้ำมัน หรือเจ้าของสถานีบริการน้ำมัน
แล้วอย่างเป็นทางการ ทำให้ร้านค้าดั้งเดิมอย่างโชวห่วย ต้องเผชิญการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
หากจี-
สโตร์ที่ดำเนินการโดยผู้ประกอบการค้าปลีกที่เชี่ยวชาญระดับโลก ขยายตัววงกว้างขึ้นจากใจกลางเมือง
ออก ไปจนถึงชานเมือง และต่างจังหวัด นอก จากเขตหัวเมืองใหญ่ ขณะนี้สัดส่วน
จี-
สโตร์สถานีบริการน้ำมันเมืองไทยยังไม่ถึงร้อยละ 35 ของจำนวนสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ
จี-สโตร์ยังมีโอกาสขยายตัวอีกมาก คอนวีเนียนสโตร์-สถานีบริการน้ำมัน : สร้างพันธมิตร
: เสริมศักยภาพ
คอนวีเนียนสโตร์สถานีบริการน้ำมัน หรือจี-สโตร์ (G-store : Gas Station
Store) เป็นรูปแบบธุรกิจค้าปลีกที่เข้าสู่เมืองไทยไม่ต่ำกว่า 10 ปีแล้ว เปิดบริการ
จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงสินค้า
อุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ภายในสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง
บริษัทผู้ค้าน้ำมันแต่ละแห่งต่างพยายามสร้างรูปแบบเฉพาะตัวให้โดดเด่น
เพื่อสร้างความประทับใจให้ผู้บริโภคที่ใช้บริการ โดยเฉพาะออกแบบร้านด้วยสีสันสดใส
การวางสินค้าภายในร้าน และพัฒนารูปแบบคอนวีเนียนสโตร์ของตนเองต่อเนื่อง
การขยายตัวของบริษัทผู้ค้าน้ำมันสู่ธุรกิจคอนวีเนียนสโตร์ เป็นผลจากสถาน
การณ์แข่งขันที่ทวีความรุนแรงของสถานีบริการน้ำมัน ประกอบกับค่าการตลาดที่ผู้
ประกอบการเคยได้รับจากบริษัทผู้ค้าน้ำมันลดลงมาก ทำให้บริษัทผู้ค้าน้ำมันต้องเสริมบริการด้านอื่นๆควบคู่ด้วย
ในลักษณะระบบสถานีบริการครบวงจร ได้แก่ ให้บริการล้างอัดฉีด
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่น ตรวจเช็กเครื่องยนต์ หรือ บริการห้องน้ำที่สะอาด
รวมถึงการค้าปลีก รูปแบบคอนวีเนียนสโตร์ หรือที่รู้จักกันในนาม จีสโตร์ ด้วย
ตลาดคอนวีเนี่ยนสโตร์สถานีบริการน้ำมันในไทยปี 2544 สาขาทั้งหมดประมาณ 1,000
แห่ง ผู้ประกอบการคอนวีเนียนสโตร์สถานีบริการน้ำมันในไทย แบ่งตามลักษณะการมีพันธมิตรเป็น
2 กลุ่มใหญ่คือ
1. จี-สโตร์ที่เป็นการร่วมมือกันระหว่างบริษัทผู้ค้าน้ำมัน กับกลุ่มโมเดิร์น
เทรด ได้แก่ - บริษัท ปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย จำกัด (มหาชน) กับบริษัท ซี.พี.เซเว่น
อีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) ที่ร่วมกันดำเนิน
การจี-สโตร์ภายใต้ชื่อเซเว่นอีเลฟเว่น ก่อนหน้านี้ ปตท. ซึ่งเป็นบริษัทค้าน้ำมันที่มีสถานีบริการมากที่สุดในไทยกว่า
1,400 แห่ง มีจี-สโตร์หลากหลายยี่ห้อ เช่น พีทีทีมาร์ท สินสยาม จอย ไดโนมาร์ท
เอเอ็ม
พีเอ็ม ต้นปี 2545 ปตท. ปรับยุทธศาสตร์เชิงรุก เพื่อแข่งขันธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน
ด้วยการเลิกทำแฟรนไชส์กับเอเอ็ม-พีเอ็มที่มีทั้งหมด 51 สาขาใน ปตท. ร่วมมือกับเซเว่นอีเลฟเว่นแทน
นอกจากนี้
คอนวีเนียนสโตร์ในสถานี บริการที่ดำเนินการโดยดีลเลอร์ ปตท. อีกกว่า 50
แห่ง เซเว่นอีเลฟเว่น กับ ดีลเลอร์กำลังอยู่ระหว่างเจรจากัน บริษัท
ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่นตั้งเป้าหมายว่าจะเปิดร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในสถานีบริการน้ำมัน
ปตท. 300 แห่งภายในปี 2545 เพิ่มเป็น 700 แห่งปี 2546 จากจุดแข็ง ปตท.ที่มีสถานีบริการน้ำมันกระจายทุกจังหวัด
และอำเภอหลักๆ มากที่สุดในไทยถึง 1,428 แห่ง ประกอบกับคุณภาพน้ำมันเป็นที่ยอมรับในตลาด
ขณะที่จุดแข็งเซเว่นอีเลฟเว่น คือ ระบบและเทคโนโลยีทันสมัย
อีกทั้งเป็นที่รู้จักและยอมรับกลุ่มผู้บริโภคนานแล้ว คอนวีเนียนสโตร์ในสถานบริการน้ำมันที่เป็นการร่วมมือกันของกลุ่มนี้
น่าจะเติบโต ได้ไม่แพ้รายอื่นๆ และน่าจับตามองอย่างใกล้ชิด - บริษัท เอสโซ่
(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ร่วมกับเทสโก้ โลตัส ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เอสโซ่เป็นบริษัทผู้ค้าน้ำมันรายหนึ่งที่เห็นแนวโน้มการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกภายในสถานีบริการน้ำมัน
เพื่อใช้เป็นจุดดึงดูดลูกค้า
และเสริมภาพลักษณ์บริษัทนานแล้ว โดยประมาณปลายปี 2533 เอสโซ่เปิดจี-สโตร์ภายใต้ชื่อเอสโซ่ฟู้ดส์สโตร์
แล้วเปลี่ยนเป็นไทเกอร์มาร์ท ซึ่งปัจจุบันมีไม่ต่ำกว่า 250 แห่ง ล่าสุดเป็นพันธมิตรกับเทสโก้
โลตัส ซูเปอร์เซ็นเตอร์ด้วย โดยร่วมกันเปิดจีสโตร์ภายใต้ชื่อเทสโก้ โลตัส
เอ็กซ์เพรส ตั้งแต่ปลายปี 2544 เป็นผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกรูปแบบดิสเคานต์สโตร์รายแรก
ที่ลดขนาดพื้นที่ขายสู่สถานีบริการน้ำมัน คาดว่าจะมีทั้งสิ้น 10 สาขาปี
2545 เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส ผสมผสาน ระหว่างคอนวีเนียนสโตร์และซูเปอร์-มาร์เก็ตขนาดพื้นที่
200 ตารางเมตร ขึ้นไป
เน้นจำหน่ายสินค้าหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทอาหารสด อาหารแห้ง
เบเกอรี่ หรือเครื่องดื่ม รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมความงาม และสินค้าเฮาส์แบรนด์
นำกลยุทธ์ราคาเป็นแกนนำแข่งขัน โดยจำหน่ายสินค้าราคาเดียวกับที่จำหน่ายในเทสโก้
โลตัส ซูเปอร์เซ็นเตอร์ทุกสาขา - บริษัท คอนอโค (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับท็อปส์
ซูเปอร์มาร์เก็ต ดำเนินการจี-
สโตร์ภายใต้ชื่อจิฟฟี่คิทเช่น บายท็อปส์ ภายในสถานีบริการน้ำมันเจ็ท โดยท็อปส์
ซูเปอร์มาร์เก็ตป้อนวัตถุดิบด้านอาหารสด ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 5
สาขา การที่ท็อปส์
ซูเปอร์มาร์เก็ตร่วมมือกับสถานีบริการน้ำมัน เพื่อเปิดดำเนินการ จี-สโตร์
ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการรุกสู่ตลาดขนาดใกล้เคียงกับท็อปส์ ซูเปอร์-มาร์เก็ต
ของผู้ประกอบการรายใหญ่ ทั้งเทสโก้ โลตัส
ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ส่งผลให้เจ้าตลาดเดิมกลุ่มซูเปอร์-มาร์เก็ตอย่างท็อปส์
ต้องเร่งปรับตัวด้วยการเปิดร้านค้าขนาดใหม่ เพื่อรักษาฐานตลาดเดิม และสร้างโอกาสขยายตัว
ทั้งในนามท็อปส์ซิตี้มาร์เก็ตรูปแบบ Ready to Go เน้นทำเลอาคารพาณิชย์ย่านธุรกิจ
ซึ่งเป้าหมายหลักคือกลุ่มพนักงานออฟฟิศ และรูปแบบจี-สโตร์ ที่มาพร้อมพื้นที่อาหารเร่งด่วน
และเบเกอรี่
เดิมสถานีบริการน้ำมันเจ็ทมีร้านจี-สโตร์อยู่แล้ว ชื่อจิฟฟี่ ที่บริษัทผู้ค้าน้ำมันลงทุนเอง
มีจำนวนร้านจิฟฟี่ทุกสถานีบริการน้ำมันเจ็ท กว่า 120 แห่ง ส่วนอาหารและเครื่องดื่มที่ให้บริการ
ยี่ห้อหลักคือโดนัท
และร้านเอสแอนด์พี รวมถึงเอแอนด์ดับลิว เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็น สินค้าที่มีชื่อเสียง
นอกจากนี้ยังมีกาแฟสด ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่เกี่ยวเนื่องเป็นตัวเสริมด้วย
พร้อมจัดสถานที่ภายในร้านกว้างขวาง
จัดวางสินค้าเป็นหมวดหมู่ เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับลูกค้าเลือกซื้อ สินค้า
ซึ่งเมื่อรวมจำนวนสาขาจิฟฟี่คิทเช่น บายท็อปส์ และจิฟฟี่แล้ว สถานีบริการน้ำมันเจ็ทมีจีสโตร์ทั้งสิ้น
132 แห่ง
จากการสังเกต ผู้ประกอบการค้าปลีกสมัยใหม่หลายรายต่างพยายามเพิ่มช่องทางขายมากขึ้น
ด้วยการเป็นพันธมิตรกับบริษัทผู้ค้าน้ำมัน เพื่อเปิดดำเนินการจี-สโตร์ แต่บิ๊กซี
ซูเปอร์เซ็น-เตอร์
ซึ่งเป็นซูเปอร์เซ็นเตอร์รายที่ 2 ที่ใช้ กลยุทธ์ ย่อขนาดร้านค้าปลีกในนามลีด-เดอร์ไพรซ์
เน้นทำเลที่ประชากรหนาแน่น ใจกลางเมือง และปริมณฑล ขนาดพื้นที่ 800-1,000
ตารางเมตรต่อสาขา ลักษณะ
สแตนอโลน มีสินค้าให้บริการประมาณ 1,000 รายการ สินค้า ภายใต้แนวคิดราคา
ถูกใกล้คุณ เน้นสร้างเฮาส์แบรนด์เป็นกลยุทธ์สำคัญ เพื่อสร้างความแตกต่างจากบรรดาคู่แข่งรายอื่นนั้น
ยังไม่ขยายตัวไปในสถานีบริการน้ำมันเหมือนคู่แข่ง แต่อนาคตต้องติดตามต่อไปว่าบิ๊กซี
ซูเปอร์เซ็นเตอร์จะกระโดดแข่งขันในสมรภูมิจี-สโตร์หรือไม่
เพราะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เปิดโอกาสการขยายตัวซูเปอร์เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นค้าปลีกขนาดใหญ่
ที่นับวันจะหาทำเลที่เหมาะสมยากขึ้นทุกขณะ