ซีอาร์จีไฟเขียวนำขบวนกลุ่มไลต์ฟูด 3 แบรนด์มุดใต้ดินเช่าพื้นที่เมโทรมอลล์ สถานีแรกศูนย์วัฒนธรรมฯ อัดงบ 300 ล้านบาท ผุดสาขาใหม่ 20-25 แห่ง ระบุสเต็กฮันเตอร์ขอเวลาเริ่มต้นใหม่ ซุ่มศึกษาธุรกิจร้านน้ำผลไม้เจาะกลุ่มแมส ด้านธุรกิจโรงแรมลุยเจรจาเทกโอเวอร์โรงแรมเหนือ-ใต้
แหล่งข่าวจากบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (ซีอาร์จี) บริษัทในเครือของบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางซีอาร์จีได้เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ค้าปลีกบริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินของเมโทรมอลล์ผู้บริหารพื้นที่ค้าปลีกในรถไฟใต้ดินแล้ว แต่สัญญาเบื้องต้นยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนถึงจำนวนสถานีที่จะเปิดให้บริการ
สำหรับแบรนด์ที่ตกลงกันในเบื้องต้นนั้น ประกอบด้วย 3 แบรนด์ ในกลุ่มไลต์ฟูดหรืออาหารว่าง คือ มิสเตอร์โดนัท, อานตี้ แอนส์ และ บาสกิ้น รอบบิ้น หลังจากที่เคยสนใจทำเลดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นปี 2547 ซึ่งคาดว่าในเร็วๆ นี้ทางเมโทรมอลล์เตรียมที่จะเปิดตัวพื้นที่ค้าปลีกของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินแบบคร่าวๆ ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯว่าจะมีร้านใดที่เข้ามาร่วมเช่าพื้นที่บ้าง
นายแดน ชินสุภัคกุล ที่ปรึกษา คณะกรรมการบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) และบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (ซีอาร์จี) กล่าวว่า ในแต่ละปี ซีอาร์จีจะใช้เม็ดเงินลงทุน 200-300 ล้านบาทเพื่อขยายสาขาใหม่ และปรับปรุงสาขาเก่า การพัฒนาบุคลากร ความหลากหลายของเมนู และตั้งเป้าที่จะเพิ่มสาขาให้กับทุกแบรนด์ 25-30 แห่งต่อปีทั้งศูนย์การค้าและซูเปอร์สโตร์ โดยจะเน้นแบรนด์เคเอฟซี, มิสเตอร์ โดนัท และอานตี้ แอนส์เป็นหลัก เพราะมีอัตราเติบโตสูงมาก
ในปี 2547 มิสเตอร์โดนัทถือเป็นเรือธงที่ผลักดันให้กลุ่มคิวเอสอาร์ (Quick Service Restaurants) ของซีอาร์จีเติบโตสูงถึง 19.5% โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก คือ พอน เดอ ริง ขณะที่อัตราการเติบโตเฉพาะมิสเตอร์โดนัท ในปีที่แล้วนั้นสูงถึง 69% เปิดสาขาใหม่ 8 แห่ง รวมมี 142 สาขา อานตี้ แอนส์ เติบโต 43% เปิดสาขาใหม่ 10 แห่ง รวมมี 46 สาขา และเคเอฟซี เติบโต 12.9% เปิดสาขาใหม่ 7 แห่ง รวมมี 115 สาขา
ขณะที่สเต็ก ฮันเตอร์ ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ในเครือซีอาร์จีที่พัฒนาขึ้นเอง ปีนี้อาจจะต้องถอยหลังกลับมาตั้งหลักใหม่ ยังไม่ขยายสาขาเพิ่มเพราะต้องการปรับปรุงให้ตรงความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น โดยปัจจุบันมี 5 สาขา เป็นสาขาเปิดใหม่เมื่อปีที่แล้ว 1 สาขา สำหรับพิซซ่า ฮัท ในปีที่ผ่านมาได้ปิดสาขาโฮม ดีลิเวอรี่ที่ไม่ทำกำไร 2 สาขา ปัจจุบันมี 23 สาขา
นายแดนกล่าวต่อว่า แผนการออกแบรนด์ใหม่ให้กับกลุ่มธุรกิจอาหารนั้นบริษัทได้ศึกษาหลายรูปแบบ ทั้งพัฒนาขึ้นใหม่ ทั้งอาหารจีน และ อาหารไทย หรือเจรจากับร้านอาหารไทยที่มีอยู่แล้วเพื่อร่วมทุน แต่คาดว่าภายในปีนี้จะยังไม่มีแบรนด์ใหม่เกิดขึ้น แต่ขณะนี้ได้ศึกษาธุรกิจร้านน้ำผลไม้ควบคู่ไปด้วย ซึ่งมองกลุ่มเป้าหมายระดับกลางมากกว่าระดับบน
กลุ่มรร.ลุยเจรจาเทกโอเวอร์เหนือ-ใต้
นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายการเงินและบริหาร เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการโรงแรมหลายรายเสนอขายกิจการ และเสนอให้บริษัทเข้าไปบริหารโรงแรม โดยบริษัทได้เริ่มเจรจาในเบื้องต้นประมาณ 3 ราย ประกอบด้วย กลุ่มที่เสนอขายกิจการ 2 รายในย่านแหล่งท่องเที่ยวสำหรับของทางภาคเหนือและภาคใต้ และกลุ่มที่เสนอให้บริหาร 1 ราย ในย่านแหล่งท่องเที่ยวทางภาคตะวันออก
ในปีนี้จะลงทุนเพิ่มอีก 1,350 ล้านบาท ต่อเนื่องกับโรงแรมกระบี่เบย์ รีสอร์ต จำนวน 550 ล้านบาท จากเม็ดเงินลงทุนทั้งโครงการ 1,200 ล้านบาท จะเปิด บริการเดือนต.ค. นี้ และการลงทุนบางส่วนในปีนี้จะเป็นโครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปี 2551 ได้แก่ โรงแรมเซ็นทรัล เวิลด์ กรุงเทพฯ, โรงแรมเซ็นทรัล วงศ์อมาตย์ พัทยา และโรงแรมภูเก็ต บีช รีสอร์ต รวมจำนวน 8,000 ล้านบาท เป็นของโรงแรมเซ็นทรัล เวิลด์ กรุงเทพฯ 4,000 ล้านบาท
ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2547 บริษัทปิดรายได้รวมทั้งธุรกิจโรงแรมและอาหาร 1,505.4 ล้านบาท เติบโต 18.3% แบ่งเป็น ธุรกิจโรงแรม 630.3 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 13.8% ธุรกิจอาหาร 875.1 ล้านบาท เติบโต 21.8% และรายได้รวมปี 2547 ปิดที่ 5,499.5 ล้านบาท เติบโต 21.8% แบ่งเป็นธุรกิจ โรงแรม 2,300.3 ล้านบาท เติบโต 25.0% และธุรกิจอาหาร 3,199.5 ล้านบาท เติบโต 19.5% สำหรับไตรมาสแรกของปี 2548 ตั้งเป้าเติบโต 20% โดยตั้งเป้าในอีก 5 ปีข้างหน้านับจากปี 2548 บริษัทมีจะผลประกอบการถึง 10,000 ล้านบาท
|