Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน18 มีนาคม 2548
"LPN"บุกโซนท่าพระดูดลูกค้าอพาร์ตเมนต์             
 


   
www resources

โฮมเพจ แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์

   
search resources

แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์, บมจ.
Real Estate




LPN เปิดเกมรุกเล็งซื้อที่ดินย่านเดอะมอลล์บางแค เปิดโครงการแห่งที่ 5 ระบุเป็นทำเลที่ตรงคอนเซ็ปต์ของบริษัท คาดไตรมาส 2 รู้ผล ระบุมีตัวเลขยอดรับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 3,330 ล้านบาท ยอดขายกว่า 6,000 ล้านบาท ส่วนปี 49 คาดยอดรับรู้ 4,500 ล้านบาท ยอดขาย 7,500 ล้านบาท

นายทิฆัมพร เปล่งศรีสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) LPN เปิดเผยว่า บริษัทยังเดินหน้าลงทุนในโครงการอาคารชุดพักอาศัย (คอนโดมิเนียม) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเหตุผลเพราะบริษัทมั่นใจถึงความต้องการในตลาดที่มีจำนวนมากประมาณ 20,000 หน่วยต่อปี เมื่อเทียบกับปริมาณซัปพลายในตลาดที่มีสัดส่วนไม่ถึง 50% แสดงว่าตลาดยังไม่เข้าสู่ภาวะสินค้าล้นตลาด (โอเวอร์ซัปพลาย) ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้สูงขึ้น จากขณะนี้ตัวเลขทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 2.5 ล้านล้านบาท และเมื่อประมวลภาพตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทตัดสินใจลงทุนซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ในปี 2548

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการใหม่ 4 แห่ง มูลค่า 6,090 ล้านบาท จำนวน 3,812 ยูนิต ซึ่ง 3 โครงการแรกเปิดตัวไตรมาสแรกของปีนี้ อาทิ โครงการลุมพินี เซ็นเตอร์ แฮปปี้แลนด์ เฟส 5 มูลค่า 390 ล้านบาท จำนวน 442 ยูนิต, ลุมพินี วิลล์ ศูนย์วัฒนธรรม มูลค่า 1,700 ล้านบาท จำนวน 1,390 ยูนิต, ลุมพินี เพลส ปิ่นเกล้า มูลค่า 1,000 ล้านบาท จำนวน 580 ยูนิต และไตรมาส 2 เปิดโครงการลุมพินี เพลส นราธิวาส-เจ้าพระยา มูลค่า 3,000 ล้านบาท จำนวน 1,400 ยูนิต

สำหรับโครงการแห่งที่ 5 เป็นทำเลที่บริษัทพิจารณาแล้วตรงกับคอนเซ็ปต์ของการพัฒนาโครงการ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจซื้อที่ดินบริเวณเดอะมอลล์ท่าพระ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในไตรมาส 2 และดำเนินการพัฒนาไตรมาส 3

"ตอนนี้รอดูตลาดและราคาที่เหมาะสม เพื่อมิให้เงินจมเสียดอกเบี้ยโดยใช่เหตุ ซึ่งทำเลนี้มีคนหนาแน่น ใกล้ระบบขนส่งขนาดใหญ่ และมีอาคาร อพาร์ตเมนต์จำนวนมาก โดยกลุ่มนี้เป็นลูกค้าเป้าหมายที่จะเข้าเจาะตลาด คาดว่าจะพัฒนาในรูปแบบโครงการขนาดใหญ่ขึ้น ( Medium Rise) จำนวนยูนิตคาดเกินกว่า 1,000 หน่วย ขนาดของห้องอาจจะอยู่ระหว่าง 30-60 ตารางเมตร เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มตลาด" นายทิฆัมพรกล่าว

สำหรับผลกระทบจากราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัว นายทิฆัมพรกล่าวย้ำว่า ทางบริษัทแม้จะได้รับผลกระทบบ้าง เช่น ประเมินว่า 4โครงการที่เปิดตัวคาด ต้องใช้ปริมาณเหล็กประมาณ 80,000 ตัน ซึ่งในส่วนนี้ได้เจรจากับผู้ผลิตและครอบคลุมถึงโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวด้วย ประกอบกับราคาขายได้คำนวณให้เข้ากับราคาเหล็กที่ปรับตัวขึ้น ซึ่งการขึ้นราคาของเหล็กและปูน จะมีผลกระทบราคาขายของบริษัทเพียง 5-6% นอกจากนี้ การเพิ่มประสิทธิภาพของพื้นที่จาก 2.5 เท่าต่อ 1 ตร.ว.เพิ่มเป็น 4.5-5 เท่าต่อตร.ว. มีส่วนบริหารต้นทุนของที่ดินลดลง เช่น ปี 2547 รายได้ต่อตร.ว.เพิ่มจาก 430,000 บาทต่อตร.ว.ในปี 2546 เป็น 540,000 บาทต่อตร.ว. เทียบกับต้นทุนที่ 290,000 บาทและ 370,000 บาทต่อตร.ว.ตามลำดับ และคาดว่าปีหน้าตัวเลขรายได้จะเป็น 7 แสนบาทต่อตร.ว. เป็นต้น

"ดอกเบี้ยขาขึ้นกระทบทั้งระบบ หากดอกเบี้ยขึ้น 1% ลูกค้าที่ซื้อห้องชุดพักอาศัยราคา 1 ล้านบาท หากผ่อนชำระประมาณ 6,000 บาท จะมีภาระเพิ่มขึ้น 450 บาท ซึ่งในเรื่องนี้ LPN ได้เจรจากับแบงก์ให้ลูกค้าสามารถผ่อนยาวขึ้นจาก 25 ปี เป็น 30 ปี"

นายพิเชษฐ ศุภกิจจานุสันติ์ กรรมการบริหารบริษัท LPN กล่าวถึงผลการดำเนินงานว่า ในไตรมาสแรกบริษัทจะมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 600-700 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มียอดรับรู้รายได้ประมาณ 161 ล้านบาท เนื่องจากยอดรับรู้รายได้มาจากโครงการสุขุมวิท 77 ประมาณ 600 ล้านบาท ส่วนที่เหลือมาจากโครงการเก่าในปีก่อนประมาณ 100 ล้านบาท

"การพัฒนาโครงการของ LPN จะเปลี่ยนไป ขนาดของโครงการใหญ่ขึ้น จำนวนยูนิตเพิ่มขึ้น แต่ใช้เวลาก่อสร้างในเวลาที่เท่าเดิม นอกจากนี้ ยังมุ่งสร้างความแตกต่างและเสริมจุดแข็งให้แก่บริษัท โดยพัฒนาโครงการคอนเซ็ปต์เมืองขนาดย่อม หรือ Small Size Township คล้ายๆ กับโครงการของเมืองทองธานี แต่ไม่เหมือนทั้งหมด ซึ่งโครงการลุมพินี วิลล์ ศูนย์วัฒนธรรม จะเป็นโครงการนำร่องจำนวน 9 อาคาร แต่จะเปิดขายส่วนแรก 4 อาคารก่อน คาดเปิดตัวในวันที่ 25 มี.ค.นี้" นายพิเชษฐกล่าว

นางยุพา เตชะไกรศรี รองกรรมการผู้จัดการบริษัท LPN กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปี 48-49 ว่าจะมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 3,330 ล้านบาท และ 4,500 ล้านบาท มียอดขายประมาณ 6,090 ล้านบาท และ 7,500 ล้านบาทตามลำดับ

นอกจากนี้ บริษัทยังมีส่วนรับรู้รายได้จากบริษัทย่อย คือ แกรนด์ยูนิตี้ ดิเวลลอปเมนต์ จำกัด ที่จะเข้ามาในปีนี้ ซึ่ง LPN ถือหุ้นอยู่ 33% ประมาณ 1 ใน 3 ของยอดรับรู้รายได้ ขณะนี้ทั้ง 3 โครงการ คือ พาร์ควิว วิภาวดี, แกรนด์ พาร์ควิว อโศก และ แกรนด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ มียอดขายเกือบ 2,500 ล้านบาท

"โดยภาพรวมแล้วฐานะของ LPN มีความแข็งแกร่ง อย่างหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.90 เท่า จากค่าเฉลี่ยของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ 1.6 เท่า ผลตอบแทนจากทรัพย์สินอยู่ที่ 10.14% เท่ากับค่าเฉลี่ย 6.75% และผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น 19.29% เทียบกับตลาด 13.10% นอกจากนี้บริษัทยังจะมีกระแสเงินจากการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนท์) แปลงเป็นหุ้นอีก 123 ล้านหุ้น ประมาณ 160 ล้านบาท ซึ่งจะครบทั้งหมดสุดท้ายเดือนต.ค.นี้"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us