Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน25 เมษายน 2545
เงินก้อนสุดท้ายสาบสูญ หนีแบงก์ปะ "กองทุนหุ้น"             
 


   
search resources

Banking
Funds
Interest Rate




"คนออมเงิน" เข้าตาจน หอบเงินออมจากแบงก์แต่มาปะทะซึ่งหน้ากับ "กองทุนหุ้น" ที่ประดาผู้จัดการกองทุนมักจะกล่อม จนเคลิบเคลิ้ม ไล่มาตั้งแต่ "ธนชาติ" ชวนเล่นหุ้นอย่างเดียว

หลังประกาศหยุดขายกองทุนตราสารหนี้เรียบร้อย ส่วน "พรีมาเวสท์" กองทุนใหม่แบ่งลงหุ้นถึง 80% เพราะให้กำไรงาม ที่เหลือ "เอเจเอฟ และรวงข้าว" ประสานเสียงช่วยตีฟองสบู่ อ้างจากต้นปีถึงมี.ค.

กองทุนหุ้นให้ผลตอบแทนถึง 30% เจ้าของเงินออมสมัยนี้ นอก จากจะหมดทางเลือกสร้างโอกาส งามๆ จนแทบสิ้นเนื้อประดาตัวจาก อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่เฉียดใกล้เลขศูนย์ทุกทีแล้ว

ก็ดูเหมือนว่าจะต้องเผชิญกับปัญหาหนักอกเข้าให้อีก เมื่อผู้นำประเทศเปิดประเด็นใหม่เกี่ยวกับการยกเลิกการค้ำประกันเงินฝาก แล้วหันมาเอ่ยถึงสถาบันค้ำประกันเงินฝากแทน

นี่จึงไม่ใช่แค่เรื่องเงินๆทองๆ เพียงอย่างเดียว แต่มันหมายถึงเงิน ก้อนสุดท้ายที่จะเก็บหอมรอมริบไว้ใช้ในช่วงบั้นปลายชีวิต กำลังจะถูกผลักไสออกไปจากแบงก์ทั้งที่ไม่ทีทางเลือกอื่น

โดยเฉพาะความพยายามขับไล่เม็ดเงินให้ไหลมา กองในกองทุนรวมหรือธุรกิจจัดการ ลงทุน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทในเครือของแบงก์เอง ที่มักจะหว่านล้อมให้หันมาเล่นหุ้นกันเป็นหลัก

ทั้งที่มีความเสี่ยงกว่ามาก...จึงเท่า กับว่าคนจนไร้ราก หมดโอกาสพึ่งเงินเก็บก้อนสุดท้ายในชีวิตเสียแล้ว.... ธนชาติหยุดกองตราสารหนี้ ออกเร่ขายกองทุนหุ้นเก่า ม.ล.ผกาแก้ว บุญเลี้ยง

กรรมการอำนวยการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ธนชาติ จำกัด กล่าวถึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในระบบธนาคารพาณิชย์ที่ต่ำเตี้ยลง

เป็นเหตุผลสำคัญให้บริษัทตัดสินใจเลือกนำเสนอกองทุนตราสารทุนกองเก่าเพื่อนำออกขายใหม่ โดยไม่ต้องขายกองใหม่ เพราะกองเก่ามีอยู่จำนวนมากแล้วและยังมีอัตรา ผลตอบแทนที่สูงมาก

"บริษัทมีกองทุนรวมทั้งหมด 30 กอง และเป็นกองทุนตราสารทุน 9 กอง แต่มีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 24.87% อยู่เหนือดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ที่ 23.07% เท่านั้น ขณะที่กองทุน ตราสารหนี้ 15

กองทุนมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยน้อยมากแม้จะจะอยู่เหนืออัตราอ้างอิงแต่ก็เพียงเล็กน้อย" ขณะเดียวกันก็จะพิจารณาหยุดกองทุนตราสารหนี้

ซึ่งมีรายได้จากการลงทุนเหลือน้อยเต็มทีจากอัตราดอกเบี้ยที่เตี้ยลงทุกวัน นอก จากนั้นก็คาดว่าการกระตุ้นเศรษกิจจำเป็นที่ภาค รัฐจะต้องตรึงอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำไว้ระยะหนึ่งก่อน

อย่างไรก็ตามการทรงตัวของอัตราดอกเบี้ย เงินฝากในประเทศก็ยังไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากยังเกรงว่าหากอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกาปรับขึ้นมาเมื่อใดก็จะผลักดันให้ต้นทุนด้านต่างๆปรับตัวสูงขึ้น

โดยเฉพาะกลุ่มที่กู้เงินจากต่างประเทศเข้ามาเยอะๆ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นประเทศไทยก็จะมีสภาพคล่องเอ่อล้นมากขึ้นไปอีก เพราะไหนจะเรื่องสภาพคล่องที่กองพะเนินมากอยู่แล้ว

มาเจอดอกเบี้ยที่เราจะต้องปรับตัวไล่ตามอเมริกาอีก สิ่งที่เกิดตามมาก็คือปัญหาที่จะต้องแก้ไขเพิ่มมากขึ้น "หากอเมริกาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจริงๆ

ประเทศไทยก็จะตกอยู่ในอาการสภาพคล่องส่วนเกินท่วมสูงขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยก็จะต้องปรับให้สูงตามอเมริกาด้วย" "พรีมาเวสท์" เน้นลงหุ้น 80%

แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.)พรีมาเวสท์ เปิดเผยว่า บริษัทได้ออกกองทุนใหม่ชื่อกองทุนเปิดพรีมาเวสต์ เฟล็กซ์ซิเบิลฟันด์มีมูลค่ากองทุน 2,000 ล้านบาทซึ่งเป็นกองทุนที่ 2

หลังจากจัดตั้งบริษัทขึ้นมา โดยมีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้และตราสารทุน ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดขณะนี้ว่าจะให้น้ำหนักตราสารหนี้หรือตราสารทุน อย่างไรก็ตาม

ในช่วงแรกกองทุนเปิดพรีมาเวสต์ เฟล็กซ์ซิเบิลฟันด์จะลงทุนในตราสารทุนสัดส่วน 80% ที่เหลือลงในตราสารหนี้ เพราะมองว่าตลาดหุ้นยังมีแนวโน้มที่ดีอยู่

กองทุนดังกล่าวจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรกในวันที่ 22-29 เมษายน 2545 โดยขายผ่านสาขาธนาคารกรุงศรีอยุธยา และบริษัทหลักทรัพย์แอ๊ดคินซัน กำหนดการจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท

และจะเปิดขายครั้งต่อไปในวันที่ 29 พฤษภาคม 2545 ทั้งนี้กำหนดนโยบายจ่ายปันผลปีละ 1 ครั้ง ในอัตรา 90% ของผลการดำเนินงาน แต่หากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิต่อหน่วยลงทุน(NAV) ต่ำกว่า 10.25

บาท ก็จะไม่จ่ายปันผล "สาเหตุที่ออกกองทุนใหม่ในขณะนี้ เพราะมองว่าสภาพตลาดหุ้นเริ่มดีขึ้นไม่เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ โดยการเปิดขายวันแรกในวันที่ 22 เมษายน

มีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาซื้อหน่วยลงทุนมากพอสมควร เพราะบริษัทไม่เก็บค่าธรรมเนียมในการซื้อและขายหน่วยลงทุนในช่วงแรก" AJF อวด NAV กองหุ้นไปได้สวย นายเรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์

กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) อยุธยา เจเอฟ (AJF) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน

ซึ่งเป็นช่วงที่ธนาคารพาณิชย์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทำให้มีเงินลงทุนไหลเข้าสู่กองทุนตราสารหนี้ของบริษัทประมาณ 3,000 ล้านบาท ส่งผลทำให้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิต่อหน่วย (NAV) เพิ่มขึ้น ทั้งนี้

สาเหตุที่นักลงทุนลงทุนในกองทุนตราสารหนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องการที่จะหาผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยในส่วนของผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ของบลจ. อยุธยาเจเอฟ

เฉลี่ยอยู่ในระดับ 4-4.6% ซึ่งแต่ละ กองทุนจะไม่เท่ากันประกอบกับการลงทุนในกองทุนจะได้รับสิทธิด้านภาษี โดยไม่ต้องเสียภาษีแต่อย่างใด สำหรับกองทุนที่ลงทุนในตราสารทุนนั้น

ในช่วงที่ผ่านมามีเอ็นเอวีที่เพิ่มขึ้นแต่ไม่ได้เกิดจากมีเม็ดเงินลงทุนเพิ่มแต่อย่างใด ซึ่งเกิดจากราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้ขนาดกองทุนใหญ่ขึ้น

และทำให้ผู้ถือหน่วยกองทุนถือโอกาสไถ่ถอนหน่วยลงทุนออกมา ปัจจุบันนี้บลจ.อยุธยาเจเอฟ บริหารสิน ทรัพย์อยู่ประมาณ 3.1 หมื่นล้านบาท และมีผู้ถือหน่วยกองทุนที่เป็นลูกค้าอยู่ประมาณ 6 พันคน

รวงข้าวขายเกลี้ยง คุยผลตอบแทน 30% นางดัยนา บุญนาค กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม กสิกรไทยเปิดเผยว่า บริษัทได้ออกกองทุนใหม่ชื่อกองทุนเปิดรวงข้าวคืนกำไร 1

ซึ่งปรากฏว่าขายวันแรกเมื่อวันที่ 22 เมษายนมีนักลงทุนมาซื้อหน่วยลงทุนมาก 1.5 พันล้านบาทแสดงให้เห็นว่านักลงทุนให้ความสนใจอย่างมากในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์อยู่ในระดับต่ำ

กองทุนเปิดรวงข้าวคืนกำไร 1 เป็นกองทุน รวมผสมแบบยืดหยุ่นมีขนาดกองทุน 5 พันล้าน บาท และมีอายุโครงการ 3 ปี 3 เดือน โดยผู้ลงทุนที่ซื้อเริ่มแรกคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 3.5% ต่อปี

ส่วนในด้านของกองทุนที่ลงทุนในหุ้นนั้น ถือว่ามีความน่าสนใจ เนื่องจากนับตั้งแต่ต้นปีจน ถึงเดือนมีนาคมปรากฏว่าสามารถให้ผลตอบแทน แก่ผู้ถือหน่วยได้ประมาณ 30%

ซึ่งสูงกว่าดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ดังนั้นจึงน่าจะดึงเงินฝากของนักลงทุนเข้ามาลงทุนในกองทุนได้มากยิ่งขึ้น

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us