Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 เมษายน 2545
รัฐบาลขู่ลงโทษแบงก์ กดดอกเบี้ยฝากตรึงกู้             
 


   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
Interest Rate




รัฐบาลเตรียมใช้ไม้โหดหากแบงก์ลดดอกเบี้ยเงินฝากขาเดียว แต่เมินลดดอกเบี้ยเงินกู้ หวั่นรัฐต้องตอบคำถามต่อประชาชน ด้านผู้บริหารแบงก์กรุงเทพ-กรุงไทยยันไม่ปรับลดดอกเบี้ย

แต่พิจารณาปัจจัยตลาดการเงินเป็นสำคัญ ด้านแบงก์ชาติย้ำ ส่งสัญญาณไม่ลดดอกเบี้ย เหตุภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ยันนโยบายการเงินไม่ใช่ตัวนำกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลพวงจากการที่ธนาคารเอเชีย

จำกัด (มหาชน) BOA ได้ลดดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ลง 0.25% โดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์คงเหลือต่ำสุดในระบบ 1.25% ประเด็นดังกล่าวได้กลายเป็น กระแสวิวาทะเกิดขึ้นระหว่างผู้บริหาร

ประเทศในการดูแลนโยบายให้เป็น ไปตามทิศทางที่คาดหวังกับองค์กร ของรัฐอย่างธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กำกับดูแลสถาบันการเงินและปัญหาดังกล่าวได้ลุก

ลามไปสู่ความแตกของแนวคิดในการบริหารเรื่องดอกเบี้ย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐ-

มนตรีได้กำชับให้ธปท.ดูแลธนาคาร พาณิชย์ที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากให้ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ด้วย เพื่อไม่ให้ส่วนต่างดอกเบี้ย สูงเกินไป

หากไม่มีธนาคารดำเนินการก็ให้มีมาตรการลงโทษอย่างจริงจัง โดยวานนี้ (23) ธปท.ได้รายงานให้ทราบว่า ขณะนี้ยังไม่มีธนาคารรัฐปรับลดดอกเบี้ย นอก จากธนาคารเอกชน 2-3 แห่งที่ลดอัตราดอกเบี้ย

ออมทรัพย์ลง ซึ่งเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมาธปท.ได้ส่งสัญญาณเรื่องดอกเบี้ยชัดเจนแล้วให้คงอาร์/พีไว้ที่ 2% เท่าเดิม หากต่อไปปรับลดอีก

แม้ธปท.จะไม่เข้าไปแทรกแซงและให้ธนาคารพิจารณานำความเหมาะสม ธนาคารพาณิชย์ก็ต้อง มีความรับผิดชอบในเรื่องของส่วนต่าง "ธนาคารพาณิชย์ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก โดยไม่ลดดอกเบี้ยกู้

คงทำให้รัฐบาลตอบคำถาม ประชาชนได้ยาก ว่าดอกเบี้ยควรอยู่ระดับใด นายกรัฐมนตรีกำชับให้คลังและแบงก์ชาติตามเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งส่วนต่างดอกเบี้ยที่เหมาะสมเท่าใดนั้นแบงก์ชาติดูแลอยู่แล้ว

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธปท. กล่าวเพียงว่า ถ้าพิจารณาจากข้อมูลตั้งแต่ ธันวาคม 2544 เป็นต้นมา

จะเห็นได้ว่าธนาคารพาณิชย์ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ทั้งสองขาทุกธนาคาร อนึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่า การทยอยลดดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์

ได้สร้างผลในด้านความเสี่ยงของภาระค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยลดลงอย่างมาก และยังผลต่อเนื่องถึงผลประกอบการของธนาคารที่แม้แต่ไตรมาสแรกของปี45 ทั้งระบบกำไรเกือบ 10,000 ล้านบาท

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ยังได้ระบุถึงส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Net Interest Margin) พบว่าการลดลงของสัดส่วนดอกเบี้ยจ่ายที่สูงกว่าการลดลงของสัดส่วนดอกเบี้ยรับ

ทำให้ประเมินได้ว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไตรมาส แรกปี 45 จะสูงขึ้นประมาณ 1.99% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 44 โดยธนาคารเอกชนขนาดใหญ่ 5 แห่ง ส่วนต่างดอกเบี้ยจะขยับมาอยู่ที่ 2.29%

จาก1.79% ธนาคารลูกครึ่ง 4 แห่งมาอยู่ที่ 2.41% จาก 1.96% และธนาคารรัฐ 4 แห่งมาอยู่ที่ 1.24% จาก 0.44% อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ต้องพิจารณา

อีกว่าผลจากการที่รัฐบาลได้รับโอนหนี้ของสถาบัน การเงินไปยังบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ทำให้ภาระด้านหนี้เสียของธนาคารลดลงอย่างมาก ขณะเดียวกันในการรับโอน บสท.ยังได้ออก

ตั๋วการรับโอนหนี้ โดยธนาคารพาณิชย์จะได้รับรายได้ แบงก์เบรกปรับลดดอกเบี้ย เหตุรัฐขอร้อง-ถีบส่ง"จุลกร" นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) BBL

กล่าวว่า การที่ธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่นั้น ต้องติดตามภาวะตลาดการเงินในประเทศว่าเป็นอย่างไร รวมถึงต้องพิจารณา ถึงสภาพคล่องของธนาคารด้วย อย่างไรก็ตาม

ธนาคารกรุงเทพยังไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทุกประเภทในขณะนี้ สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง พิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ย นั้น นายชาติศิริ กล่าวว่า

ในส่วนของธนาคารพาณิชย์ยังไม่ได้รับการติดต่อจากกระทรวงการคลังในเรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) KTB ว่า ที่ประชุมคณะกรรม-

การบริหารของธนาคารกรุงไทยฝ่ายจัดการได้มีการรายงานเกี่ยวกับสถานะของอัตราดอกเบี้ย พร้อมกับรายงานสภาพคล่องของธนาคาร

ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าธนาคารยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม กรณีที่ธนาคารเอเชีย ปรับลดดอกเบี้ยเพียงธนาคารเดียว

เนื่องจากเป็นธนาคารขนาดเล็กมีสภาพคล่องที่ล้นอยู่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ดังนั้น หากเงินฝากจากธนาคาร เอเชียไหลออกไปยังธนาคารพาณิชย์อื่นๆ เฉลี่ยกันไป ก็แบกรับภาระไม่มากนัก

และเมื่อธนาคาร เอเชียขาดสภาพคล่อง ก็ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก เพื่อดูดสภาพคล่องเข้าธนาคาร ธปท.ยันอาร์/พี 2% เหมาะสม สัญญาณศก.เริ่มฟื้น ผู้ว่าการธปท.กล่าวเป็นนัยสำคัญต่อนโยบาย

การเงินของธปท.ว่า การที่คณะกรรมการนโยบาย การเงินมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) ระยะ 14 วันไว้ที่ระดับ 2%เท่าเดิม เหตุผลที่ทำให้ธปท.คงอัตราดอกเบี้ย เพราะ

เห็นว่าปัจจัยต่างๆเอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ แล้ว ดังนั้น ธปท.จึงไม่จำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินมาเป็นตัวนำในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

และเห็นว่านโยบายการเงินนับจากนี้จะต้องทำเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมากกว่าการเจริญ เติบโตของเศรษฐกิจ "ขณะนี้ทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอย ไม่มีอะไรน่า เป็นห่วง

ปัจจัยต่างๆก็เอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและเป็นไปตามเป้าหมายแล้ว เพราะฉะนั้นเราจึงคิดว่านโยบายการเงินควรทำหน้าที่เสริมการเติบโตให้เพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงคงอัตราดอกเบี้ยอาร์/พีไว้ที่ระดับ 2%

ซึ่งเป็นระดับ ที่ทำให้ ดุลระหว่างการรักษาเสถียรภาพและการเติบโตของเศรษฐกิจ การรักษาเสถียรภาพในที่นี้หมายถึงระดับทุนสำรองทางการที่อยู่ ในระดับที่น่าพอใจ

และไม่ควรจะทำอะไรให้ทุนสำรองลดลง หมายความว่าตอนนี้อะไรที่อยู่นิ่งๆ ก็ไม่ควรไปกวนให้ขุ่นŽ ผู้ว่าฯธปท.กล่าว ปัจจุบันทุนสำรองทางการระหว่างประเทศอยู่ที่ 33.9 พันล้านดอลลาร์ฯ ณ 12

เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับทุนสำรองที่ลดลงหากเทียบกับสิ้นเดือนก.พ.อยู่ที่ 34.0 พันล้านดอลลาร์ฯโดยมีการคาดการณ์ไว้ ณ ปลายปี 2545 ทุนสำรองคงจะไม่ต่ำกว่าระดับ 33.0 พันล้านดอลลาร์ฯ

สำหรับการขยายตัวของสินเชื่อนั้น ผู้ว่าธปท.กล่าวว่า ในภาพรวมเริ่มดีขึ้น แต่ต้องการให้เห็นภาพที่ชัดเจนกว่านี้ว่าสินเชื่อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นนั้นเป็นประเภทไหน ก่อนที่จะแถลงให้ทราบ บริษัท

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงาน ผลการสำรวจตัวเลขสินเชื่อ เงินฝากของธนาคาร พาณิชย์ ระบุว่า สินเชื่อคงค้างในระบบธนาคารเดือนมี.ค.45จำนวน 3,512,498 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก.พ. 7,791

ล้านบาท คิดเป็นการลด 0.65% ขณะที่ยอดเงินฝากเดือนมี.ค.ยอดคงค้างทั้งสิ้น 4,940,121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.65% หรือ 31,808 ล้านบาทจากเดือนที่ผ่านมา เศรษฐกิจโตแน่ 2-3% นายสมคิด

กล่าวถึงทิศทางเศรษฐกิจว่าธปท.ได้รายงานให้ทราบถึงสถานการณ์ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ว่าดัชนีเศรษฐกิจทุกตัวเริ่มปรับตัวดีขึ้น ทั้งการบริโภค การลงทุนและการส่งออก

ซึ่งยังมีปริมาณการส่งออกสูง แม้ราคายังไม่ดีมากนัก "ดัชนีต่างๆ ชี้เห็นเห็นว่าฟื้นตัวแต่อยู่ระหว่างการชักเย่อระหว่างความเสียหายในอดีตกับการฟื้นตัว ซึ่งเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยในช่วง 2 เดือนแรก

สถาบันการเงินเริ่มปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะภาคก่อสร้างŽ นายสมคิดกล่าว ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวแสดงความมั่นใจว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ระดับ 2-3% อย่างแน่นอน

โดยให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจ เริ่มขยับในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งในด้านของการขยายตัวของสินเชื่อ การบริโภคและการลงทุนการผลิตสินค้าที่เพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ไฟฟ้า

และอาหารที่สามารถขาย ได้ทั้งในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศ "ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มขยับตัวแล้ว ทำให้เชื่อได้ว่าเศรษฐกิจจะสามารถขยายตัวได้ตามเป้าหมายในปีนี้

อีกทั้งยังเชื่อว่าธนาคารต่างๆ รวมถึงต่างชาติก็จะประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ ซึ่งขณะนี้เราก็รอดูผลการประเมินอยู่

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us