|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ศาลล้มละลายกลางนัดฟังคำสั่งคำร้อง "ประชัย" ซื้อหุ้นทีพีไอทั้งหมด 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ แนะคลังเห็นใจผู้ถือหุ้นเดิมที่ติดราคาหุ้นไอพีโอที่ 55 บาท โดยให้เพิ่มการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนมากกว่า 1 หุ้นเดิมต่อ 1.5 หุ้นใหม่ และเตือน "ประชัย" ให้ทบทวนข้อเสนอและท่าทีในการเจรจา โดยแนะลูกหนี้หารือคลังนอกรอบ หลังกระบวนการไกล่เกลี่ยยุติลง ด้านบิ๊กหมงเตรียมเสนอมาตรการเสริมให้ระบุแหล่งเงินที่จะมาซื้อหุ้น
วานนี้ (9 มี.ค.) ศาลล้มละลายกลางได้นัดพร้อมตามคำร้องนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ในฐานะผู้บริหารลูกหนี้ และผู้ถือหุ้นเดิม บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ เพื่อขอซื้อหุ้นส่วนทุนและหุ้นเพิ่มทุนใหม่ทีพีไอทั้งหมดเป็นวงเงินเท่ากับมูลหนี้ 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือซื้อที่หุ้นละ 5.50 บาท ก่อนผู้ร่วมทุนรายอื่นที่คลังจัดสรร ภายหลังจากการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่าง ผู้บริหารลูกหนี้ ผู้บริหารแผนฯ และตัวแทนกระทรวงการคลังไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากคลังไม่ประ-สงค์จะไกล่เกลี่ย เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา
ทนายผู้บริหารลูกหนี้จะขอนำพยานเข้าไต่สวนเพื่อให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการซื้อหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมด ซึ่งศาลฯ พิเคราะห์เห็นว่าไม่จำเป็นต้องไต่สวนพยานหลักฐาน เนื่องจากเป็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงให้งดการไต่สวนพยาน และหากผู้บริหารลูกหนี้ยังต้องการที่จะเสนอประเด็นใหม่ในการเจรจากับคลัง ก็ขอให้ไปติดต่อดำเนินการโดยตรง เพราะกระบวนการไกล่เกลี่ยยุติแล้ว ซึ่งทนายผู้บริหารลูกหนี้ขอเวลา 20 วันในการจัดทำแถลงการณ์เป็นหนังสือ
ส่วนคำร้องของผู้บริหารลูกหนี้ฉบับวันที่ 25 ก.พ.2548 ที่อ้างเป็นผู้ถือหุ้นเดิม และยังเป็นผู้ค้ำประกันลูกหนี้ ขอเสนอชำระเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งหมดตามแผนฟื้นฟู 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างที่ผู้บริหารแผนฯ ดำเนินการไปตามแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งทนายผู้บริหารแผนฯได้คัดค้าน โดยขอเวลา 7 วัน ในการทำคำแถลงการณ์คัดค้าน
จากการพิเคราะห์คำร้องผู้บริหารลูกหนี้ดังกล่าว เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับคำร้องของผู้บริหารลูกหนี้ฉบับวันที่ 14 ธ.ค.2547 จึงให้รวมการพิจารณาและมีคำสั่งฉบับเดียวกันโดยไม่ต้องมีการไต่สวนพยาน ซึ่งทนายผู้บริหารลูกหนี้ขอแถลงการณ์เป็นหนังสือภายใน 2 วัน โดยศาลฯกำหนดวันนัดฟังคำสั่งในวันที่ 8 เม.ย. 2548 เวลา 9.30 น.
ส่วนคำร้องของผู้บริหารลูกหนี้ฉบับลงวันที่ 17 ก.พ.2548 ที่ขอให้มีคำสั่งให้ผู้บริหารแผนฯ ห้ามพนักงานของทีพีไอให้ข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อลูกค้า และสูตรการผลิตสินค้า รวมถึงข้อมูลอันเป็นความลับทางการค้าอื่นๆและใช้ความระมัดระวังในการทำการตรวจสอบสถานะบริษัทฯ หรือดิวดิลิเจนซ์ลูกหนี้นั้น ศาลได้กำชับผู้บริหารแผนฯไม่ให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความลับทางการค้าและสูตรการผลิตสินค้าที่จะทำให้ลูกหนี้ได้รับความเสียหาย
นายกมล ธีรเวชพลกุล รองอธิบดีศาลล้มละลายกลาง กล่าวว่า ในการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนใหม่ทีพีไอของผู้บริหารแผนฯ โดยจัดสรรให้ปตท. 30% ออมสินและคลัง 10% กบข.และกองทุนฯ 20% ผู้ถือหุ้นเดิม 15% และอีก 15% จัดสรรให้เจ้าหนี้และลูกหนี้ในอนาคต ซึ่งความจริงกระ-ทรวงการคลังควรที่จะดูแลผู้ถือหุ้นเดิมมากกว่านี้ เพราะสัดส่วนการจัดสรรหุ้นให้ผู้ถือหุ้นเดิมเพียง 1 หุ้นเดิมต่อ 1.5 หุ้นใหม่ ถือว่าเป็นสัดส่วนที่ต่ำเกินไป เพราะผู้ถือหุ้นเดิมยังติดราคาจองที่ 55 บาท/หุ้นอยู่ ดังนั้นควรนำหุ้นในส่วนที่จัดสรรให้เจ้าหนี้และลูกหนี้ 15% มาจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิม
"หากนายประชัยมีข้อเสนอใหม่ที่ต้องการเจรจากับกระทรวงการคลังก็สามารถไปเจรจานอกรอบได้ แต่นายประชัยจะต้องทบทวนการเจรจา และลดท่าทีความแข็งกร้าวลง เพราะการไกล่เกลี่ยโดยอาศัยศาลนั้นไม่สามารถทำได้แล้ว ซึ่งเคสทีพีไอโพลีนที่ประสบความสำเร็จนั้นมาจากการที่ลูกหนี้และเจ้าหนี้เจรจานอกรอบ"
พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ประธานกรรมการธนาคารกรุงไทย ในฐานะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ กล่าวถึงความคืบหน้าเจรจาขายหุ้นทีพีไอว่า ขณะนี้คณะกรรมการมอบหมายให้บริษัทที่ปรึกษาดำเนินการอยู่ ซึ่งคาดว่าจะได้ผลสรุปในเร็วๆ นี้ โดยในการซื้อขายหุ้นดังกล่าว นั้น คณะกรรมการมองว่าน่าที่จะมีการออกมาตรการเสริมสำหรับผู้ที่จะเข้ามาซื้อหุ้นของทีพีไอ โดยมาตรการจะระบุชัดถึงคุณสมบัติผู้เข้ามาซื้อหุ้น รวมทั้งจะต้องมีการรับรองของฐานะเม็ดเงินที่สามารถซื้อหุ้นของทีพีไอได้
ส่วนการกำหนดราคาขายหุ้นของทีพีไออยู่ระหว่างการหารือระหว่างที่ปรึกษาทางการเงินของกระทรวงการคลังกับที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อกำหนดราคาซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่เหมาะสม ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัด กระทรวงการคลัง ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในกรอบเวลาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด
|
|
|
|
|