|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บลจ.บีทีตั้งเป้ารุกธุรกิจกองทุนรวมครบวงจร เตรียมเปิดตัวต้นเดือนพ.ค. "อนุสรณ์" ตั้งเป้าบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 5 หมื่นล้านบาท ในปีนี้ ส่วนกองทุนรวมคาดออก 6-8 กองทุน มูลค่า 5.2-7.5 พันล้านบาท ขณะที่กองทุนส่วนบุคคลตั้งเป้า 2.5-3.5 พันล้านบาท เชื่อมั่นตลาดหุ้นมีโอกาสแตะ 900-1,000 จุด ขณะที่ตลาดกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนมีเงินออม
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด หรือ BTAM เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทมุ่งสู่การเป็นบริษัทจัดการกองทุนรวมที่ให้บริการครบวงจรตั้งแต่การออกกองทุนรวม การบริการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ การบริหารกองทุนส่วนบุคคล และธุรกิจการเป็นที่ปรึกษาการลงทุน โดยขณะนี้บริษัทได้รับใบอนุญาตการดำเนินธุรกิจจัดการกองทุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนใบอนุญาต (ไลเซนส์) ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุน คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตภายในเดือนมิถุนายนนี้ โดยจะมีการโอนพอร์ตการบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจากธนาคารไทยธนาคารที่มีมูลค่า 2.3-2.4 หมื่นล้านบาท มาบริหารจัดการได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้ และตั้งเป้าบริหารสินทรัพย์กองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปีนี้ที่ 5 หมื่นล้านบาท
สำหรับการออกกองทุนรวมตราสารหนี้และตราสารทุนในปีนี้ตั้งเป้าออกกองทุนประมาณ 6-8 กองทุน มูลค่ารวม 5.2 พันล้านบาท และในอนาคตบริษัทตั้งเป้าหมายบริหารจัดการสินทรัพย์รวมประมาณ 5 หมื่นล้านบาท
นายอนุสรณ์กล่าวว่า บริษัทจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในต้นเดือนพฤษภาคมนี้ หลังจากนั้นก็จะทยอยออกกองทุน โดยกองแรกจะเปิดตัวในวันที่ 19 พฤษภาคม โดยกองแรกที่ออกน่าจะเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น เนื่องจากได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่มีเงินออม และแสวงหาผลตอบแทนในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
สำหรับกองทุนตราสารทุนจะทยอยออกเป็นระยะ เนื่องจากบริษัทประเมินว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยในปีนี้น่าจะยังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยประเมินว่าดัชนีมีโอกาสไปแตะที่ระดับ 900-1,000 จุด เพราะไทยมีโอกาสได้รับการปรับอันดับเครดิตจากสถาบันจัดอันดับเครดิตชั้นนำ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นในการลงทุน
นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าที่จะขยายฐานลูกค้าในส่วนของกองทุนส่วนบุคคล โดยใช้เครือข่ายกลุ่มลูกค้าธนาคารไทยธนาคาร ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท โดยปีนี้ตั้งเป้าบริหารกองทุนส่วนบุคคลประมาณ 2.5-3.5 พันล้านบาท
"การขยายฐานลูกค้าของเราจะ อาศัยช่องทางการขายผ่านธนาคารไทยธนาคารเป็นช่องทางหลัก และใช้ทีมขายของบริษัทในการเจาะกลุ่มลูกค้า" นายอนุสรณ์กล่าว
สำหรับแนวโน้มการแข่งขันธุรกิจกองทุนรวมในปีนี้คาดว่าจะมีการแข่งขันมากขึ้น เนื่องจากมีบลจ.ใหม่เข้ามาในตลาด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการแข่งขันที่สูงจะทำให้ยอดการลงทุนผ่านกองทุนรวมขยายตัวเพิ่ม และเชื่อว่าในส่วนของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่งมีการให้สิทธิพิเศษด้านภาษีกับนักลงทุนจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุน เนื่องจากได้รับผลประโยชน์ด้านภาษี และนักลงทุนมีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนผ่านกองทุน RMF และ LTF มากขึ้น
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ปัจจัยหนุนที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสแตะที่ 900-1,000 จุด นอกเหนือจากการปรับอันดับเครดิตประเทศแล้ว ยังมีเรื่องของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯที่ปรับตัวดีขึ้น โดยบริษัทประเมินว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะขยายตัวประมาณ 20%
สำหรับเป้าหมายที่ตั้งไว้ในอนาคตสำหรับบลจ.บีที ต้องการให้เป็น 1 ใน 5 อันดับแรกของบลจ.ในทุกๆด้านภายใน 3 ปี
|
|
|
|
|