Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน9 มีนาคม 2548
ความไว-ฐานข้อมูลแน่นจุดขาย LPN โบรกฯคาดแกรนด์ยูนิตี้ฯหนุนยอดขาย             
 


   
www resources

โฮมเพจ แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์

   
search resources

แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์, บมจ.
Real Estate




LPN เดินหน้าซื้อที่ดินผุด 5 โครงการตามแผน หวังสร้างฐานรายได้ระยะยาว ชูจุดแข็งทีมงาน-พันธมิตรรับขนาดของโครงการใหญ่ขึ้น พร้อมทะลวงแหล่งชุมชนแวดล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า สร้างจุดเด่นของโครงการ ด้านโครงการคอนโดฯปิ่นเกล้ายอดลูกค้าลงทะเบียนกว่า 600 ราย ขณะที่บล.ฟาร์อีสท์ตอกย้ำศักยภาพของ LPN พ่วงรับอานิสงส์ยอดขายคอนโดฯของ บ.แกรนด์ ยูนิตี้ฯ

นายทิฆัมพร เปล่งศรีสุข กรรมการผู้จัดการบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่าภายหลังที่บริษัทประกาศการลงทุนในปี 2548 ประมาณ 5 โครงการ ขณะนี้เดินหน้าตามแผนทุกอย่าง ล่าสุดได้ซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ ลุมพินี เพลส นราธิวาส-เจ้าพระยา ราคาที่ดิน 439.135 ล้านบาท มีภาระผูกพันกับธนาคารเอเชีย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัย สูง 30 ชั้น จำนวน 3 อาคาร จำนวน 1,400 ยูนิต รายได้ โครงการ 3,000 ล้านบาท ระยะเวลา โครงการ 26 เดือน (เม.ย.48-พ.ค. 2550) ระยะเวลาการขายภายใน 9 เดือนเริ่มตั้งแต่เม.ย.-ธ.ค.48

ส่วนโครงการที่เหลือจะประกอบด้วย โครงการแฮปปี้แลนด์ อาคารชุดพักอาศัย สูง 9 ชั้น 3 อาคาร, โครงการปิ่นเกล้าสูง 21 ชั้น และโครงการลุมพินี วิลล์ ศูนย์วัฒนธรรม สูง 8 ชั้น 9 อาคาร รวม แล้วทั้ง 4 โครงการ มูลค่าที่ดินที่ซื้อ ประมาณ 950 ล้านบาท (พิจารณาตารางประกอบ)

"ในแต่ละทำเลที่เปิดโครงการ สิ่งแวดล้อมต่างๆ ต้องตอบโจทย์ได้ ไม่ใช่เทไปตามตลาด ซึ่งแนวต้องมีชุมชนที่หนาแน่น มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต เช่น ห้างสรรพสินค้า การจราจรที่ติดขัด ปัจจัยในเชิงปัญหาเหล่านี้จะมีส่วนเกื้อหนุนในการพัฒนาโครงการ เพื่อมุ่งตอบสนองให้กับลูกค้าที่ต้องการพักอาศัยในทำเลดังกล่าว อย่างโครงการที่ปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นทำเลใหม่ที่บุกโซนธนบุรี ได้ใช้โจทย์มาวางแผน ขณะเดียวกันยังทำการตลาดโดยให้ลูกค้ามาลงทะเบียน เพื่อสำรวจความต้องการซึ่งขณะนี้มียอดในมือถึง 600 ราย ส่วนใหญ่ ต้องการห้องชุดราคา 1.5 ล้านบาท ซึ่งตรงกับข้อมูลวิจัยของบริษัท" นายทิฆัมพรกล่าวและย้ำว่า

ในการพัฒนาโครงการของ LPN จะมุ่งเน้นปริมาณโครงการจำนวนมาก แต่จะโตด้วยการเพิ่มขนาดของโครงการและประสิทธิภาพของโครงการที่ทำจะเห็นได้ว่าก่อนหน้านี้จำนวนห้องชุดที่เปิดการขายจะอยู่ระดับ 200-300 ยูนิต ปรับเพิ่มเป็น 500-1,000 ยูนิต เหตุผลที่ LPN กล้าทำ เพราะฐานข้อมูลที่พร้อมทีมงานและพันธมิตรหรือผู้ร่วมก่อสร้างที่สามารถรับงานได้มากขึ้น

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟาร์อีสท์ จำกัด ได้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มธุรกิจของ LPN ที่มีอนาคต โดยระบุว่าด้วยความเร็วในการขายที่อยู่ในระดับสูง เนื่องจากบริษัทได้มีการสำรวจตลาดอย่างเข้มข้นก่อนการเปิดโครงการทุกครั้ง ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทสูงถึง 4,200 ล้านบาทในปี 2547 จากมูลค่าโครงการที่เปิดตัวในปีที่ผ่านมา 5 โครงการมูลค่า 5,350 ล้านบาท หรือมียอดขายกว่า 82% เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในผลวิจัยและการทำตลาดได้เป็นอย่างดี และจากการเติบโตเปิดโครงการใหม่ในปีนี้อีก 5 โครงการ มูลค่ากว่า 7,400 ล้านบาท ในหลาก หลายทำเลนั้น ทำให้มองเห็นการเติบโต ในอีก 2 ปีข้างหน้าได้ค่อนข้างชัดเจน

นอกจากนี้ในปี 48 บล.ฟาร์อีสท์ฯ คาดว่า LPN จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนในบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ในรูป ของส่วนแบ่งกำไร เนื่องจากบริษัทแกรนด์ฯ มียอดขายคอนโดมิเนียมที่รอรับรู้รายได้ในปีนี้กว่า 2,000 ล้านบาท หรือ LPN อาจได้ประโยชน์ในรูปของส่วน Capital Gain หากบริษัทลูกสามารถจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ตามแผน

สำหรับผลประกอบการของปีที่ผ่านมา พบว่า LPN มีกำไรสุทธิที่ 448 ล้านบาท ลดลงจากปี 46 ที่ 465 ล้านบาทเล็กน้อย ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่ LPN ต้องกลับมาเสียค่าภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียม การโอนภายหลังการส่งเสริมจากภาครัฐบาลหมดลงในปี 46 ส่งผลให้บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นราว 4.3% ของรายได้ นอกจากนี้ยังเริ่มกลับมาเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตั้งแต่ไตรมาสสองปีที่ผ่านมา เนื่องจากข้อยกเว้นภาษีหมดลง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us