LPN เดินหน้าซื้อที่ดินผุด 5 โครงการตามแผน หวังสร้างฐานรายได้ระยะยาว ชูจุดแข็งทีมงาน-พันธมิตรรับขนาดของโครงการใหญ่ขึ้น พร้อมทะลวงแหล่งชุมชนแวดล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า สร้างจุดเด่นของโครงการ ด้านโครงการคอนโดฯปิ่นเกล้ายอดลูกค้าลงทะเบียนกว่า 600 ราย ขณะที่บล.ฟาร์อีสท์ตอกย้ำศักยภาพของ LPN พ่วงรับอานิสงส์ยอดขายคอนโดฯของ บ.แกรนด์ ยูนิตี้ฯ
นายทิฆัมพร เปล่งศรีสุข กรรมการผู้จัดการบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่าภายหลังที่บริษัทประกาศการลงทุนในปี 2548 ประมาณ 5 โครงการ ขณะนี้เดินหน้าตามแผนทุกอย่าง ล่าสุดได้ซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ ลุมพินี เพลส นราธิวาส-เจ้าพระยา ราคาที่ดิน 439.135 ล้านบาท มีภาระผูกพันกับธนาคารเอเชีย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัย สูง 30 ชั้น จำนวน 3 อาคาร จำนวน 1,400 ยูนิต รายได้ โครงการ 3,000 ล้านบาท ระยะเวลา โครงการ 26 เดือน (เม.ย.48-พ.ค. 2550) ระยะเวลาการขายภายใน 9 เดือนเริ่มตั้งแต่เม.ย.-ธ.ค.48
ส่วนโครงการที่เหลือจะประกอบด้วย โครงการแฮปปี้แลนด์ อาคารชุดพักอาศัย สูง 9 ชั้น 3 อาคาร, โครงการปิ่นเกล้าสูง 21 ชั้น และโครงการลุมพินี วิลล์ ศูนย์วัฒนธรรม สูง 8 ชั้น 9 อาคาร รวม แล้วทั้ง 4 โครงการ มูลค่าที่ดินที่ซื้อ ประมาณ 950 ล้านบาท (พิจารณาตารางประกอบ)
"ในแต่ละทำเลที่เปิดโครงการ สิ่งแวดล้อมต่างๆ ต้องตอบโจทย์ได้ ไม่ใช่เทไปตามตลาด ซึ่งแนวต้องมีชุมชนที่หนาแน่น มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต เช่น ห้างสรรพสินค้า การจราจรที่ติดขัด ปัจจัยในเชิงปัญหาเหล่านี้จะมีส่วนเกื้อหนุนในการพัฒนาโครงการ เพื่อมุ่งตอบสนองให้กับลูกค้าที่ต้องการพักอาศัยในทำเลดังกล่าว อย่างโครงการที่ปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นทำเลใหม่ที่บุกโซนธนบุรี ได้ใช้โจทย์มาวางแผน ขณะเดียวกันยังทำการตลาดโดยให้ลูกค้ามาลงทะเบียน เพื่อสำรวจความต้องการซึ่งขณะนี้มียอดในมือถึง 600 ราย ส่วนใหญ่ ต้องการห้องชุดราคา 1.5 ล้านบาท ซึ่งตรงกับข้อมูลวิจัยของบริษัท" นายทิฆัมพรกล่าวและย้ำว่า
ในการพัฒนาโครงการของ LPN จะมุ่งเน้นปริมาณโครงการจำนวนมาก แต่จะโตด้วยการเพิ่มขนาดของโครงการและประสิทธิภาพของโครงการที่ทำจะเห็นได้ว่าก่อนหน้านี้จำนวนห้องชุดที่เปิดการขายจะอยู่ระดับ 200-300 ยูนิต ปรับเพิ่มเป็น 500-1,000 ยูนิต เหตุผลที่ LPN กล้าทำ เพราะฐานข้อมูลที่พร้อมทีมงานและพันธมิตรหรือผู้ร่วมก่อสร้างที่สามารถรับงานได้มากขึ้น
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟาร์อีสท์ จำกัด ได้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มธุรกิจของ LPN ที่มีอนาคต โดยระบุว่าด้วยความเร็วในการขายที่อยู่ในระดับสูง เนื่องจากบริษัทได้มีการสำรวจตลาดอย่างเข้มข้นก่อนการเปิดโครงการทุกครั้ง ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทสูงถึง 4,200 ล้านบาทในปี 2547 จากมูลค่าโครงการที่เปิดตัวในปีที่ผ่านมา 5 โครงการมูลค่า 5,350 ล้านบาท หรือมียอดขายกว่า 82% เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในผลวิจัยและการทำตลาดได้เป็นอย่างดี และจากการเติบโตเปิดโครงการใหม่ในปีนี้อีก 5 โครงการ มูลค่ากว่า 7,400 ล้านบาท ในหลาก หลายทำเลนั้น ทำให้มองเห็นการเติบโต ในอีก 2 ปีข้างหน้าได้ค่อนข้างชัดเจน
นอกจากนี้ในปี 48 บล.ฟาร์อีสท์ฯ คาดว่า LPN จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนในบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ในรูป ของส่วนแบ่งกำไร เนื่องจากบริษัทแกรนด์ฯ มียอดขายคอนโดมิเนียมที่รอรับรู้รายได้ในปีนี้กว่า 2,000 ล้านบาท หรือ LPN อาจได้ประโยชน์ในรูปของส่วน Capital Gain หากบริษัทลูกสามารถจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ตามแผน
สำหรับผลประกอบการของปีที่ผ่านมา พบว่า LPN มีกำไรสุทธิที่ 448 ล้านบาท ลดลงจากปี 46 ที่ 465 ล้านบาทเล็กน้อย ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่ LPN ต้องกลับมาเสียค่าภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียม การโอนภายหลังการส่งเสริมจากภาครัฐบาลหมดลงในปี 46 ส่งผลให้บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นราว 4.3% ของรายได้ นอกจากนี้ยังเริ่มกลับมาเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตั้งแต่ไตรมาสสองปีที่ผ่านมา เนื่องจากข้อยกเว้นภาษีหมดลง
|