Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มกราคม 2541








 
นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2541
เอ็มไทยกรุ๊ปลุ้นออลซีซั่นส์เพลสสุดตัว             
 


   
search resources

เอ็มไทยกรุ๊ป




ในขณะที่โครงการอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ๆ หลายโครงการใจกลางกรุงเทพฯ ต้องชะลอการก่อสร้างลง เพราะมีปัญหาทางด้านการตลาดและปัญหาทางด้านการเงินอย่างหนัก แต่ก็จะมีบางโครงการที่กำลังฟันฝ่าอุปสรรคกัดฟันเดินหน้างานก่อสร้างและงานขายต่อไป

โครงการหนึ่งที่น่าจับตามองตอนนี้ก็คือ "ออลซีซั่นส์เพลส" ของบริษัทออลซีซั่นส์ พร็อพเพอตี้ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทเอ็มไทยกรุ๊ป และบริษัทไชน่า รีซอร์สเซส (โฮลดิ้ง) จำกัด ซึ่งมีธนาคารทหารไทยเป็นแหล่งเงินสนับสนุนโครงการ

ตัวโครงการตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นที่ 22 ไร่ ติดกับโรงแรมอิมพีเรียลวิทยุ เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ใหญ่แห่งเดียวที่ยังเหลืออยู่บนถนนสายนี้ โดยรูปแบบโครงการทั้งหมดจะประกอบไปด้วย ออฟฟิศทาวเวอร์สูง 28 ชั้น 2 อาคาร มีพื้นที่ให้เช่าอาคารละประมาณ 30,000 ตารางเมตร อาคารออฟฟิศทาวเวอร์สูงประมาณ 53 ชั้นอีก 1 อาคาร มีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 66,000 ตารางเมตร พร้อมกับคอนโดมิเนียมอีกจำนวน 185 ยูนิต โรงแรมระดับ 5 ดาวสูง 33 ชั้นขนาด 400 ห้อง เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 200 ห้อง และร้านค้าย่อยอีกจำนวนหนึ่ง

เอ็มไทยกรุ๊ปเริ่มสตาร์ทโครงการนี้เมื่อประมาณปี 2536 ซึ่งแน่นอนว่าในขณะนั้น ไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดภาวะวิกฤติทางด้านการเงินของไทย จนส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาฯ รุนแรงเนิ่นนานขนาดนี้ ทางกลุ่มผู้บริหารโครงการเองย่อมมองว่าระยะเวลาที่โครงการสร้างเสร็จประมาณปี 2540 นั้นน่าจะเป็นช่วงระยะเวลาที่ดีของตลาดออฟฟิศอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้ นครินทร์ วีระเมธีกุล รองกรรมการผู้จัดการบริษัทก็ยืนยันว่า จะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไปอย่างแน่นอนโดยไม่ชะลอโครงการเด็ดขาด และขณะนี้งานก่อสร้างทั้งออฟฟิศ 2 ทาวเวอร์แรกเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว และกำลังก่อสร้างในส่วนของออฟฟิศทาวเวอร์หลังที่ 3 ซึ่งสูง 53 ชั้น และตัวโรงแรมที่สูง 33 ชั้น ซึ่งตัวของโรงแรมนี้จะอยู่ภายใต้การบริหารงานของ คอนราด อินเตอร์เนชั่นแนลโฮเต็ลล์ คอร์ปอเรชั่น

คุณภาพของโครงการเป็นสิ่งที่นครินทร์มั่นใจว่าจะเป็นจุดขายได้อย่างดีเยี่ยม เพราะได้มีการเลือกทีมงานที่มีประสบการณ์สูง และมีความเชี่ยวชาญระดับอินเตอร์มารับผิดชอบดูแล เพื่อให้โครงการได้มาตรฐานอย่างที่ต้องการ ทีมงานสำคัญจะประกอบไปด้วย บริษัทกรีไทย จำกัด บริษัท จาร์ดีน แมธทีสัน (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทเพอร์ริเดียน ไทยแลนด์ จำกัด ทั้งนี้บริษัทปาล์เมอร์ แอนด์เทอร์เนอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับผิดชอบด้านสถาปัตยกรรมของโครงการ

"ทุกส่วนของโครงการนับตั้งแต่วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง ระบบไฟฟ้า ระบบเสียง การออกแบบไม่ให้มีเสากลาง ระบบแอร์ระบบควบคุมอุณหภูมิได้ทุกจุด ระบบร้อยสายไฟและอุปกรณ์สื่อสารใต้พื้น ระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวด ตลอดจนระบบป้องกันอัคคีภัยที่ได้มาตรฐานสูง คือจุดเด่นของเรา" นครินทร์อธิบาย

โดยเฉพาะในเรื่องของความปลอดภัย นครินทร์ยืนยันว่าทางโครงการมีระบบป้องกันซึ่งสูงกว่ามาตรฐานกำหนดโดย พ.ร.บ. ควบคุมอาคารของกระทรวงมหาดไทย ยังได้มาตรฐานการป้องกันอัคคีภัย National Fire Protection Association (NFPA) แห่งอเมริกาอีกด้วย

ทั้งนี้ระบบอุปกรณ์ดับเพลิงที่จัดเตรียมไว้ในอาคารได้แก่ ระบบสปริงเกอร์อัตโนมัติ ชุดตรวจจับควันและความร้อน สัญญาณไฟไหม้ สายยางฉีดน้ำ และทางหนีไฟซึ่งมีระบบปรับความดันอากาศ รวมทั้งระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมอาคาร

ปัจจุบัน โครงการนี้มีบริษัทริชาร์ด เอลลิส เป็นตัวแทนในการขาย ซึ่งทาง มร. เจมส์ พิทชั่น ผู้อำนวยการของบริษัทเองก็มั่นใจว่า โครงการที่มีคุณภาพสูงนั้นยังมีความเป็นไปได้ทางด้านการตลาด แม้ว่าตลาดทางด้านอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างจะซบเซามากก็ตาม

ใกล้ๆ กับโครงการออลซีซั่นส์นั้นปรากฏว่ายังมีโครงการของคู่แข่งที่กำลังเร่งงานก่อสร้างเช่นกัน คือ โครงการเวฟเพลส ของบริษัทเวฟดีเวลลอปเม้นท์ ที่มีสุทธิพงษ์ จิราธิวัฒน์ เป็นกรรมการผู้จัดการ เพียงแต่ว่าเวฟเพลสนั้นเป็นโครงการที่เล็กกว่าตั้งในเนื้อที่ 3 ไร่ เป็นออฟฟิศให้เช่าสูง 21 ชั้น พร้อมด้วยชอปปิ้งพลาซ่าสูง 5 ชั้น และที่สำคัญโครงการนี้ลูกค้าจะไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เพราะเป็นที่ดินเช่าระยะเวลา 33 ปี ส่วนหัวมุมถนนราชดำริตัดกับถนนวิทยุนั้นยังมีคอนโดมิเนียมสูง 40 ชั้น ของบริษัทเดียวกันอีกโครงการด้วย การแข่งขันการขายระหว่างสองกลุ่มนี้จึงกำลังเชือดเฉือนกันสนุกเช่นกัน

โครงการออลซีซั่นส์ เพลสนี้เป็นโครงการหนึ่งที่ทางกลุ่มเอ็มไทยกรุ๊ปตั้งความหวังเป็นอย่างมาก ว่าจะสร้างชื่อเสียงให้กับทางกลุ่มของตนทางด้านอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ซึ่งในช่วงประมาณปี 2535 นั้นทางเอ็มไทยกรุ๊ปได้พยายามรุกมาพัฒนาทางด้านอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น เช่นการไปทำโครงการซิตี้พาร์คบางนา ซึ่งเป็นโครงการสำหรับผู้มีรายได้น้อย และรายได้ปานกลาง การรุกไปทำโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเมืองจีน รวมทั้งได้ประกาศทำโครงการพัฒนาที่ดินอีกหลายโครงการ แต่หลังจากนั้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็ได้ซบเซาอย่างต่อเนื่องจึงได้ชะลอไว้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us