ในขณะที่โครงการอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ๆ หลายโครงการใจกลางกรุงเทพฯ ต้องชะลอการก่อสร้างลง
เพราะมีปัญหาทางด้านการตลาดและปัญหาทางด้านการเงินอย่างหนัก แต่ก็จะมีบางโครงการที่กำลังฟันฝ่าอุปสรรคกัดฟันเดินหน้างานก่อสร้างและงานขายต่อไป
โครงการหนึ่งที่น่าจับตามองตอนนี้ก็คือ "ออลซีซั่นส์เพลส" ของบริษัทออลซีซั่นส์
พร็อพเพอตี้ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทเอ็มไทยกรุ๊ป และบริษัทไชน่า
รีซอร์สเซส (โฮลดิ้ง) จำกัด ซึ่งมีธนาคารทหารไทยเป็นแหล่งเงินสนับสนุนโครงการ
ตัวโครงการตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นที่ 22 ไร่ ติดกับโรงแรมอิมพีเรียลวิทยุ
เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ใหญ่แห่งเดียวที่ยังเหลืออยู่บนถนนสายนี้ โดยรูปแบบโครงการทั้งหมดจะประกอบไปด้วย
ออฟฟิศทาวเวอร์สูง 28 ชั้น 2 อาคาร มีพื้นที่ให้เช่าอาคารละประมาณ 30,000
ตารางเมตร อาคารออฟฟิศทาวเวอร์สูงประมาณ 53 ชั้นอีก 1 อาคาร มีพื้นที่ให้เช่าประมาณ
66,000 ตารางเมตร พร้อมกับคอนโดมิเนียมอีกจำนวน 185 ยูนิต โรงแรมระดับ 5
ดาวสูง 33 ชั้นขนาด 400 ห้อง เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 200 ห้อง และร้านค้าย่อยอีกจำนวนหนึ่ง
เอ็มไทยกรุ๊ปเริ่มสตาร์ทโครงการนี้เมื่อประมาณปี 2536 ซึ่งแน่นอนว่าในขณะนั้น
ไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดภาวะวิกฤติทางด้านการเงินของไทย จนส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาฯ
รุนแรงเนิ่นนานขนาดนี้ ทางกลุ่มผู้บริหารโครงการเองย่อมมองว่าระยะเวลาที่โครงการสร้างเสร็จประมาณปี
2540 นั้นน่าจะเป็นช่วงระยะเวลาที่ดีของตลาดออฟฟิศอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้ นครินทร์ วีระเมธีกุล รองกรรมการผู้จัดการบริษัทก็ยืนยันว่า
จะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไปอย่างแน่นอนโดยไม่ชะลอโครงการเด็ดขาด และขณะนี้งานก่อสร้างทั้งออฟฟิศ
2 ทาวเวอร์แรกเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว และกำลังก่อสร้างในส่วนของออฟฟิศทาวเวอร์หลังที่
3 ซึ่งสูง 53 ชั้น และตัวโรงแรมที่สูง 33 ชั้น ซึ่งตัวของโรงแรมนี้จะอยู่ภายใต้การบริหารงานของ
คอนราด อินเตอร์เนชั่นแนลโฮเต็ลล์ คอร์ปอเรชั่น
คุณภาพของโครงการเป็นสิ่งที่นครินทร์มั่นใจว่าจะเป็นจุดขายได้อย่างดีเยี่ยม
เพราะได้มีการเลือกทีมงานที่มีประสบการณ์สูง และมีความเชี่ยวชาญระดับอินเตอร์มารับผิดชอบดูแล
เพื่อให้โครงการได้มาตรฐานอย่างที่ต้องการ ทีมงานสำคัญจะประกอบไปด้วย บริษัทกรีไทย
จำกัด บริษัท จาร์ดีน แมธทีสัน (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทเพอร์ริเดียน ไทยแลนด์
จำกัด ทั้งนี้บริษัทปาล์เมอร์ แอนด์เทอร์เนอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับผิดชอบด้านสถาปัตยกรรมของโครงการ
"ทุกส่วนของโครงการนับตั้งแต่วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง ระบบไฟฟ้า
ระบบเสียง การออกแบบไม่ให้มีเสากลาง ระบบแอร์ระบบควบคุมอุณหภูมิได้ทุกจุด
ระบบร้อยสายไฟและอุปกรณ์สื่อสารใต้พื้น ระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวด ตลอดจนระบบป้องกันอัคคีภัยที่ได้มาตรฐานสูง
คือจุดเด่นของเรา" นครินทร์อธิบาย
โดยเฉพาะในเรื่องของความปลอดภัย นครินทร์ยืนยันว่าทางโครงการมีระบบป้องกันซึ่งสูงกว่ามาตรฐานกำหนดโดย
พ.ร.บ. ควบคุมอาคารของกระทรวงมหาดไทย ยังได้มาตรฐานการป้องกันอัคคีภัย National
Fire Protection Association (NFPA) แห่งอเมริกาอีกด้วย
ทั้งนี้ระบบอุปกรณ์ดับเพลิงที่จัดเตรียมไว้ในอาคารได้แก่ ระบบสปริงเกอร์อัตโนมัติ
ชุดตรวจจับควันและความร้อน สัญญาณไฟไหม้ สายยางฉีดน้ำ และทางหนีไฟซึ่งมีระบบปรับความดันอากาศ
รวมทั้งระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมอาคาร
ปัจจุบัน โครงการนี้มีบริษัทริชาร์ด เอลลิส เป็นตัวแทนในการขาย ซึ่งทาง
มร. เจมส์ พิทชั่น ผู้อำนวยการของบริษัทเองก็มั่นใจว่า โครงการที่มีคุณภาพสูงนั้นยังมีความเป็นไปได้ทางด้านการตลาด
แม้ว่าตลาดทางด้านอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างจะซบเซามากก็ตาม
ใกล้ๆ กับโครงการออลซีซั่นส์นั้นปรากฏว่ายังมีโครงการของคู่แข่งที่กำลังเร่งงานก่อสร้างเช่นกัน
คือ โครงการเวฟเพลส ของบริษัทเวฟดีเวลลอปเม้นท์ ที่มีสุทธิพงษ์ จิราธิวัฒน์
เป็นกรรมการผู้จัดการ เพียงแต่ว่าเวฟเพลสนั้นเป็นโครงการที่เล็กกว่าตั้งในเนื้อที่
3 ไร่ เป็นออฟฟิศให้เช่าสูง 21 ชั้น พร้อมด้วยชอปปิ้งพลาซ่าสูง 5 ชั้น และที่สำคัญโครงการนี้ลูกค้าจะไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
เพราะเป็นที่ดินเช่าระยะเวลา 33 ปี ส่วนหัวมุมถนนราชดำริตัดกับถนนวิทยุนั้นยังมีคอนโดมิเนียมสูง
40 ชั้น ของบริษัทเดียวกันอีกโครงการด้วย การแข่งขันการขายระหว่างสองกลุ่มนี้จึงกำลังเชือดเฉือนกันสนุกเช่นกัน
โครงการออลซีซั่นส์ เพลสนี้เป็นโครงการหนึ่งที่ทางกลุ่มเอ็มไทยกรุ๊ปตั้งความหวังเป็นอย่างมาก
ว่าจะสร้างชื่อเสียงให้กับทางกลุ่มของตนทางด้านอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ซึ่งในช่วงประมาณปี
2535 นั้นทางเอ็มไทยกรุ๊ปได้พยายามรุกมาพัฒนาทางด้านอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น
เช่นการไปทำโครงการซิตี้พาร์คบางนา ซึ่งเป็นโครงการสำหรับผู้มีรายได้น้อย
และรายได้ปานกลาง การรุกไปทำโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเมืองจีน รวมทั้งได้ประกาศทำโครงการพัฒนาที่ดินอีกหลายโครงการ
แต่หลังจากนั้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็ได้ซบเซาอย่างต่อเนื่องจึงได้ชะลอไว้