บรรยากาศงานเปิดตัวรถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ด โมเดลใหม่ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม
2540 ที่ผ่านมา ถ้าเป็นช่วงที่ตลาดรถยนต์เมืองไทยยังคงฟู่ฟ่า ก็คงกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องปกติวิสัย
แต่ในขณะที่แสงตะเกียงกำลังริบหรี่เช่นนี้ การเปิดตัวแอคคอร์ดใหม่ จึงกลายเป็นภาพที่ดูยิ่งใหญ่เลยทีเดียว
การสร้างภาพพจน์แห่งความยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ยิ่งทำให้แอคคอร์ดกลายเป็นรถยนต์ระดับกลางที่กำลังทิ้งห่างคู่แข่งออกไปทุกขณะ
และแน่นอนว่าฮอนด้า ยังคงมีความมั่นใจลึกๆ ว่า แม้ตลาดจะซบเซา แต่ความต้องการก็ยังคงมีอยู่
ดังนั้นการดึงตลาดให้ได้มากที่สุด จึงน่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ผู้นำยิ่งต้องปฏิบัติในสถานการณ์เช่นนี้
จุน อาซาโน ประธานบริษัท ฮอนด้าคาร์ส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวอย่างมั่นใจว่า
แม้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ทำให้ยอดจำหน่ายรถยนต์ในตลาดรวมลดลง
แต่ฮอนด้าก็คาดว่าแอคคอร์ดใหม่จะสามารถทำยอดจำหน่ายได้ถึง 5,000 คน ในปี
2541 นี้ หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดประมาณ 30% ของตลาดรถยนต์นั่งขนาดเครื่องยนต์
2000 ซีซีขึ้นไป
จะว่าไปแล้ว ยอดจำหน่าย 5,000 คันต่อปี สำหรับรถยนต์โมเดลหนึ่ง ท่ามกลางกระแสความตกต่ำที่เชี่ยวกรากเช่นนี้
ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย แต่ฮอนด้า ก็มั่นใจในอนาคตของตนเอง
อาซาโน อธิบายถึงเหตุผลที่ทำให้มั่นใจว่า แอคคอร์ดใหม่ จะยังได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จในเรื่องยอดจำหน่ายว่า
ในส่วนของตัวผลิตภัณฑ์เองแล้ว สามารถขายตัวเองได้อย่างสบาย เพราะนโยบายที่ฮอนด้าตั้งใจ
ก็คือแอคคอร์ดใหม่นี้ เป็นยานยนต์โมเดลใหม่ที่ฮอนด้าบรรจงสร้างสรรค์ เพื่อให้เป็นรถยนต์ซีดานสำหรับลูกค้าในอาเซียน
ที่สำคัญเป็นรุ่นที่มีมาตรฐานทางยนตรกรรมเทียบเท่ารุ่นที่วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา
ไม่ว่าจะเป็นตัวถังที่โอ่อ่ากว้างขวาง สมรรถนะในการขับขี่ที่มั่นคงปลอดภัย
และพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัย เช่น ถุงลมนิรภัย ระบบเบรกเอบีเอส
รวมถึงโครงสร้างที่แข็งแกร่ง และกันชนที่สามารถรับแรงกระแทกที่ความเร็ว 8
กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยไม่เสียหาย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของยานยนต์ระดับนี้ในประเทศไทย
โดยรวมแล้วในส่วนของตัวผลิตภัณฑ์ อาซาโน มั่นใจว่า แอคคอร์ดใหม่จะเป็นรถยนต์ซีดานที่เหนือกว่าทุกยี่ห้อในระดับเดียวกัน
ทั้งด้านสมรรถนะ ความหรูหราสะดวกสบาย และประการสำคัญก็คือในเรื่องของราคา
นอกจากนี้ อาซาโน ยังหวังไกลขึ้นไปอีกว่า ไม่เพียงแต่ตลาดรถยนต์นั่งระดับกลางซึ่งค่ายญี่ปุ่นครองตลาดอยู่เท่านั้น
ที่แอคคอร์ดใหม่จะช่วงชิงความเป็นเจ้าตลาดได้ สำหรับตลาดรถยนต์หรูหราซึ่งค่ายรถจากยุโรปครองตลาดอยู่นั้น
ก็คงจะต้องกระเทือนกับความสมบูรณ์ของแอคคอร์ดใหม่บ้าง ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะแอคคอร์ดใหม่
รุ่น V6 ขนาดเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ซึ่งอาซาโนยืนยันว่า แอคคอร์ดมีสมรรถนะเหนือชั้นกว่าในหลายรุ่นที่มีจำหน่ายอยู่
ความมั่นใจของอาซาโน ไม่ได้เกิดจากตัวผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของแอคคอร์ดใหม่เท่านั้น
ยังคงมีองค์ประกอบรอบข้างอีกหลายประการด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นภาพพจน์ชื่อเสียงของฮอนด้า
ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นผู้นำรถยนต์ญี่ปุ่นในไทยเลยทีเดียว
"ในประเทศไทย ฮอนด้า แอคคอร์ด ได้รับการยอมรับอย่างดียิ่งนับตั้งแต่การเปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี
2527 และแอคคอร์ดสามารถครองส่วนแบ่งสูงสุดในตลาดรถยนต์ระดับเดียวกัน ทำให้กลุ่มลูกค้าของแอคคอร์ดได้ขยายวงกว้างขึ้น
และแม้ภาวะตลาดในปัจจุบันจะซบเซาอย่างมาก แต่ทว่าแอคคอร์ดกลับมีความสำคัญมากขึ้น
และเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากขึ้น ในไทยฮอนด้ามีลูกค้าที่มีความลึกซึ้งและผูกพันอย่างแน่นแฟ้นกับผลิตภัณฑ์
และเป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าถึง 230,000 ราย โดยประมาณ 70,000 ราย เป็นเจ้าของแอคคอร์ด
ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่มีความประทับใจในตัวฮอนด้า แอคคอ์ด รวมทั้งบริการต่างๆ ของเรา ด้วยเหตุดังกล่าว การเปิดตัวแอคคอร์ดใหม่ จึงมีความสำคัญต่อฮอนด้าเป็นอย่างยิ่ง
ที่มุ่งหวังจะเจาะกลุ่มลูกค้าในตลาดรถยนต์ระดับหรูในประเทศไทยให้สำเร็จให้ได้
และนับจากนี้ไปบทบาทของแอคคอร์ดใหม่จะท้าทายและขยายตัวกว้างยิ่งขึ้น"
การเปิดตัวแอคคอร์ดใหม่พร้อมเป้าหมายสำคัญที่ออกมา จึงกลายเป็นว่า แม้ฮอนด้า
จะต้องยอมถอยเพื่อตั้งรับกับสถานการณ์โดยรวมที่ย่ำแย่เฉกเช่นทุกค่ายรถยนต์ที่ดำเนินอยู่
แต่ต่างกันตรงที่ว่า
ฮอนด้ายังไม่จำเป็นถึงขนาดต้องปิดโรงงาน
ไม่จำเป็นถึงขนาดที่ว่า ต้องเปิดตัวรถยนต์ใหม่ตามกำหนดเวลาที่วางไว้อย่างจำใจ
แต่ ฮอนด้า แม้จะตั้งรับกับสถานการณ์โดยรวม แต่เมื่อมองเทียบกับคู่แข่งแล้ว
ฮอนด้ากำลังรุกกระหน่ำอย่างหนักทีเดียว
ปี 2540 ฮอนด้า คาดหมายว่าจะได้ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์นั่งที่ 27% ส่วนปี 2541
นี้ ฮอนด้าประเมินว่าตลาดรถยนต์โดยรวมของไทยจะอยู่ที่ 240,000 คัน และจะเป็นรถยนต์นั่งประมาณ
80,000 คัน ซึ่งแน่นอนว่าเป้าหมายการจำหน่ายของฮอนด้าจะตกต่ำกว่าปี 2540
แต่ในส่วนของส่วนแบ่งตลาดแล้ว ฮอนด้ามั่นใจว่าจะสามารถดึงมาได้ถึง 33% ซึ่งการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในช่วงที่สถานการณ์พลิกผันเช่นนี้
ถ้าทำได้ อนาคตของฮอนด้าคงมองไม่ยากแล้ว