เปิดทางออกไทยน๊อคซ์แก้ธรรมาภิบาลหดหาย ไร้ความน่าเชื่อถือในสายตาคนหุ้น ต้องโละบอร์ดยกชุดตั้งคนใหม่เข้าไปแทนสร้างภาพโปร่งใส เรียกความเชื่อมั่น ชี้กรรมการตรวจสอบคนใหม่ไทยน๊อคซ์ต้องตั้งภายใน 90 วัน หลังคนเก่าออกก่อนหมดคุณสมบัติ ขณะที่ไทยคอปเปอร์ฯ ป่วนไปด้วย ขายหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ยากกว่าเก่า ก.ล.ต.-ตลท.เตรียมจับตาเข้มงวด งานนี้ทางแก้ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการที่น่าเชื่อถือเข้าไปสร้างภาพลักษ์ใหม่ให้ตลท. และก.ล.ต.มั่นใจปล่อยให้เข้าตลาดหุ้นได้

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์กรณีบริษัทไทยน๊อคซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ TNX ได้แจ้งเรื่องการเพิ่มทุน 2 พันล้านหุ้น และออกใบสำคัญแสดงสิทธิในหุ้นสามัญ หรือ วอร์แรนต์ 2 พันล้านหน่วย และการเตรียมซื้อที่ดินจากบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน เพื่อเตรียมผุดโครงการยักษ์ผลิตเหล็กรีดร้อนมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท โดยไม่ได้มีการเปิดเผยไว้ในหนังสือชี้ชวน ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้ไทยน๊อคซ์เพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯจึงยังไม่สามารถเพิ่มทุนจดทะเบียนได้

ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต้องห้ามซื้อขาย หรือ เอสพีหุ้นไทยน๊อคซ์ตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ.ถึงวันที่ 1 มี.ค.และเปิดให้ซื้อขายได้ในวันที่ 2 มี.ค.ซึ่งราคาหุ้นไทยน๊อคซ์ถึงกับทรุดลงทันที

แม้บริษัทฯ และนายประยุทธ มหากิจศิริ จะออกมาชี้แจงและยอมถอยไม่เพิ่มทุน ไม่ซื้อที่ดินจากบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน โดยระบุว่า บริษัทยังไม่มีนโยบายที่จะเพิ่มทุนจดทะเบียน เพื่อใช้ในโครงการผลิตเหล็กรีดร้อน มูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาทแต่อย่างใด เนื่องจากมีเงินสดอยู่สูงถึง 3,000 ล้านบาท แต่การที่มีข่าวดังกล่าวออกมา เกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ที่นำข้อมูลการประชุมของคณะกรรมการบริษัทแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงความเห็นของคณะกรรมการเพียงคนเดียว

ส่วนการลงทุนในโครงการเหล็กรีดร้อนนั้น ยังต้องศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6-9 เดือน จึงจะมีความชัดเจนมากขึ้น และโครงการยักษ์ก็ยังต้องใช้เวลาศึกษาอีกหลายเดือนก็ตาม อีกทั้งยังให้จ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท หากเปรียบเทียบกับราคาปิดที่ 1.76 บาท เท่ากับว่าให้เงินปันผลในอัตรา 5.68% ก็ยังไม่สามารถจะดึงราคาหุ้นไทยน๊อคซ์ให้ฟื้นคืนกลับมายืนที่ระดับ 2 บาทได้

หุ้นไทยน๊อคซ์ลดลง 12.87% มาปิดที่ 1.76 บาท เนื่องจากนักลงทุนกังวลในเรื่องของธรรมาภิบาลหรือความโปร่งใสในการบริหารงานของผู้บริหาร

รายงานข่าวระบุว่า การลาออกของนายสุวรรณ วลัยเสถียร กรรมการตรวจสอบของบริษัท ไทยน๊อคซ์ ทันทีหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวต้องถือว่าเป็นเครื่องตอกย้ำในเรื่องของธรรมาภิบาลของบริษัทไทยน๊อคซ์ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งไทยน๊อคซ์จะต้องมีการแต่งตั้งมีการแต่งตั้งกรรมการตรวจสอบให้ครบภายใน 90 วัน ตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ ถ้าไม่ทันต้องชี้แจงเหตุผลให้ตลาดหลักทรัพย์ หากมีเหตุผลไม่เพียงพอก็มีสิทธิ์ถูกเพิกถอนเพราะขาดคุณสมบัติเป็นบริษัทจดทะเบียนได้เช่นกัน

ดังนั้น ไทยน๊อคซ์ควรจะต้องแก้ปัญหาเรื่องธรรมาภิบาลไป ด้วยการปรับปรุงคณะกรรมการบริษัทให้เป็นบุคคลที่สามารถเรียกความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้

ทั้งนี้ รายชื่อคณะกรรมการบริษัท ไทยน๊อคซ์ ล่าสุดหลังจากนายวิชชุกร กรรมการผู้จัดการได้ขอลาออกไป ประกอบด้วย นายประยุทธ มหากิจศิริ ประธานกรรมการ นางสุวิมล มหากิจศิริ รองประธานกรรมการ นายฌอง ปอล เทเวอแน็ง นายเทอะซูโอะ อิโตะ นายวัลลภ คุณานุกรกุล นายสมบัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา นางสาวอุษณีย์ มหากิจศิริ นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ นางอุษณา มหากิจศิริ เป็นกรรมการ ส่วนหม่อมราชวงศ์ปรียางค์ศรี วัฒนคุณ และนายจรินทร์ สวนแก้ว เป็นกรรมการตรวจสอบ

รายงานข่าวระบุอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับไทยน๊อคซ์ยังได้ส่งผลต่อเนื่องไปยังบริษัทไทยคอปเปอร์ อินดัสตรี่ จำกัด (มหาชน) ทำให้การยื่นขอกระจายหุ้นกับประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ) และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยากขึ้น เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องของธรรมาภิบาล ดังนั้นจึงต้องมีการแก้ปัญหาโดยการตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เข้ามาบริหาร

ขณะที่ บริษัทไทยคอปเปอร์ฯ เองเมื่อมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ ก็ต้องมีการดึงเอามืออาชีพและบุคคลที่มีความสามารถมีธรรมาภิบาลเข้ามาเป็นกรรมการเพื่อล้างภาพลบ

"ทั้งตลท.และก.ล.ต.คงจะต้องดูเรื่องคณะกรรมการบริษัทที่จะเข้ามาบริหารงานอย่างเข้มงวด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนธรรมาภิบาลของบริษัทไม่ได้รับความเชื่อถือ" รายงานข่าวระบุไว้

วานนี้ (3 มี.ค.) ราคาหุ้นไทยน๊อคซ์ปิดที่ 1.76 บาท ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน มูลค่าการซื้อขาย 137.5 ล้านบาท